เย็นวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๘ ผมไปนั่งเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา กับคณะสัมมนาของมหาวิทยาลัยมหิดลสังเกตว่ามีต้นไม้พุ่มขนาดกลาง สูงราวๆ ๑๐ เมตร ที่มีดอกสีขาวเต็มต้น อยู่ที่ริมตลิ่ง ในที่ต่างๆ จำนวนหลายต้น พยายามถ่ายรูปเพื่อดูลักษณะดอกก็ไม่สำเร็จ เพราะไกล และเรือแล่น
เช้าวันที่ ๒๒ ผมออกไปเดินออกกำลังจากโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ ไปทางสถานีรถไฟอยุธยา ระหว่างทางมีสะพานข้ามคลองที่ไม่มีชื่อบอกไว้ ที่ริมคลองมีต้นไม้ที่มีดอกแบบเดียวกัน แต่ต้นเล็กหน่อย คราวนี้ถ่ายรูปไว้ได้ และเช้าวันเดียวกัน ผมเห็นต้นไม้แบบเดียวกันอยู่ริมฝั่งแม่น้ำป่าสัก ฝั่งตรงกันข้ามกับโรงแรม
ผมจึงไปถามเจ้าหน้าที่ของโรงแรมว่ารู้จักต้นไม้นั้นไหม ตอนแรกเธอบอกว่าไม่รู้จัก แต่พอคุยเข้าหน่อย เธอบอกว่าชื่อต้นกุ่ม กุ่มน้ำ ที่เขาเอาดอกมาดองกินกับน้ำพริก ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า สมัยเด็กๆ ที่บ้านผมกินผักกุ่มดอง กินกับน้ำพริก ลักษณะคล้ายผักเสี้ยนดอง
กลับมาค้น กูเกิ้ลที่บ้าน พบว่าเป็นต้น กุ่มน้ำ จริงๆ และบอกรายละเอียดว่ายอดอ่อนและดอกดองกินได้จริงๆ
ติดกับโรงแรมกรุงศรีริเวอร์ เป็นวัดพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่ที่พระยาตากหลบไปชุมนุมพลเมื่อวันที่ ๙ มกราคม ๒๓๐๙ ตกค่ำมีฝนตกลงมาห่าใหญ่ ถือเป็นลางดีว่าฟ้าเป็นใจ ตกกลางคืนก็ยกพลไปทางทุ่งหันตรา เพื่อตีฝ่าทัพพม่าไปตั้งหลักที่จันทบุรี และกลับมารบชนะพม่ากอบกู้ชาติได้ในเวลาเพียง ๗ เดือน
ตรงกับเมื่อคืน (เป็นวันที่ ๒๒ แล้ว) ตอนดึกฝนตกหนัก ฟ้าร้องครืนๆ ทำให้ตอนเช้าอากาศเย็นสบาย ต่างจากความร้อนอบอ้าวตอนบ่ายวันที่ ๒๑ โดยสิ้นเชิง
ผมได้เข้าไปชมความงามของแม่น้ำเจ้าพระยา และสะพานปรีดีธำรงจากริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่เป็นเขื่อนริมน้ำของวัด รวมทั้งชมบริเวณวัด ที่ผมมีความรู้สึกทั้งชอบ และไม่ชอบปนกัน ที่ชอบคือ เป็นสถานที่รื้อฟื้นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ ที่ดำเนินการโดยภาคประชาชน ไม่ใช่ภาคหลวง และบางส่วนของวัดสวยงามร่มรื่นดี แต่ส่วนที่ไม่ชอบ คือสิ่งก่อสร้างแน่นเกินไป เกินพอดี รวมทั้งเป็นวัดที่เน้นเครื่องราง ของขลัง ซึ่งไม่ใช่พุทธแท้ แต่คิดอีกที ก็เป็นการสนองความต้องการของสังคม ที่ต้องการสิ่งเหล่านั้นเป็นที่พึ่ง เพราะการเลี้ยงดูและการศึกษาของเราไม่ได้ปลูกฝังความเชื่อหรือคุณค่า ของการพึ่งตนเอง พึ่งความดีในตนและความเคารพผู้อื่น
วิจารณ์ พานิช
๒๓ มี.ค. ๕๘
ไม่มีความเห็น