คณะเทคโนโลยี ประกาศอัตลักษณ์นิสิตในสังกัดคณะว่า "ผู้มีปัญญาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน" ในบรรดาโครงการอันหลากหลายที่ขับเคลื่อนโดยผู้บริหารคณะ หรือกระทั่งนิสิตในคณะ โครงการ "เทคโนยิ่งใหญ่ปันน้ำใจให้น้องคล้องสายสัมพันธ์" ดูเหมือนจะเป็นอีกหนึ่งระบบและกลไกของการเสริมสร้างและพัฒนานิสิตสู่ความเป็นอัตลักษณ์ข้างต้น
โครงการดังกล่าว จัดขึ้นเมื่อวันที่ ๑๓–๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๗ ณ โรงเรียนบ้านเหล่า ต.โคกพระ อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม โดยมีวัตถุประสงค์สำคัญๆ คือ
มองผ่านระบบและกลไกการพัฒนานิสิตผ่านกิจกรรมนอกชั้นเรียนโดยใช้โครงการดังกล่าวเป็นกรณีศึกษา พบประเด็นสำคัญๆ ดังนี้
๑.เป็นค่ายอาสาบนความเป็นหนึ่งเดียว : เป็นการบูรณาการทุกหลักสูตรในคณะไปสู่การบริการชุมชน โดยให้แต่ละหลักสูตร (แต่ละวิชาชีพ) นำความรู้ไปถ่ายทอดและสร้างประโยชน์ต่อชุมชน ได้แก่ เทคโนโลยีการอาหาร เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีการเกษตร สัตวศาสตร์ ประมง
๒.เป็นค่ายอาสาแบบสอนและสร้าง : ขับเคลื่อนบนฐานคิดของการ "สอน" (ถ่ายทอดความรู้) ที่เกี่ยวกับวิชาชีพในสังกัดคณะเทคโนโลยี โดยมอบหมายให้นิสิตแต่ละหลักสูตรได้บรรยายความรู้แก่นักเรียนหลักสูตรละ ๒๐ นาที เป็นการวางพื้นฐานเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริง หรือเชิงปฏิบัติการในลำดับถัดไป นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรมในลักษณะของการ "สร้าง" แหล่งเรียนรู้ให้กับชุมชน/โรงเรียนบนฐานวิชาชีพของแต่ละหลักสูตร เช่น กระชังเลี้ยงปลา ซุ้มไม้เลื้อย จักรยานสูบน้ำเพื่อสุขภาพ
๓.เป็นค่ายเรียนรู้คู่บริการผสานพลังชุมชน : เป็นกระบวนการจัดการเรียนรู้ผ่านค่ายอาสาพัฒนาที่มีมนต์เสน่ห์ในมิติของการสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างนิสิตกับชุมชน กล่าวคือในทุกๆ กิจกรรม โดยเฉพาะที่ว่าด้วยการ "สร้าง" นั้นจะมีแกนนำชุมชน ผู้ซึ่งเป็นเสมือนปราชญ์ชาวบ้านเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับกิจกรรมอย่างสนิทแน่น สะท้อนถึงการเป็นส่วนร่วมและการเรียนรู้แบบไม่มีชนชั้นระหว่าง "นิสิตกับชาวบ้าน" เสมือน "พ่อสอนลูก" ช่วยให้นิสิตได้เรียนรู้กระบวนการเชิงทักษะที่รองรับความรู้ภาคทฤษฎีที่นิสิตนำไปถ่ายทอดได้อย่างลงตัว
๔.บูรณาการกิจกรรมหลากระบบและกลไก : แทบจะเรียกได้ว่ากิจกรรมค่ายครั้งนี้ครอบคลุมระบบและกลไกทั้ง ๕ ด้านของการพัฒนานิสิตอย่างไม่ผิดเพี้ยน เช่น
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ค่ายอาสาในชื่อโครงการ "เทคโนยิ่งใหญ่ปันน้ำใจให้น้องคล้องสายสัมพันธ์" จะยังไม่ครบกระบวนการเรียนรู้ในมิติ "บวร" (บ้าน-วัด-โรงเรียน) แต่นั่นก็ไม่ถึงว่าเป็นความล้มเหลว เพราะในองค์รวมสามารถขับเคลื่อนการเรียนรู้ตอบโจทย์ต่อความเป็นอัตลักษณ์ของนิสิตภายใต้คณะได้อย่างชัดแจ้ง
กอปรกับชุมชน/โรงเรียน ก็ได้มีส่วนร่วมในการคิด ตัดสินใจและลงมือทำร่วมกับนิสิต ซึ่งผลผลิตปรากฏเป็นรูปธรรม สามารถเป็นแหล่งเรียนรู้และใช้ประโยชน์ได้จริงทั้งในระดับชุมชน (หมู่บ้าน) และโรงเรียน (ครู นักเรียน) และนั่นยังอาจหมายถึงการเป็นแหล่งผลิตอาหารกลางวันเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของนักเรียนได้ด้วยเช่นกัน
และทั้งปวงนั้นโครงการดังกล่าว ก็ตอบโจทย์อัตลักษณ์ความเป็นนิสิต (ผู้มีปัญญาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พึงเป็นอยู่เพื่อมหาชน) ได้อย่างโดดเด่น มิหนำซ้ำยังเป็นค่ายอาสาพัฒนาบนฐานวิชาชีพ และพร้อมที่จะยกระดับขึ้นสู่ค่ายอาสาพัฒนาในมิติการบริการวิชาการแก่สังคมได้อย่างไม่ยากเย็น
ภาพ : คณะเทคโนโลยี
เครื่องไม่อนุญาตให้ ดอกไม้ค่ะ
เป็นกิจดรรมบูรณาการความรู้สู่ชุมชนที่น่าชื่นชม..อีกครั้ง
ชอบที่ให้นิสิตสอนนักเรียนเพราะการสอนนิสิตจะต้องประมวลผลความรู้ของตัวเองทั้งหมดจนถ่องแท้จึงมั่นใจ สอนสิบต้องรู้ร้อย
ชื่นชมการใหนิสิตไดเรียนรู้จากผู้รู้ในชุมชน ชาวบ้านรู้จริงในสิ่งที่ทำ เด็กก็เกิดการถ่อมตนว่า แค่เรียนสูงก็มิไดรู้ทุกสิ่ง ประสบการณ์จริงมีค่ามากกว่า
เป็นแแบอย่างที่ดีมากๆค่ะ
สวัสดีค่ะอาจารย์
เป็นกิจกรรมที่น่าชื่นชมจริงๆค่ะ
ดูภาพแล้วคิดถึงบ้านจัง
เยี่ยมมากๆค่ะ ....
สวัสดีครับ พี่ nui...
ช่วงนี้ผมอยู่ระหว่างการทบทวนงานเก่าๆ เลยได้ทำเรื่องเก่าๆ มาบอกเล่า เพื่อปักหมุดเป็นโมเดลของแต่ละองค์กร งานของเด็กๆ ก็คงประมาณนี้ในระยะนี้ก็หนีไม่พ้นค่ายอาสา แต่เริ่มเห็นแล้วว่าค่ายอาสา เร่มเกี่ยวโยงกับวิชาชีพของนิสิตมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก...
ตรงนี้แหละครับที่ผมสนใจและให้ความสำคัญ เพราะมันมีค่าและโดดเด่นไม่แพ้การสร้างอาคารอเนกประสงค์ หรือสนามกีฬาทั่วๆ ไป
และนั่นยังรวมถึงการพยายามเชื่อมให้นิสิตได้ออกแบบการเรียนรู้ชุมชนไปพร้อมๆ กัน...
ขอบพระคุณครับ
ครับ พี่ใหญ่นงนาท สนธิสุวรรณ
ผมชอบงานประเภทที่นิสิตลงชุชนแล้วได้ทำงานร่วมกับชุมชน... ไม่ใช่นิสิตทำคนเดียว มันเหมือนการให้ที่ไม่ได้สร้างสำนึกร่วมของผู้ที่ต้องใช้ประโยชน์ หรือดูแลรักษาสืบๆ ไป ครับ
ขอบพระคุณครับ