ทำไม "ผู้ใหญ่" ไม่ทำ ทั้งๆ ที่บอกตลอดว่า "คุณธรรมนำความรู้"


วันที่ ๒๑ มีนานคม ๒๕๕๘ ผมเดินทางไปต้อนรับ อาจารย์ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา ที่สนามบินขอนแก่น เพื่อรับท่านมาบรรยายพิเศษ (ดังสรุปไว้ในบันทึกแล้วที่นี่ครับ)

ระหว่างเดินทางกลับ ท่านเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟังที่เกี่ยวข้องกับคำถามที่ผมตั้งขึ้นด้วยความอยากรู้อยากเห็น ... มีประเด็นหนึ่งที่ผมยังคงสงสัย ว่าทำไม "ผู้ใหญ่" ไม่ทำ ทั้งๆ ที่บอกตลอดว่า "คุณธรรมนำความรู้"

ท่านเล่าว่า ในแต่ละปี ที่โรงเรียนสัตยาไสจะมีนักเรียนมาสมัครเข้าเรียนประมาณ ๕๐๐ คน และต้องคัดออก ๔๗๐ คน คือรับได้เพียง ๓๐ คน (ชั้นปีละ ๑ ห้องๆ ละ ๓๐ คน) และด้วยความจำเพาะของวิธีคัดเลือก ที่ต้องสอบสัมภาษฑ์ผู้ปกครอง แสดงว่าน่าจะเป็นความต้องการที่แท้จริง

ผมรู้จักนักเรียนจากโรงเรียนสัตยาไสที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ๒ คน คนหนึ่งจบแล้ว อีกคนหนึ่งเป็นนักเรียนแกนนำขับเคลื่อน ปศพพ. ในมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนมีทักษะชีวิตด้านจิตใจสูงมาก ผมหมายถึง มีอุดมการณ์ที่แน่วแน่ของตน ผมคิดว่าคนที่มีอุดมการณ์ ไม่ได้เกิดขึ้นจากการฝึกฝนเท่านั้นแต่หากอยู่ที่การปลูกฝังให้รู้จักแบ่งปันและเรียนรู้ภายในใจให้รู้จักตนเอง ให้มีปัญญาเกี่ยวกับตน จนเกิดความภูมิใจในความดี ความรู้ ความสามารถของตน และเห็นภาพเป็นองค์รวมพอสมควร จึงสามารถเลือกแนวทางที่สมควรและเหมาะสมในชีวิตของตน ...สิ่งนี้อาจเรียกได้ว่าเป็น ภูมิคุ้มกันที่ดีจากภายในได้

ในประเด็นผลลัพธ์ที่เกิดกับกระบวนการสร้างคนของโรงเรียนสัตยาไส ท่านเล่าเสริมว่า ผลงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยมหิดลได้ยืนยันถึง ความยั่งยืนของคุณธรรมความดี ที่มีในนักเรียนของ ร.ร.สัตยาไส คือเมื่อจบออกไปสู่โลกกว้างภายนอกแล้ว นักเรียนสามารถออกไปใช้ชีวิตท่ามกลางสังคมยุคเปลี่ยนแปลงได้อย่างดี... ซึ่งส่วนตัวผมไม่แปลกใจ เพราะผมเชื่อมั่นใน "ทฤษฎีสั่งสม" อยู่แล้ว

สิ่งที่ผมแปลกใจที่สุด ที่ผมได้นำเสนอต่อท่านอาจารย์ อาจอง คือ ทำไม "ผู้ใหญ่" ในประเทศไทย จึงไม่ใช้งบประมาณ มาทุ่มสร้าง "คนดี" ด้วยวิธีนี้ หากเพิ่มโรงเรียนแบบนี้ให้มีอีกเพียงพอที่จะผลิต "ต้นกล้าความดี" แบบนี้ปีละ ๕๐๐ คน (ตามความต้องการของผู้ปกครอง) ในอีกสิบปี ก็จะมีกำลังคนดีถึงปีละ ๕๐๐ คน ไม่ใช่ปีละ ๓๐ คน แบบนี้ ... เทียบกับโรงเรียนสอน "คนเก่ง" ที่ให้งบมหาศาล ตั้งกันขึ้นกว่า ๒๐ โรงเรียนและยังขยายสาขาไปทั่ว ผลิตคนเป็น "นักวิทย์" แต่ได้นิสิตแพทย์และวิศวกร สะท้อนให้เห็นว่า การปลูกฝังอุดมการณ์ล้มเหลว....

ท่านเล่าให้ฟังด้วยว่า ตอนนี้ท่านไปช่วยสร้างโรงเรียน "คนดี" แบบสัตยาไสนี้ทั่วโลก ที่จริงจังทั้งประเทศคือภูฎาน นอกจากนี้ก็มีเด่นๆ เช่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเชีย สิงคโปร์ ลาว ฯลฯ ...

หยุดเขียนดีกว่า เพราะว่าจิตเกิดอกุศ เมื่อเขียนบันทึกเชิงวิพากษ์แบบนี้ ....


หมายเลขบันทึก: 588256เขียนเมื่อ 31 มีนาคม 2015 08:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 31 มีนาคม 2015 08:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

รอสักวันหนึ่งโรงเรียน" ร่วมสร้างคนดี" จะเต็มแผ่นดินไทย ไม่ต้องรอให้ที่ปรึกษาจากต่างประเทศมาเสนอให้ทำ

เจริญธรรมค่ะ

พานทอง (ยาดมเอง)

เห็นว่า สนช. ในกลุ่มศาสนาและวัฒนธรรม จะเน้นเรื่องคุณธรรมในโรงเรียนนั่น ผมว่า เป็นยาหอมมากกว่า รัฐไม่มีทางทำ เพราะมันคือ หลักพิสูจน์การกระทำของรัฐ (ที่ปกปิด) ทุกยุคทุกสมัย ถ้าทำจริงๆ ทำไมไม่ไปผลักดันที่เขาทำไปแล้วคือ โรงเรียนวิถีพุทธหรือ โตขึ้นโกงของกทม. มันไม่เวิร์กแน่นอน ขออภัยที่ปรามาสก่อน เพราะเราเห็นมาแล้วหลายยุค ขอสนับสนุนอ.องอาจนะครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท