ดิฉันได้รับการแจ้งจากสำนักงานจัดการความรู้ของกรมควบคุมโรค ให้ไปรับรางวัลการจัดการความรู้ที่มีทีมงานดีและมีการนำไปใช้ในการพัฒนาองค์กร และเชิญให้ไปเป็นวิทยากรพูดเรื่องการจัดการความรู้ ประสบการณ์จริงของหน่วยงานกรมควบคุมโรค
ดิฉันรู้สึกภูมิใจแทนคณะทำงานและเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ร่วมทำงานและตั้งใจแสดงผลงาน สามารถให้คณะกรรมการกรมเห็นผลงานของเรา
ในสถาบันเรามีการจัดการความรู้ที่อาศัยเรื่องHAเป็นการสื่อสาร ไม่ให้เจ้าหน้าที่รู้เรื่องศัพท์ของKMมากนักเพราะกังวลว่าจะสับสน เราใช้ CQIเป็นเครื่องมือสื่อสาร หลังจากได้HAแล้วเราจึงได้เริ่มให้รู้จักเครื่องมือใหม่ๆของKM
ดิฉันฝันที่จะให้หมอศุภมิตร รองกิตติ และหมอธนรักษ์ที่เป็นKey Success Factor รู้เรื่องKMเป็นภาพเดียวกับที่ดิฉันคิด โดยไม่เน้น Technology และ Tool มากนัก แต่ไปเน้นที่ People และProcess เหมือนที่อาจารย์ ดร.ประพนธ์ ผาสุขยืดและ อาจารย์น.พ.วิจารณ์ พานิชได้สอนไว้ ทำให้เราคิดไปทางเดียวกันเวลามีการประชุมเรื่องKMของกรมที่ดิฉันจะค่อนข้างจะเห็นว่าเรายังคิดต่างกันอยู่
อย่างไรก็ตาม ดิฉันคิดว่าKMเป็นเครื่องมือคุณภาพที่ดีมากๆ แต่ค่อนข้างทำยากเพราะขัดกับกิเลศมนุษย์ที่ชอบมองแต่จุดเสียของผู้อื่นและเห็นแต่จุดดีของตัวเอง คงต้องค่อยๆขัดเกลาโดยฝึกให้เป็นวัฒนธรรมองค์กร ดิฉันเคยอบรมODกับอาจารย์สันทัดทำให้มอง KM= OD+Management ดิฉันจำแผ่นใสสุดท้ายที่มีแต่ความว่างเปล่าและมีจุดสีดำเล็กๆและอาจารย์ถามพวกเราว่าเห็นอะไรจากแผ่นภาพนี้ ทุกคนตอบเหมือนกนคือเห็นจุดสีดำ เมื่ออาจารย์เฉลยเราก็ได้แต่หัวเราะกัน พร้อมบอกกับพวกเราว่าจุดขาวมีตั้งมากมายทำไมไม่เห็นกัน
ดิฉันจะได้ไปลปรรกับ สคร อีกสองแห่งซึ่งเข้าใจว่าคงได้รางวัลเหมือนเรา คงจะทำให้ดิฉันเห็นมิติของการมองเรื่องKMกว้างขึ้นมากค่ะ แต่ขณะนี้ยังไม่เห็นตารางของการประชุมสัมมนาซึ่งจะจัดปลายเดือนพย.นี้ค่ะ
ดิฉันจะพยายามเก็บภาพมาฝาก เข้าใจว่าหนูเล็กศุภลักษณ์และหมอหน่อยประธานKMคนใหม่กำลังเฟ้นหาเรื่องที่จะไปนำเสนอเป็นBest Practice ค่ะ
ขอแสดงความยินดีครับ วิธีการที่คุณหมออัจฉราใช้นี่แหละครับ KM ของแท้ - ไม่ต้องเอ่ยคำว่าจัดการความรู้
วิจารณ์