วันที่ ๑๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ CADL สำนักศึกษาทั่วไป ร่วมกับเทศบาลเมืองมหาสารคาม จัดเวที PLC เทศบาลเมืองมหาสารคามเพื่อขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปศพพ.) ที่โรงเรียนเทศบาลบ้านแมด ผู้เข้าร่วมฝึกอบรมเป็นคณะครูคนละกลุ่มกับ PLC-อ่านออกเขียนได้ กับ PLC-พัฒนาการคิด ประมาณ ๕๐ ท่าน ผู้บริหาร ๗ ท่าน โดยมี รองนายกเทศมนตรีวัลลภ วรรณปะเถาว์ ให้เกียรติมาเป็นประธานในครั้งนี้เช่นเคย... ขอขอบพระคุณท่านที่ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่องครับ
BAR (Before Action Review)
ก่อนเริ่มกิจกรรม สิ่งที่เราทำไม่ขาดก็คือ แจกกระดาษโพสท์อิทคนละใบ แล้วให้เขียนคำตอบของคำถาม เพื่อสร้างและปรับค่านิยมร่วม (Shared Value) ได้แก่ ๑) หากเราทำสำเร็จ ทุกคนมีอุปนิสัย "พอเพียง" นักเรียนจะมีคุณลักษณะหรือความสามารถอย่างไร และเพื่อสำรวจความเข้าใจต่อ ปศพพ. ด้านการศึกษา ผมตั้งปัญหาให้เขียนตอบในกระดาษโพสท์อิทแผ่นที่ ๒) ว่า จงยกตัวอย่างวิธีการปลูกฝังอุปนิสัย "พอเพียง" ที่ท่านได้ทำมาแล้ว
ต่อไปนี้คือคำตอบของครู เมื่อถามว่า เด็กมีอุปนิสัย "พอเพียง" จะมีคุณลักษณะและความสามารถอย่างไร?
และ คำตอบของครู เมื่อถาม ข้อ ๒) ให้ยกตัวอย่างในการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้
วิเคราะห์จากคำตอบของครู เราจะรู้ไดัระดับหนึ่งว่า
จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการขับเคลื่อน ปศพพ. คือ เริ่มจากถอดบทเรียนสิ่งที่ทำแล้วหรือสิ่งที่กำลังทำอยู่แล้ว
ปัญหาสำคัญที่สุดของการขับเคลื่อน ปศพพ. สู่สถานศึกษา คือ บุคลากรเข้าใจว่า การขับเคลื่อนฯ เป็นภาระเพิ่มเติมจากงานประจำที่ทำตามหลักสูตร ซึ่งถือเป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง เพราะอุปนิสัย "พอเพียง" คือคุณลักษณะที่พึงประสงค์ของหลักสูตรแกนกลาง ๒๕๕๑ ซึ่งใช้โรงเรียนกำลังใช้อยู่ เช่น คุณธรรมพื้นฐาน ๘ ประการ ได้แก่ ขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย สุภาพ สะอาด สามัคคี มีน้ำใจ และสมรรถนะที่สำคัญของผู้เรียน ๕ ประการ ได้แก่ ทักษะการสื่อสาร ทักษะการคิด การแก้ปัญหา ทักษะชีวิต และทักษะการใช้เทคโนโลยี นั่นหมายความว่า การขับเคลื่อน ปศพพ. ก็คือการทำให้นักเรียนบรรลุถึงคุณลักษณะที่พึงประสงค์ตามหลักสูตร นั่นหมายถึง การขับเคลื่อนฯ คืองานหลักนั่นเอง...
ดังนั้น สิ่งแรกที่ต้องทำสำหรับผู้ต้องการจะขับเคลื่อน ปศพพ. ด้านการศึกษาสู่โรงเรียนของตนคือ ทำใจตนเองให้ยอมรับว่า งานขับเคลื่อนฯ คืองานหลัก คือภาระหน้าที่หลัก ไม่ใช่ภาระหน้าที่เสริมเพิ่มเติมใดๆ
วิธีที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นดำเนินการคือ "ถอดบทเรียน" ตนเอง โรงเรียนตนเอง ว่าสิ่งที่เราทำอยู่นั้น "พอเพียง" หรือไม่ โดยมุ่งพิจารณาภาระหน้าที่ของตนเป็นหลัก เช่น ผู้บริหารก็พิจารณาการบริหารจัดการของตนว่า แต่ละสิ่งอย่างที่ทำนั้นมีเหตุผลที่ถูกต้องเพียงพอหรือไม่ ใช้วิธีการที่เหมาะสมพอประมาณหรือไม่ และมีแนวทางและการบริหารความเสี่ยงหรือภูมิคุ้มกันที่ดีหรือไม่ แต่ถ้าหากเป็นครู ต้องดูที่การจัดการเรียนรู้และปฏิบัติสัมพันธ์ระหว่างตนกับนักเรียนเป็นสำคัญ
การแยกกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในประเด็น "ที่ผ่านมาเราขับเคลื่อน ปศพพ. ในโรงเรียนอย่างไร" แล้วเปิดโอกาสให้แต่ละกลุ่มได้นำเสนอต่อหน้าทุกคน และจับประเด็นเด่นๆ สรุปได้ดังแบ่งไว้เป็น ๓ หมวด คือ เกี่ยวกับการเรียนการสอน กิจกรรมเสริม และกิจวัตรในชีวิตประจำวัน ดังภาพ
การแยกกลุ่มแลกเปลี่ยนเรียนรู้และส่งตัวแทนมานำเสนอ แท้จริงก็คือการ "ถอดบทเรียน" อย่างรวดเร็ว พบว่ากิจกรรมการขับเคลื่อนฯของโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ ก็เหมือนโรงเรียนส่วนใหญ่ ที่ให้ความสำคัญกับ กิจกรรมปลูกฝังและส่งเสริมด้านคุณธรรม และนำเข้าสู่ห้องเรียนผ่านรายวิชาการงานอาชีพและเทคโนโลยี
ผมในฐานะผู้ขับเคลื่อนฯ บอกกับครูแบบ "ฟันธง" เราไม่ต้องทำอะไรใหม่ เพียงแค่เอาสิ่งที่เราทำอยู่แล้วเหล่านี้ มา"ถอดบทเรียน"อย่างละเอียด ให้เห็น วิธีคิด วิธีการ และผลลัพธ์ของตนเองที่ผ่านมาในแต่ละเรื่อง และฝึกให้นักเรียนได้คิดบนฐาน ปศพพ. ๓ ห่วง ๒ เงื่อนไข ๔ มิติ
ฟังจากการนำเสนอ โรงเรียนเทศบาลบ้านส่องนางใย มีครูแกนนำที่รู้แล้วเข้าใจ และน้อมนำหลัก ปศพพ. ไปปฏิบัติอยู่แล้วจนเห็นผล บันทึกหน้าจะมาว่าให้ฟังเรื่องนี้โดยเฉพาะครับ ...
ตอนทายผมบรรยายสรุปหลักปฏิบัติในการขับเคลื่อน ปศพพ. ด้านการศึกษา อ่านได้ที่บันทึกนี้ครับ
ดูรูปทั้งหมดที่นี่ครับ
ไม่มีความเห็น