----------------------------------------
ถวิลอรัญเวศ
รอง ผอ.สพป.นครราชสีมา เขต 4
ผมเองสมัยไปเรียนวิชาบริหารการศึกษาสาขาวิชาประกาศนียบัตรบัณฑิตการบริหารการศึกษาได้รับคำบอกเล่าจากการที่อาจารย์ให้เล่าประสบการณ์การบริหารที่ประทับใจให้เพื่อน ๆฟังมีโรงเรียนแห่งหนึ่งหลังจากทำกิจกรรมเคารพธงชาติหน้าเสาธงแล้วก็จะมีการอบรมผ่านไมโครโฟนเป็นประจำทุกเช้าแต่บางครั้งครูอาจจะไม่รู้ตัวว่าเราพูดอะไรคนในระแวกนั้นเขาจะได้ยินไหม
“นี่...ท่าน ผอ. ที่โรงเรียนเล่นกันขนาดนี้เชียวเหรอ"
ท่านผู้กำกับสะกิดผมให้หันหน้าออกจากวงสนทนาชั่วครู่และกระซิบถาม
“เรื่องอะไรครับท่าน"
ผมรู้สึกตกใจและกังวลใจในคำถามของท่านผู้กำกับ
“ก็เรื่องหน้าเสาธงเมื่อเช้าไงครับ"
ท่านผู้กำกับดูจะต้องการคำตอบอย่างจริงจัง
“อ๋อ!ถ้าเรื่องนั้นก็ขออนุญาต...เอายังงี้..."
ผมสะกิดมือท่านพร้อมหันหน้าเข้าวงสนทนาตามเดิม
วงสนทนาเช้าวันนั้นประกอบด้วยท่านนายอำเภอ
ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำอำเภอหัวหน้าสถานีอนามัยประจำอำเภอท่านผู้กำกับ
ผมและผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายปกครอง
ยืนคุยกันด้วยเรื่องทั่ว ๆ ไปเพื่อรอเวลาที่จะทำกิจกรรมร่วมกันคือกิจกรรมรณรงค์วันงดสูบบุหรี่โลก
26 มิถุนายน
ซึ่งคณะครูและนักเรียนของผมกำลังเตรียมความพร้อมกันอยู่
“เอาอย่างนี้นะครับผมขออนุญาต...จะได้คุยไป
พร้อมๆ กันเลยนะครับ
โดยเฉพาะท่านที่อยู่เก่า
และได้ยินมาบ่อย ๆ แล้วผมขออนุญาตชี้แจงสักเล็กน้อย..."
“เรื่องอะไรครับ ผอ."ท่านนายอำเภอทักขึ้น
“เรื่องหน้าเสาธงครับ"ผมตอบเท่านี้เองเสียง
“อ๋อ" ของคนสองคนซึ่งมีสำนักงานอยู่ใกล้ ๆ
โรงเรียน
ดังขึ้นพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
“คืออย่างนี้ครับ...เมื่อกี้ท่านผู้กำกับกระซิบถามผมแต่ผมเห็นว่าเป็นเรื่องที่น่าจะได้เล่าให้ทุกท่านได้ฟังด้วย"ผมชี้แจง
“เออ ๆ ดีครับดี"ท่านนายอำเภอว่าพร้อมทำมือคล้ายให้ผมพูดต่อไป
“เรื่องนี้เท่าที่ผมทราบเป็นมานานแล้วหล่ะครับ"ผมเริ่มต้น
“แต่ท่านผู้กำกับเพิ่งย้ายมาใหม่ท่านอาจจะตกใจ...แต่ถ้าท่านอยู่ไปสักพักท่านก็อาจจะชินไปเองแหละครับ..."
ท่านผู้อำนวยการโรงพยาบาลหัวร่อร่วนรับประโยคที่ผมเพิ่งพูดจบ
“เอาจนชินเลยเหรอครับ"ท่านผู้กำกับท่าทางเอาจริง
“เปล่าครับ...พูดเล่น...ผมเองก็กำลังหาทางอยู่ครับ..."ผมชี้แจงต่อ
“คืออย่างนี้ครับ...ธรรมเนียมปฏิบัติของโรงเรียนเรื่องหนึ่งก็คือ
หลังเสร็จพิธีเคารพธงชาติและสวดมนต์ไหว้พระก็จะเป็นหน้าที่ของครูเวรประจำวันที่ต้องไปพบปะพูดคุยกับนักเรียนในเรื่องต่าง ๆ
เช่น
การตักเตือนเรื่อง
ความประพฤติการแต่งกาย
การรักษาความสะอาด
การเดินทางไป-กลับเรื่องปฏิทินโรงเรียนวันนี้จะทำอะไรพรุ่งนี้จะมีกิจกรรม
อะไรรวมไปถึงเรื่องการเล่าเรียนของนักเรียนและเรื่องอื่นๆ...
"ผมร่ายยาวไปเรื่อย...
“ทีนี้ก็มีบางคนที่มีบุคลิกของตนเองเป็นพิเศษกว่าคนอื่น ๆ
เช่น
ชอบพูดเสียงดังกระแทกกระทั้น
ที่สำคัญคือชอบพูดแต่เรื่องที่ตนเองอยากพูดไม่สนใจว่าใครจะอยากฟังหรือไม่หรือจะกระทบความรู้สึกของใครอย่างไร
ฉันก็ไม่สนใจ
บางทีก็เอาเรื่องของนักเรียนที่ลืมคาดเข็มขัดเพียงคนเดียวมาสาธยาย(ด่า)ให้นักเรียนตั้งพันกว่าคนต้องทนฟังอยู่ด้วย"
“โอ...แต่เขาใช้คำแรงมากเลยนะ ผอ."ท่านผู้กำกับแทรกขึ้น
“อย่าว่าแรงมากเลยครับใช้คำว่า'หยาบมาก'น่าจะตรงกว่า"ท่าน ผอ.โรงพยาบาลซึ่งปกติเป็นคนเรียบร้อยมากสำทับ
“ครับ ๆ ใช่"ผู้กำกับ รับลูก“แล้ว
ผอ.คิดว่าจะทำไงครับ
"
“อ๋อ...ครับ...นี่ผมก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ก่อนท่านไม่กี่วัน
ขอเวลาให้ผมสักระยะเถอะครับ"
ทุกคนหัวเราะ...แล้วก็ถึงเวลาเข้าสู่พิธีการ
ผมอ่านคำกล่าวรายงานท่านนายอำเภอกล่าวปราศรัยและเปิด
การรณรงค์ครูและนักเรียนเดินรณรงค์...
ต่อมา วันที่ ๑๒สิงหาคม หลังจากวันนั้นเกือบสองเดือน
“ท่าน ผอ.ครับคุณครูคนนั้นย้ายไปแล้วหรือไงครับ?"
ท่านผู้กำกับถามขึ้นเมื่อเจอกันอีกครั้ง
ณสนามหน้า
ที่ว่าการอำเภอในพิธีวันแม่แห่งชาติปีเดียวกัน
“อ๋อ...ยังอยู่ครับ"ผมตอบ
“ผอ.คงห้ามเขาพูดหน้าเสาธงซิท่า"ท่านผู้กำกับยังต้องการคำตอบ
“ก็อาจจะเป็นเช่นนั้น...แต่ไม่ใช่ครับ...เขาก็ยังพูดอยู่..."
“แต่ไม่ค่อยดุเดือดเหมือนเดิม"ท่านผู้กำกับสงสัย
“ครับ...หลังจากวันนั้นผมได้ขอร้องให้ครูไปหาซื้อไมโครโฟนที่พูดไพเราะที่สุดมาไว้หน้าเสาธงจะแพงสักเท่าไหร่ผมก็ยอม...ครับ
ตอนนี้ผมได้ไมค์ที่พูดไพเราะไว้หน้าเสาธง...ก็เท่านั้นเองครับ..."
ครับ ได้ฟังการบอกเล่าจากท่าน
ผอ.โรงเรียนคนที่ว่าเคยเรียนวิชาบริหารด้วยกัน
ฟังดูน่าจะเป็นกลยุทธ์ของ
การสั่งงานก็ว่าได้
ครูท่านนั้นได้ฟังแค่นั้น ก็คงจะคิดได้ เลยไม่พูดคำหยาบหน้าเสาธงอีกต่อไปตั้งแต่นั้นมา.........
*******************
ไม่มีความเห็น