เรียน ผศ.สุณี ครับ
ขอบคุณอาจารย์ที่สนใจครับ
ตั้งแต่หลังประกาศสงครามกับยาเสพติด ห้วงแรก และห้วงที่สอง ผมอยู่ที่ในพื้นที่ด้วย
ด้วยงานที่เกี่ยวข้องกับงานพัฒนา และอยู่กับชาวบ้าน เลยรับรู้ความรู้สึกบางอย่างร่วมกันกับชาวบ้าน กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนั้น ตามที่เขียนในบันทึก "คำเปิดเล่ม..."
เราคิดกันระหว่างผมกับผู้พัน (พ.ท.ปิยวุฒิ) ถึง "การแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน" และเรานึกถึง ขวัญกำลังใจชาวบ้านที่กระเจิดกระเจิงคราสงครามครั้งนั้น
ด้วยปัจจัยเงื่อนไขให้ทั้ง ๔ มบ. (กลุ่มชาติพันธุ์ จีนยูนนาน และลีซู) ต้องเข้ามาพัวพัน...
ผมบอกได้เลยว่า....
ผมไม่ได้เข้าข้างกับชาวบ้าน แต่ปัจจัยบางอย่างทำให้พวกเขาเข้ามาในเส้นทางยาเสพติด อย่างบังเอิญและออกไปไม่ได้
ภาพของความสูญเสีย จึงเกิดขึ้นหลังเสร็จสิ้นการประกาศสงครามกับยาเสพติด ที่เชียงราย ของนายกทักษิณในขณะนั้น
เราทำวิจัยอย่างรีบด่วน และทาง สกว.ก็ได้ให้โอกาสเราอย่างมาก เราพัฒนาโจทย์วิจัยใน ๓ หมู่บ้านหลัก ในเวลาไม่นาน(๑ เดือน) เราหาประเด็นงานวิจัยโดยดูจากจุดเเข็งของหมู่บ้าน ไม่ไช่เรื่อง ยาเสพติดแม้แต่เรื่องเดียว (เพราะเป็นประเด็นอ่อนไหว)
แต่วัตถุประสงค์ที่เหนือโครงการคือ "ยาเสพติด" ที่เราอยากหยุดขบวนการที่เป็นระบบ จากนอกประเทศ
ในครั้งนั้นงานหนักและใช้ใจมากครับ ...
ผมไม่เพียงแต่เป็นผู้ประสานงานวิจัย ที่เป็นนักวิจัยเพียงคนเดียวที่ทำงานกับทหาร ยังทำหน้าที่เป็น หน่วยปฏิบัติการจิตวิทยาในหมู่บ้านแถบแนวชายแดน กลายๆด้วย
ความสำเร็จที่เราทุ่มเทมีให้เห็นใน Blog นี้ทั้งหมดที่ผมกล่าวถึง หมู่บ้านจีน หมู่บ้านลีซู
เนื้อหา เรื่องราวทั้งหมดจะถูกนำมาถ่ายทอดเป็นหนังสือ ซึ่งผมเขียนต้นฉบับเสร็จแล้ว จะตีพิมพ์เร็วๆนี้ครับ
หนังสือ “ทางไกล เส้นทางสีขาวของชุมชนยาเสพติดแม่ฮ่องสอน”
ประสบการณ์วิจัยจากพื้นที่ชุดโครงการวิจัย “เสริมสร้างความเข้มแข็งของชุมชน ในชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากปัญหายาเสพติดจังหวัดแม่ฮ่องสอน”ทาง สกว. ให้ทุนในการเขียนครั้งนี้
และผมคิดว่าในช่วงต่อไป จะจัดส่งหนังสือที่พิมพ์แล้วเสร็จให้อาจารย์ต่อไป
พี่ปวีณา
ภาพที่เห็นจนชินตาช่วงนั้นคือ เด็กเยาวชน ติดยากันเยอะครับ ยาบ้าเป็นขนมที่หาซื้อได้ง่ายๆทั่วไป
ต้นเหตุอาจอยู่ที่ขบวนการค้าส่วนหนึ่ง...และ หมู่บ้านชายแดนซึ่งง่ายต่อการค้าขายสิ่งผิดกฏหมาย ทำให้ธุรกรรมยาเสพติดเข้มแข็ง
มีจำเลยในสถานการณ์แบบนี้มากมายครับ
ขอบคุณครับที่ติดตามบันทึกผมนะครับ หนังสือคาดว่าจะออกปลายปีนี้ครับ
...................................
อาจารย์ขจิต
ขอบคุณสำหรับกำลังใจ ที่อาจารย์มีให้เสมอมาครับ
ขอบคุณมากครับ
เป็นกำลังใจให้นะคะ ^___^
ขอบคุณครับคุณแนน...IS
ก็ได้กำลังใจที่ดีๆจากมิตรใน Gotoknow เป็นยาใจให้ขับเคลื่อนงานต่อเนื่อง
ขอบคุณมากครับ
...........................
จะกลับออสเตรเลียเมื่อไหร่ครับ?
สิ้นเดือนค่ะ กำลังเตรียมใจ ไม่ให้กลับไป homesick อีกรอบ คราวนี้กลับไปเมืองร้างซะด้วย เดือนธ.ค. คนออสซี่ไปเที่ยวกันหมด (พักร้อน)
^___6
คุณแนน IS
คิดในแง่ดีก็ดีนะครับ...
เมืองโล่งๆ เราก็จะได้วิ่งเล่นได้ตามสะดวก ไม่วุ่นวาย ผมชอบแบบนั้นมากกว่า
ขอให้มีความสุขกับครอบครัวที่เมืองไทย
สิ้นเดือนก็ขอให้เดินทางกลับออสซี่โดยสวัสดิภาพ
ให้คนยากชื่นใจในคืนฝัน
ฝากไอรัก ความเป็นห่วง กับดวงตะวัน
ให้หายเหนื่อย สุขสันต์ ทุกวันคืน...
กำลังใจ...ในนามความรู้สึก
...แด่พี่ชาย
"เส้นทางลำบากเพียงใด ไม่เคยหวั่นอยู่แล้ว"
เห็นด้วยตามที่พี่ nidnoi ได้กล่าวมาครับ... "ขึ้นหลังเสือ"
สิ่งที่ต้องการหลังจากนั้นคือ "โอกาส" และความ "เข้าใจ"
เข้าใจ เข้าถึง และพัฒนา
สิ่งหนึ่ง ที่เป็นเหมือนกำลังใจที่ผมได้รับตลอดเวลาในขณะนี้ คือ "กวี" และ "ความรู้สึกดีๆ" ของน้องชายนาย สิทธิเดช กนกแก้วครับ
ผมขอขอบคุณมากครับ
ขอบคุณ คุณ Chah ครับที่แวะ ติดตามและเยี่ยมเยียนเสมอมา
..........................................
เรียน....อาจารย์หมอนนทลี ที่เคารพ
แถบแนวชายแดนส่วนใหญ่วิถีชีวิตก็ผูกอยู่กับอาชีพเกษตรครับ กลุ่มจีนฮ่อ (จีนยูนนาน) ก็จะมีค้าขายส่วนหนึ่งครับ
ก็อย่างว่าหละครับ พืชเกษตรที่ผูกติดกับพ่อค้าคนกลาง และตลาดที่เมืองหลวง บวกกับต้นทุนที่สูงขึ้น ทำให้ทางเลือกของเกษตรกรกลุ่มนี้ลดน้อยลง
และอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจ คือ การเข้ามาของการพัฒนาโดยรัฐ หรือผู้เกี่ยวข้องอื่นๆที่ไม่เข้าใจ ก็มีส่วนให้ ชาวบ้านแร้นแค้น และจนซ้ำซากลงไปทุกที
นี่ไม่รวมถึง กองทุนเงินล้าน นะครับ 5555
อ่านคำเปิดเล่มแล้วอยากอ่านเล่มเต็มจังเลย จะคอยติดตามขอรับ
ปล. เคาเตอร์ลืมบอกเวลาตั้งพาสเวิร์ดของเจ้านี้ว่าต้องใส่ทั้งอักษร,เลข,อักขระ แต่ทำได้แล้วก็ยินดีด้วยขอรับ
หนังสือเล่มเต็มหากพิมพ์เสร็จสมบูรณ์ ผมจะจัดส่งไปให้ที่บำราศฯ ครับ
ขอบคุณครับ...
เคาเตอร์ใช้ได้ดีมาก ผมเลยทราบว่ามีผู้เข้ามาชมไม่เฉพาะเมืองไทยเท่านั้น แถบเอเซีย และยุโรปบางประเทศที่คาดไม่ถึงก็เข้ามาชมด้วยเหมือนกัน
ขอบคุณมากครับ