โลกแห่งปรัศวภาควิโลม ตอน ๒: ห้องฉุกเฉิน
สถานบริการพยาบาลหรือที่เรียกว่าโรงพยาบาลนั้นมีทั้งของรัฐและของเอกชน ถึงแม้ว่าจะทำงานเหมือนกันคือดูแลรักษาผู้ป่วย แต่ระบบบริหาร ที่มา เป้าประสงค์แตกต่างกัน ผลก็คือแม้ว่าภายนอกจะเป็นโรงพยาบาลเช่นกัน มีพยาบาล มีหมอ เดินไปเดินมาเหมือนกัน แต่การทำงานสามารถจะแตกต่างกันในรายละเอียดได้มากพอสมควร ดังนั้นจึงมี "ปรากฏการณ์ปรัศวภาควิโลม (through the looking glass)" หรือการ "ดูคล้ายๆแต่ไม่ใช่" ขึ้นได้
เวลาที่คนปกติทำงานคือวันละประมาณ ๘ ชั่วโมง แปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น ประมาณนั้น เหมือนกันทั้งเอกชนและของรัฐบาล เพราะถ้าทำมากกว่านั้นร่างกายจะเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า และลดประสิทธิภาพลงจนกระทั่งผลงานที่ออกมาไม่ดี ไม่คุ้มกับเวลาที่เสียไป มิสู้ให้คนกลับไปพักผ่อนและมาทำงานใหม่อย่างสดชื่นจะดีกว่า คุ้มกว่า ผิดพลาดน้อยกว่า ความจริงเช่นนี้ทุกคนก็ยอมรับกันได้ เพราะมันสมเหตุสมผลดี
แต่แปดชั่วโมงทำงานที่ว่านี้ ไม่จำเป็นต้องเริ่มเวลาเดียวกัน จบเวลาเดียวกัน ยังขึ้นอยู่กับลักษณะงานอีกด้วย เช่น ร้านอาหารบางร้านก็เปิดกลางวัน บางร้านก็เปิดกลางคืน แต่ถ้าจะมีบางร้านเปิดทั้งกลางวันกลางคืน ก็ต้องบริหารจัดการให้คนทำงานนั้นมีเวลาพักผ่อนเพียงพอ จึงจะคาดหวังผลงานที่ต้องการ ที่หวังไว้ได้
โรงพยาบาลทำงานเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลคนไข้ ซึ่งการเจ็บไข้ได้ป่วยนั้นไม่ได้เป็นเวลา คนเราเจ็บไข้ได้ป่วยไปตามเหตุและที่มา ไม่ได้นัดตามเวลาราชการหรือการทำงาน จึงสามารถเกิดการ "ไม่เข้ากัน" กับเวลาทำงานตามปกติได้ โรงพยาบาลส่วนใหญ่จึงเปิดตลอด ๒๔ ชั่วโมง แต่การเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงนี้ สำหรับโรงพยาบาลรัฐ จะมีความพร้อมไม่เท่ากันตลอดเวลา นั่นคือความพร้อม "ในเวลาราชการ" จะมากกว่าช่วง "นอกเวลาราชการ"
**** ลดจำนวนคนในผลัดลง หรือ
**** ใช้คนในผลัดเดิม แต่ทำงานเพิ่มขึ้น แทนที่จะทำงานวันละแปดชั่วโมง ก็กลายเป็นสิบสอง หรือมากกว่านั้น
ทุกวันนี้ใช้ทั้งสองระบบ
ดังนั้นถึงแม้ว่าโรงพยาบาลจะเปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง แต่เราจะมีการบริการได้เต็มที่จริงๆในช่วงกลางวันที่มี staff เต็มระบบ เครื่องมือทุกชนิดถูกใช้ ถูกควบคุมเต็มระบบ แต่หลังจากนั้น เมื่อคนน้อยลงเราจะรับตรวจโดยเน้นกรณีที่จำเป็น เช่นภาวะฉุกเฉิน ภาวะเร่งด่วน ถ้าหากเป็นกรณีอื่นๆก็อยากจะให้รับบริการในเวลาราชการตามปกติมากกว่า
ประชาชนอาจจะไม่ทราบว่านี่คือเรื่องจริง และทำให้การคาดหวัง คาดการณ์ผิดไป เกิดปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคนทำงาน
สิ่งที่คนควรเตรียมตัว เตรียมใจไว้เมื่อไปโรงพยาบาลตอนนอกเวลาราชการ ได้แก่
๑) ไปแผนกที่ถูกต้อง ในเวลานอกเวลาบางที่จะมีสองแผนก คือ "ห้องฉุกเฉิน" และ "คลินิกนอกเวลา" ห้องฉุกเฉินจะเป็นห้องตรวจสำหรับกรณีเร่งด่วน ฉุกเฉิน คนไข้หนัก คนไข้อุบัติเหตุ เท่านั้น ส่วนคลินิกนอกเวลา จะคล้ายๆกับแผนกผู้ป่วยนอกตอนเวลาราชการ แต่โรงพยาบาลจ้างบุคลากรมาช่วยทำงานเพิ่มเติม ซึ่งจะมีจำนวนน้อยกว่าในเวลามาก สำหรับตรวจ case ทั่วๆไป
๒) ณ ห้องฉุกเฉิน จะมีหมอและพยาบาลประจำ บางครั้งเมื่อหมอหรือพยาบาลถามประวัติ อาการ ต่างๆแล้ว หากมีการชี้แจงว่า "ไม่เร่งด่วน" "ไม่ฉุกเฉิน" นั่นคือการวินิจฉัยทางการแพทย์ ซึ่งจะมีความสัมพันธ์กับการสั่งการรักษา การแนะนำ การตรวจพิเศษ ฯลฯ ประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เกิดความเข้าใจผิดได้ง่าย เพราะคนไข้อาจจะคิดว่าอาการที่เป็นนั้นหนัก เร่งด่วน หรือฉุกเฉิน ถ้าหากมีความเห็นไม่ตรงกันกับหมอ ก็ไม่ต้องทะเลาะกัน ให้คุยกันให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร ถ้าหากหมอพูดเร็วไป ฟังไม่ทัน หรือยังมีอะไรค้างคาใจ ก็ให้พูดกันให้เข้าใจ ณ ตรงนั้น
๓) ณ ห้องคลินิกนอกเวลา ถึงแม้จะคล้ายๆแผนกผู้ป่วยนอกธรรมดา แต่ก็ไม่เหมือนกัน
๔) การทำงานทั้งที่ห้องฉุกเฉินและคลินิกนอกเวลา มักจะเป็นการทำงานเพิ่มเติมโดยคนที่ทำงานเต็มวันมาแล้วแปดชั่วโมง คนทำงานก็เป็นคนธรรมดา มีเหนื่อย มีร่างกายที่ต้องการอาหาร การพักผ่อน การผ่อนคลายเพื่อซ่อมแซม เพื่อเพิ่มเติมพลัง งานตรวจรักษานั้นเป็นงานที่ใช้สมาธิและพลังงานสูงมาก ประสิทธิภาพอะไรต่างๆก็จะลดลงได้ตามความเหน็ดเหนื่อยทางกาย และยิ่งเป็นทวีคูณถ้าหากมีความเหน็ดเหนื่อยทางใจร่วมด้วย
การเยียวยานั้นสำคัญ และต้องการบริบทที่สมบูรณ์ที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าหากผู้ใช้บริการ เข้าใจในบริบทของการให้บริการนอกเวลาราชการดีขึ้น ตั้งความคาดหวังไว้ถูกต้อง และเห็นอกเห็นใจการทำงานของคนที่เสียสละมาทำงานนอกเวลาเพิ่มเติม ก็จะสามารถเกิดเป็นสังคมแห่งการเยียวยาที่ตรงกับความเป็นจริง มิใช่เพียงภาพในกระจกเงา ที่สะท้อนมุมผิด มุมตรงกันข้ามกันตลอดเวลา
สกล สิงหะ
หน่วยชีวันตาภิบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์
วันอังคารที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ เวลา ๑๐ นาฬิกา ๓๓ นาที
วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๓ ปีมะเมีย
ไม่มีความเห็น