หมอเจ๊ คนสวย แซ่เฮ
พ.ญ. ศิริรัตน์ เอกศิลป์ สุวันทโรจน์

ด้อมๆมองๆ


มีกูรูด้านการพัฒนาดินแบ่งปันไว้ว่า อยากจะรู้ว่าดินดี ดินเสีย ให้ใช้จอบฟันดินดู ดินตรงไหนที่ฟันจอบไม่แรงก็เป็นหลุมได้ ดินนั้นเป็นดินซุย อุ้มน้ำ และชุ่ม ดินตรงไหนเป็นดินเสีย ดินจะแข็ง ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นแม้แต่หญ้า ฟันลงไปแล้วจอบแทบจะหัก ฟันไม่ลง จะฟื้นดินให้ใช้พืชตระกูลถั่วและปูนขาวช่วย

อยากทำความเข้าใจความเป็นที่เป็นทาง ก็เลยให้เวลาสังเกตพื้นที่โดยรอบว่าต้นไม้ที่เห็นอยู่เป็นที่เป็นทางนั้น สัมพันธ์กับ "น้ำ" อย่างไร

ดูไปดูมาก็บังเอิญเห็นใครคนหนึ่งใช้รถใหญ่ขุดดินให้เป็นหลุม ได้ดินก็จ้วง ยก เท ใส่ลงในกะบะเหล็กที่เป็นตัวถังรถยนต์ อะฮ้า เขาขุดดินไปไหนกัน หรือว่านั่นเขากำลังทำอ่างเก็บน้ำ

ตะลอนๆไปต่อ อืม ๒ ข้างทางมีหลุมใหญ่ๆลึกๆอยู่เยอะจัง คิดในใจว่าชาวบ้านแถบนี้ชอบทำอ่างเก็บน้ำไว้เลี้ยงสัตว์หรือไร

ก็หลุมไหนที่พอมีหญ้าคลุมริมขอบเห็นมีน้ำขัง จะเห็นเจ้าตัวนี้ลงไปลุย ลงไปนอนเล่น เจ้าตัวที่ว่าผิวดำ มีเขาโค้งดำๆอยู่ ๒ ข้างหู เวลายืน ๔ ขาเปรอะดินเต็มถึงเข่า แช่ตัวเคี้ยวเอื้อง ส่งเสียงดังสบายใจ

หลุมลึกที่สุดเท่านั้นมีน้ำขัง เจ้าสี่ขาตัวดำๆนอนเล่นสบาย อย่างนี้แปลว่าดินแถวนี้เก็บน้ำได้ไม่ดีงั้นซิ อย่างนี้ก็แปลว่าต้นไม้ในพื้นถิ่นนี้น่าจะเป็นต้นไม้ที่ไม่ต้องใช้น้ำมากก็โตได้ซิ

มีกูรูด้านการพัฒนาดินแบ่งปันไว้ว่า อยากจะรู้ว่าดินดี ดินเสีย ให้ใช้จอบฟันดินดู ดินตรงไหนที่ฟันจอบไม่แรงก็เป็นหลุมได้ ดินนั้นเป็นดินซุย อุ้มน้ำ และชุ่ม ดินตรงไหนเป็นดินเสีย ดินจะแข็ง ปลูกอะไรก็ไม่ขึ้นแม้แต่หญ้า ฟันลงไปแล้วจอบแทบจะหัก ฟันไม่ลง จะฟื้นดินให้ใช้พืชตระกูลถั่วและปูนขาวช่วย

ตรงที่เจอดินแข็งเป๊กไม่มีหญ้าขึ้นเลย อืม ใช่เลย ที่หญ้าไม่ขึ้น ดินตรงนั้นน่าจะไม่อุ้มน้ำไว้เลย อย่างนี้หาวิธีให้ดินอุ้มน้ำไว้จะไหวมั๊ยหนอ

ว่าแล้วก็ลองค้นเรื่องดินดู พบเรื่องที่ทำให้เข้าใจมาว่าอย่างนี้แล

- ดินทราย มีลักษณะโปร่งน้ำ รากพืชผ่านไปได้ง่าย ในฤดูแล้งน้ำในดินจะไม่พอ ทำให้พืชที่ปลูกใหม่มักจะตาย เพราะดินร้อนและแห้งจัด

- ดินเป็นหิน กรวด มีลักษณะเดียวกับดินทราย หน้าดินถูกชะล้างเหลือแต่ หิน กรวด พืชไม่สามารถเจริญเติบโตได้

- ดินดาน ดินแข็ง ดินลูกรัง เป็นดินเนื้อละเอียด ฤดูแล้งจะแห้งแข็ง แตกระแหง น้ำและอากาศผ่านเข้าได้ยาก รากไม้ยากที่จะชอนไชลงไปในใต้ดิน

- ดินพรุ เป็นพื้นดินที่มีสภาพน้ำขัง มีสภาพความเป็นกรดอย่างรุนแรง ไม่สามารถทำการเพาะปลูกได้

- ดินเค็ม คือดินที่มีเกลืออยู่ในดินเป็นจำนวนมาก

- ดินถูกชะล้าง คือ ดินที่มีหน้าดินอุดมสมบูรณ์ แต่ถูกกระแสน้ำและลม พัดพาเอาหน้าดินที่มีแร่ธาตุอาหารต่อการเจริญเติบโตของพืชไป

อย่างนี้ ก่อนคิดแก้ คงต้องกลับไปทำความรู้จักดินที่ผืนนั้นโดยละเอียดแล้วละ


หมายเลขบันทึก: 580635เขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2014 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 22 ธันวาคม 2014 23:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

Hello Doctor. It is very interesting how you go about making diagnoses of soil conditions. It seems a medical approach true and through ;-)

I started my life on the land some 20 years ago. My land was selected on location (close to town, school, hospital, etc), price and native plants. I began my land fertilizing program with chickens and ducks (I now realize that there are enough wildlife to do the job). I let native trees and plants grow their ways. I only have a small area for vegetables garden and exotic trees (around the house). I have fun learning, doing, experiencing and just watching things unfold. Nature has amazing ways to work things out (just like our bodies have amazing ways to heal themselves). Nature ways often best, free, silently, least energy cost, and satisfying many involved parties (stake-holders) all at the same time. But I admit that I have to adjust my goal and my expectations, In another word I am learning more about "my" greed (lobha).

;-)

ดีใจและขอบคุณที่แวะมาคุยกันค่ะคุณ sr

ประโยคที่เล่าว่า "ตั้งต้นเมื่อ 20 ปีก่อน" ช่วยเติมกำลังใจให้มากมายว่าจะได้พบประสบการณ์ สนุกสนาน กับหลายๆแง่มุมเช่นเดียวกับคุณเมื่อลงมือค่ะ ขอบคุณที่เตือนเรื่อง "โลภะ" นะคะ แต่ก่อนอื่นเลย คงต้องผ่านเรื่อง "หลง" ให้ได้ก่อนละค่ะ



อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท