14 พฤศจิกายน 57 คณะครูผู้รับผิดชอบชั้นอนุบาลของโรงเรียน
พร้อมด้วยผู้ปกครอง และ ( แถม ) ครูมะเดื่อ
ได้เดินทางพานักเรียนอนุบาลไปทัศนศึกษา
ที่จังหวัดนครปฐม จุดแรกคือ " องค์พระปฐมเจดีย์ "
ตุณมะเดื่อดีใจที่ได้กลับมากราบนมัสการพระร่วงโรจนฤทธิ์
อีกครั้้ง เพราะ หลังจากจบ ป.โท เมื่อสักสิบกว่าปีมาแล้ว
ก็ไม่ได้มากราบนมัสการท่านอีกเลย วันนี้ผู้คนที่องค์พระ
ค่อนข้างหนาแน่น ร้านรวงต่าง ๆ ที่มาตั้งร้านตั้งแต่งาน
ลอยกระทงที่ผ่านมา ก็ยังคงตั้งร้านขายของอยู่บริเวณ
รอบ ๆ องค์พระปฐมเจดีย์ ครูและผู้ปกครองจึงต้องจูงมือ
ดูแลลูกหลานเป็นพิเศษ
ออกจากองค์พระปฐมเจดีย์ มุ่งสู่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย (แห่งแรกของไทย)
ที่นครชัยศรี ซึี่งคุณมะเดื่อจำได้ว่า เคยมาที่นี่ ครังหรือสองครั้งมาแล้ว
แต่ก็นานหลายปีแล้ว หุ่นต่าง ๆ ยังตั้งแสดงโชว์เช่นเดิม
เลขา ฯ หน้าห้อง ผู้ไม่ยอมแก่ แถมยังดูสวยกว่าเดิมเสียอีก อิ อิ
คนหลับที่ป้ายรถเมล์.....ยังหลับได้อารมณ์เหมือนเดิม.....หลับยาว..ว...ว...ว
ไม่ตื่นสักที
สมเด็จย่า กับสมเด็จพระพี่นาง เป็นภาพที่ประทับใจผู้ได้ชมมาก ๆ
คุณมะเดื่อถามน้องเจ้าหน้าที่ที่นำชมห้องหุ่น ว่า ในการปั้นหุ่นแต่ละตัวนั้น มีแบบหรือ
ใช้จินตนาการในเรื่องของสรีระ และใบหน้า หรือเปล่า ..... เพราะสังเกตว่า
หุ่นแต่ละตัว โดยเฉพาะหุ่นชาวบ้าน หน้าตาไม่เหมือนกันเลย และแถมยัง
แสดงสีหน้าและอารมณ์ได้สมจริงสมจังราวกับมีชีวิต......น้องสาวตอบว่า
" ถ้าเป็นหุ่นบุคคลสำคัญ ก็อาศัยรูปภาพในการเป็นแบบ แต่ถ้าเป็นบุคคลทั่วไป
ก็อาศัยจินตนาการ หรือบุคคลใกล้ ๆ ตัวนี่แหละ....เป็นแบบในการปั้น "
รูปข้างบนนี้.....ดูออกไหมว่า....ไหนหุ่น....ไหนคนจริง
กลับมาคราวนี้ พบความเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่าง
โดยเฉพาะ ด้านข้างของอาคารหุ่น มีร้านอาหาร และผลิตภัณฑ์งานฝืมือ
วางจำหน่ายหลายร้าน บางร้านมีการสอนให้ผู้สนใจได้ลองทำดูด้วย เช่น
ร้านนี้ เป็นการปั้นภาชนะด้วยดิน เด็ก ๆ ลองทำดูด้วย
ร้านถัดไปข้าง ๆ เป็นร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จาก " ผักตบชวา " กับร้านงานปั้นดินญี่ปุ่น
ซึ่งคุณมะเดื่อได้พูดคุยกับเจ้าของร้าน คือ คุณป้าพะยอม กับคุณพี่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง
(ไม่ได้ถามชื่อ) ทราบว่าคุณพี่ผุ้หญิงเป็น อดีตคุณครูสอนที่่โรงเรียนวัดไร่ขิงมาก่อน
แต่เออรี เมื่อปี 2553 จากการพูดคุยกับคุณป้าพะยอม เรื่องงานสานผักตบชวา
ทำให้คุณมะเดื่อได้ข้อมูลโดยละเอียดมาฝากท่าน ผอ.ชยันต์คนเก่ง ด้วย แถมคุณป้า
ยังบอกว่า ยินดีไปสอนให้ถึงโรงเรียน ฟรี ๆ อีกด้วย หากต้องการ คุณป้าให้เบอร์
โทร ติดต่อไว้เสร็จสรรพ ...... จากการพูดคุยที่ถูกคอกันกับคุณป้าพะยอม
และคุณพี่อดีตครู ทำให้คุณมะเดื่อลืมถ่ายภาพสองร้านนี้ และไม่มีเวลาเดินดู
ร้านรวงอื่น ๆ อีกด้วย ด้วยเวลาจำกัด เดินกลับออกมาหาข้าวกลางวันกิน
อย่างรีบด่วน ..... คุณพี่อดีตครูที่ประจำร้านดินญี่ปุ่น ตามมาขอเบอร์โทร
และ ชื่อ..ของคุณมะเดื่อ ด้วยทั้งคุณพี่ และคุณป้าพะยอม มีญาติอยู่ที่
เมืองสามอ่าวด้วยเช่นกัน.......งานนี้คุณมะเดื่อจึงได้พบกับ
กัลยาณมิตร....อีก 2 คน ดีใจ ๆๆๆๆ
จุดสุดท้ายของการทัศนศึกษาครั้งนี้คือ ตลาดน้ำดอนหวาย ซึ่ง เป็นตลาดน้ำที่คุณมะเดื่อ
ยังไม่เคยมา และอยากจะมาอยู่ด้วย ได้ทราบว่า เป็นตลาดน้ำเก่าแก่ ที่เพิ่งได้รับการ
ปรับปรุ่งขึ้นใหม่ ตลาดน้ำดอนหวาย เป็นตลาดที่มีบรรยากาศดีกว่า ตลาดน้ำอัมพวา
และตลาดน้ำดำเนินมาก เพราะไม่จอแจ แออัด เหมือนสองที่ที่กล่าวถึง
งานนี้ คุณมะเดื่อ เด็ก ๆ และผู้ปกครอง (บางส่วน ) ได้ล่องเรือเลียบฝั่งแม่น้ำท่าจีนด้วย
เรือเอี้ยมจุ้น หรือ เรือกระแชง ที่ดัดแปลงเป็นเรือนำชมริมฝั่งท่าจีน ค่าเรือ ผู้ใหญ่
80 บาท เด็ก 40 บาท
เรือพายขายของ ดูเป็นธรรมชาติมาก ๆ ไม่จอแจ แออัดเหมือนที่อัมพวา
กับ คลองดำเนิน
บรรยากาศสองฟากผั่งแม่น้ำท่าจีน ดูสดชื่น มีบ้านเรือนทั้งยุคเก่า ยุคใหม่สลับกันไป
สังเกตเห็นบ้านหลายหลังถูกทิ้งร้าง เพราะถูกน้ำท่วม ... คนขับเรือที่ทำหน้าที่
ไกด์ไปในตัว บอกให้ดูต้นลำพู ที่ยังหลงเหลืออยู่ริมฝั่ง บอกว่า
" ในอดีต ยามค่ำคืนมีหิ่งห้อยมักจะมาเกาะต้นลำพู จนดูพร่างพราว เหมือนดวงดาว
ปัจจุบันก็ยังมี หิ่งห้อยที่ดอนหวายนี้ ตัวเป็นกิโล......คือ เห็นตัวหนึ่ง ก็จะ
เว้นระยะไปอีกสักกิโล สองกิโลเมตร จึงจะได้เห็นอีกตัว....." 555555
ทิวทัศน์วัดไร่ขิง มองจากฝั่งแม่น้ำท่าจีน เสียดาย.....ไม่ได้ขึ้นไปทักทาย " ลุงเอี่ยม"
ขอทานผู้ยิ่งใหญ่ใจกุศลแห่งวัดไร่ขิง.....
.....ออกจากตลาดดอนหวาย ก็ร่วม 4 โมงเย็น จึงแวะที่ไหนอีกไม่ได้ กลับถึงบ้าน
เลย 3 ทุ่มไปแล้ว.....จ้ะ
เหมือนได้กลับไปเที่ยวอีกครั้ง ขอบคุณค่ะ
สวัสดียามดึกจ้ะคุณตุ๊ก คุณมะเดื่อก็เหมือนย้อนอดีตเหมือนกันจ้ะ
สวัสดีครับ คุณครูมะเดื่อ เป็นกิจกรรมที่ดีนะครับ