เรื่องนี้ ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่ สหกรณ์จะเข้าเป็นสมาชิก NCB หรือไม่
ประเด็นสำคัญคือ สหกรณ์ไทย ได้รับเกียรติ เป็นสถาบันการเงินตาม พรบ. ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ มีโอกาสในการเข้าแลกเปลี่ยนข้อมูลเครดิตผ่าน บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติ เพราะ ขบวนการสหกรณ์มีความสำคัญในการพัฒนาประเทศมากขึ้น
สมาชิกสหกรณ์สามารถแสดง ตนตามค่านิยมของสหกรณ์ในเรื่อง การเปิดเผย (openness) และรับผิดชอบต่อสังคม
ค่านิยมสหกรณ์ ของสมาชิกสหกรณ์
"สมาชิกสหกรณ์ตั้งมั่นอยู่ในค่านิยมทางจริยธรรมแห่งความซื่อสัตย์ เปิดเผย รับผิดชอบต่อสังคม และเอื้ออาทรต่อผู้อื่น
co-operative members believe in the ethical values of honesty, openness, social responsibility and caring for others."
การเข้าเป็นสมาชิก NCB ของสหกรณ์ที่มีการให้สินเชื่อแก่สมาชิก ทำให้สมาชิกรายตัวเสียค่าบริการในการเข้าถึงข้อมูลเครดิตแห่งชาติได้ในราคาที่ถูกลง ไม่ต้องขอข้อมูลรายตัว แต่ให้สหกรณ์รวมความต้องการขอข้อมูลเครดิตจาก บริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติให้เท่านั้น ซึ่ง ค่าบริการโดยรวมจะถูกกว่า และในอีกด้านข้อมูลเครดิตของสมาชิกสหกรณ์ที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติก็จะไปปรากฏในข้อมูลเครดิตรวมของ ข้อมูลเครดิตแห่งชาติด้วย ทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย และกระทรวงการคลัง รู้ข้อมูลโดยรวมเพื่อนำไปใช้ในการบริหารงานการเงินการคลังของประเทศได้เป็นอย่างดี
เมื่อธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกประกาศให้สหกรณ์ทุกประเภทเป็นสถาบันการเงินตาม พรบ ข้อมูลเครดิตแห่งชาติแล้ว
การพิจารณาสินเชื่อของสถาบันการเงินอื่น ๆ และสถาบันการเงินสหกรณ์ ก็จะได้รับประโยชน์จากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ ทั้งหมดโดยรวม สามารถนำข้อมูลไปใช้ในการพิจารณาสินเชื่อได้สะดวก ข้อมูลของบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติก็จะมีข้อมูลของสหกรณ์ที่เป็นสมาชิกรวมอยู่ในนั้นด้วย
ผลที่เกิดขึ้น จากประกาศของธนาคารแห่งประเทศไทย คือ ต่อจากนี้เมื่อสมาชิกสหกรณ์ ไปกู้เงินแบงค์หรือสถาบันการเงินอื่น ๆ ธนาคารพาณิชย์ ก็จะขอข้อมูลการชำระหนี้ของสมาชิกสหกรณ์ว่าเป็นเช่นไร อยู่ระดับไหน เป็น highly confidential หรือ ฯลฯ หากสหกรณ์ที่คุณเป็นสมาชิกอยู่ เป็นสมาชิกบริษัทบริษัทข้อมูลเครดิตแห่งชาติอยู่แล้ว เพียงแต่คุณเซ็นชื่อในสัญญากู้เงิน ข้อมูลเครดิตของคุณก็จะถูกส่งเข้าประกอบการพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ซึ่งรวมทั้งประวัติเครดิตการผ่อนชำระในสหกรณ์ด้วย สำหรับสหกรณ์ที่เป็นหน่วยงาน หัก ณ ที่จ่ายจะไม่ขาดส่ง ประวัติของท่านก็จะเป็น highly confidential แต่สหกรณ์ที่สมาชิกส่งชำระหนี้เอง ธนาคารหรือจะสอบประวัติการส่งชำระหนี้ผ่าน NCB ได้ หากสหกรณ์ไม่ได้เป็นสมาชิก NCB สมาชิกสหกรณ์เหล่านี้ก็จะกู้หนี้สถาบันการเงิน หรือธนาคาร ได้ลำบากกว่า
ในทางกลับกัน สมาชิกสหกรณ์จะกู้เงิน พนักงานสหกรณ์ ผู้จัดการสหกรณ์ ก็ต้องรู้ประวัติเครดิตของสมาชิกที่มากู้ด้วยเช่นกัน ว่ามีประวัติเครดิตในสถาบันการเงินอื่น ๆ หรือธนาคารเช่นไร หรือ เป็นสมาชิกหลายสหกรณ์ ก็จะรู้ประวัติเครดิตในสหกรณ์อื่นด้วย ว่าเป็นเช่นไร นำแล้วนำไปพิจารณาในการปล่อยสินเชื่อให้สมาชิกสหกรณ์ หากสหกรณ์ที่จะให้สินเชื่อไม่เป็นสมาชิก NCB ก็ให้สมาชิกสหกรณ์ผู้นั้น ขอข้อมูลเครดิต นี้ได้ 150 บาท ต่อค่าบริการ 1 ครั้ง โดยใช้บัตรประชาชนและเซ็นอนุญาต เพื่อนำมาประกอบการกู้เงินที่สหกรณ์ ถ้าเป็นสมาชิก NCB สหกรณ์จะขอได้โดยตรงเลย สมาชิกสหกรณ์ไม่ต้องลำบากเพียงเซ็นชื่อในแบบคำขอกู้ที่จะมีข้อความยอมเปิดเผยข้อมูลเครดิตเพียงเท่านั้น
สิ่งที่เกิดขึ้นก็จะทำให้ระบบสินเชื่อโดยรวมของ สถาบันการเงินในประเทศไทย ทั้งที่เป็นสหกรณ์และไม่ใช่สหกรณ์ มีความรัดกุมยิ่งขึ้น
การเข้าเป็นสมาชิก NCB ของสหกรณ์ก็จะทำให้สถาบันการเงินที่ ไม่ใช่สหกรณ์ทราบประวัติเครดิตของสมาชิกสหกรณ์ หากจะไปกู้เงินที่สถาบันการเงินนั้น ๆ
และสหกรณ์ก็จะทราบประวัติสินเชื่อของสมาชิกสหกรณ์ ที่ไปเป็นหนี้กับสถาบันการเงินอื่น หรือสหกรณ์อื่น ด้วยเช่นกัน
"เครดิตดีไม่มีขาย ต้องสร้างเอง "
ดอกเบี้ยเงินกู้ และดอกเบี้ยเงินฝาก ของสหกรณ์ แตกต่างจากสถาบันการเงินทั่วไป ไม่ใช่ผลจาก Price Discrimination Under Monopoly แต่แตกต่างเนื่อง จากความเป็นสหกรณ์ที่แท้จริง ภายใต้หลักการสหกรณ์ สากล ครับ
ไม่มีความเห็น