นานมากโขเลยทีเดียวกับการห่างหายไปจากเวทีกรรมการคัดกรองทุนหมุนเวียนประกอบอาชีพอิสระระหว่างเรียนของนิสิต
วันนี้ (๒๘ ตุลาคม ๒๕๕๗) เป็นอีกครั้งที่ผมหวนกลับไปเป็นกรรมการดังกล่าว
ทุนหมุนเวียนประกอบอาชีพอิสระระหว่างเรียน เป็นโครงการที่จัดทำขึ้นให้นิสิตมากู้ยืมไปประกอบอาชีพระหว่างเรียนโดยไม่คิดออกเบี้ย โดยนิสิตจะทำคนเดียว หรือทำเป็นกลุ่ม หรือมีหุนส่วนก็ได้ ซึ่งมีระยะเวลาทำงาน ๑ ปีเต็มๆ
โครงการดังกล่าวนี้ฯ เกิดขึ้นยุคแรกในราวๆ ปี ๒๕๔๒ นิสิตที่มาขอรับทุน สามารถนำทุนดังกล่าวกลับไปทำที่บ้านเกิดได้ แต่ระยะหลังๆ ส่วนใหญ่แล้วนิสิตที่มาขอกู้ยืมก็มักดำเนินการอยู่ในจังหวัดมหาสารคามแทบทั้งสิ้น
โดยส่วนตัวผมชอบโครงการนี้มาก เพราะมันดีกว่าการมาขอรับทุนให้เปล่า เพียงเพราะขาดแคลน หรือไม่ก็เรียนเก่ง ฯลฯ
โครงการดังกล่าวนี้นิสิตได้ฝึกประสบการณ์ชีวิตหลากหลายอย่าง ใครมีความฝันใดก็จัดทำร่างโครงการมาเสนอต่อกรรมการ แต่ต้องไม่กระทบต่อการเรียน และต้องไม่ใช่การขอกู้ไปแล้วนำไปใช้ในทางที่ผิดๆ
นิสิตบางคนมาเสนอขอกู้ยืมเงินไปทำของที่ระลึก บ้างก็เสื้อและการสกรีนเสื้อ บางคนก็ไปทำไอติมทอด บางคนกู้ยืมไปทำชานม-กาแฟ เฉาก๊วย ฯลฯ
ไม่รู้สิครับ, ผมชอบนิสิตกลุ่มนี้มาก ไม่ได้งอมืองอเท้ารอใครๆ ให้ก้าวเข้าไปช่วยเหลือ หากแต่รักในการที่จะเรียนรู้อย่างมีศักดิ์ศรี มิใช่ขอกันเปล่าๆ เสมือนการศรัทธาต่อการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ และเจ้าการลงมือทำนี่แหละคือประสบการณ์ หรือทักษะชีวิตหลากมิติที่พวกเขาจะได้รับผ่านโครงการที่นำเสนอฯ
ภายหลังการพิจารณากลั่นกรองเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมถือวิสาสะถามคณะกรรมการ หรือเจ้าหน้าที่ซึ่งกำกับดูแลเรื่องนี้ในหลายประเด็น เช่น ระบบการหนุนเสริมการทำงานของนิสิต การประเมินผล ฯลฯ
ผมให้ข้อเสนอแนะง่ายๆ เพื่อให้นำกลับไปทบทวนว่าดีหรือไม่ เช่น---
ครับ, ผมมีความเชื่อว่าข้อเสนอแนะของผม หาใช่ผิดเพี้ยน หรือเกินความจริงที่สามารถจัดทำขึ้นได้ มันเป็นเสมือนระบบและกลไกของการหนุนเสริมการดำเนินงานของนิสิต เป็นการหนุนเสริมเชิงรุกหลากระบบ มิใช่แค่การติดตามเยี่ยมเยียน ซึ่งนานๆ ถึงจะไปที (๖ เดือน/ครั้ง)
นอกจากนั้นผมยังฝากข้อคิดเล็กๆ ว่าจะดีแค่ไหน เมื่อเสร็จสิ้นโครงการแล้ว ถอดบทเรียนแต่ละคนออกมาเป็นหนังสือเล่มเล็กๆ เพื่อเป็นชุดบทเรียนแห่งการเรียนรู้ผ่านการเรียนและการใช้ชีวิต...
และนั่นยังรวมถึงการทำสกุ๊ปเผยแพร่เป็นระยะๆ ในจดหมายข่าวรายสัปดาห์ขององค์กร ซึ่งผมเชื่อว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ได้ยากเลย ขอเพียงกล้าเปลี่ยนความคิด ทิศทางและวิธีการก็จะเปลี่ยนไปพร้อมๆ กัน กระบวนการเหล่านี้ จะทำให้นิสิตรู้สึกมีขวัญและกำลังใจ มิใช่รู้สึกว่าพอได้รับทุนมาแล้วก็ถูกปล่อยให้สู้รบปรบมือกับสภาวะต่างๆ อย่างเดียวดาย
ซึ่งในหลายปีก่อนในสมัยที่ผมเคยดูแลรับผิดชอบงานทำนองนี้ ผมถึงขั้นป้อนงานต่างๆ แก่นิสิต ประสานคณะต่างๆ ช่วยจ้างงาน ซื้อสินค้าของนิสิต หรือกระทั่งการหนุนให้มหาวิทยาลัยได้จัดหาพื้นที่ให้นิสิตเหล่านี้ได้โชว์สินค้า และจำหน่ายสินค้า ซึ่งมีทั้งเอาสินค้าของนิสิตมาโชว์ไว้ที่หน่วยงานเลยก็เคยทำ
ยิ่งไปกว่านั้นยังรวมถึงการพยายามผลักดันให้เกิดถนนคนมีฝันขึ้นมา (คล้ายถนนคนเดินนั่นแหละ) เพื่อรองรับการขับเคลื่อนในเรื่องเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
สำหรับผมแล้ว ดีใจและสุขใจมากกับการได้หวนกลับไปร่วมพิจารณากลั่นกรองในเรื่องเหล่านี้ และจะสุขใจทบทวีอย่างมหาศาล หากข้อเสนอของผมถูกนำไปประยุกต์ใช้ในระบบ –
ชื่นชมมากค่ะที่เกิดการเรียนในท้องถิ่น
ใช่ครับ krutoom
ผมเชื่อว่าในอนาคตกิจกรรมในทำนองนี้ จะเป็นการวางรากฐานให้นิสิตดูแลตัวเองได้ หรือกระทั่งกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด หรืออื่นๆ อย่างพอเพียงได้...
ชอบโครงการนี้มากค่ะอาจารย์
ดีกว่าให้อะไรเปล่าๆ อย่างที่อาจารย์ว่า นิสิตได้ฝึกการยืนบนลำแข้งตัวเอง ไม่งอมืองอเท้า เกิดการเรียนรู้ชีวิตจริงๆ ที่ยิ่งใหญ่มาก ที่สำคัญพวกเขาจะเห็นคุณค่าของเงิน และคุณค่าของการทำงาน (ที่คนรุ่นใหม่จำนวนมากไม่เห็น)
ต้องขอขอบคุณอาจารย์และมหาวิทยาลัยที่สนับสนุนเรื่องนี้แบบครบวงจร
อยากเห็นโครงการแบบที่คุณแผ่นดินเสนอ
จำได้ว่านิสตขายของ
มีหนังสือและของมือสองด้วย
ดีใจที่ได้ทบทวนและทำงานแบบนี้ครับ
ชอบนิสิตกลุ่มนี้มากค่ะ ไม่ได้งอมืองอเท้ารอใครๆ ให้ก้าวเข้าไปช่วยเหลือ หากแต่รักในการที่จะเรียนรู้อย่างมีศักดิ์ศรี....สร้างคนดี บ่มเพาะจิตใจให้เข้มแข็ง เป็นฐานอันมั่นคงของแผ่นดิน ขอบคุณมากค่ะ
-สวัสดีครับ
-กิจกรรมของน้องๆ นักศึกษาถือเป็นแบบอย่างที่ดีและเพื่อสานฝันและบ่มเพาะอาชีพในอนาคตด้วยนะครับ
-เป็นกำลังใจให้นะครับ
ครับคุณ krutoom...
ชุมชน เป็นห้องเรียน
ชุมชน คือคลังความรู้ครับ..
นั่นคือสิ่งที่เราเชื่อและศรัทธา เสมอมา
ครับ คุณnui
นิสิตที่มาขอทุนนี้ ถือเป็นกลุ่มนักเรียนรู้ขนานเอกที่ต้องได้รับการหนุนเสริม สนับสนุนครับ
ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
เรียนรู้ผ่านการลงมือทำ
เรียนรู้เพื่อให้เกิดทักษะชีวิตและเห็นกลไกของสังคมที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ในแต่ละปีตั้งงบไว้สนับสนุนนิสิตในวงเงินสองแสนบาท
ถือว่าน้อยมากครับ แต่เราก็ยังยึดมั่นและหนุนเสริมต่อไป...
ขอบคุณครับ
ครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
ในอนาคต คงได้ฟื้นโครงการหลายๆ โครงการอีกครั้ง
ยิ่งทุกวันนี้ ตลาดคลองถมโหมสะพัดเหลือหลาย
พื้นที่คุณภาพบางอย่าง บางเรื่องในสถานศึกษาก็น่าจะมีขึ้นได้
โดยเฉพาะในมิติการแลกเปลี่ยนสิ่งของ เหมือนแบ่งปันกันใช้..ประมาณนี้....