ค่าตัวตน คนตัวตาย


เดือนที่แล้วได้มีโอกาสพูดคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งเกี่ยวกับบทความการฆ่าตัวตายในอดีต
อาจารย์ถามเรา เพราะอยากได้แนวคิดของเราสำหรับเรื่องของการฆ่าตัวตายในปัจจุบัน
ในหัวสมองที่มีพื้นที่น้อยนิด แต่มีความคิดที่อยากจะกว้างไกลนี้ ก็มีความคิดเห็นประมาณนี้ค่ะ

                  การฆ่าตัวตายอาจจะมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลาย ๆ อย่างโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตัวของผู้ตายเอง ค่านิยมพื้นฐาน
ทางวัฒนธรรมของสังคมที่ผู้ตายอาศัยอยู่อาจทำหน้าที่กระตุ้นให้ภาวะทางจิตใจของผู้ตายสั่งการให้ร่างกายแสวงหาความตาย
ที่ตนเป็นผู้หยิบยื่นให้กับตนเองในรูปแบบต่าง ๆ สภาวะทางสังคมปัจจุบันมีความซับซ้อนยิ่งกว่าสังคมสมัยก่อน สาเหตุของ
การฆ่าตัวตายเกิดจากเหตุผลที่เล็กไปจนถึงเหตุผลที่ใหญ่ จากสถานการณ์การฆ่าตัวตายในปัจจุบันทำให้เกิดคำถามได้
หลายประเด็น....

....บุคคลผู้นั้นต้องการที่จะฆ่าตัวตายจริงหรือ ? ในขณะที่กำลังตกจากตึก มือทั้งสองกลับไขว่คว้าหาสิ่งยื้อยุดชีวิต ในขณะที่ตนกำลังจะฆ่าตัวตายทำไมถึงร้องไห้เสียใจกับสิ่งที่ตนกำลังเลือกเอง 

....บุคคลผู้นั้นต้องการที่จะตายจากไปเพียงลำพังหรือ ? ก่อนที่จะฆ่าตัวตาย ทำไมถึงเลือกที่จะฆ่าภรรยาและลูกของตนก่อนที่จะฆ่าตัวเอง 

....บุคคลผู้นั้นต้องการที่จะตายจากไปอย่างเงียบเหงาเช่นนั้นหรือ ? ทำไมถึงเลือกที่จะฆ่าตัวตายเพื่อจะประกาศให้คนทั้งประเทศได้รู้แทนที่เลือกจะตายอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว 

......ไม่มีบุคคลใดเข้าใจสาเหตุของการฆ่าตัวตายได้ดีเท่ากับตัวของผู้ตายเอง " เพราะคนเรามักจะเข้าใจตัวเองในสิ่งที่คนอื่นไม่เข้าใจหรือไม่ยอมเข้าใจ " 

การตรวจสอบจากทางเจ้าหน้าที่มักจะตรวจสอบได้ถึงสาเหตุที่ทำให้เสียชีวิต แต่ไม่สามารถรู้ถึงสิ่งที่นำพาให้เกิดสาเหตุของ
การเสียชีวิตได้ ถ้าหากว่าสังคมวัฒนธรรมเป็นตัวกำหนดหรือเป็นสิ่งที่คอยกระตุ้นให้เกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย 

จึงเป็นสิ่งที่เกิดคำถามขึ้นว่า แล้วสังคมที่มีวัฒนธรรมแบบใดที่จะทำให้ไม่เกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตายของบุคคล 

...ในสังคมสมัยดั้งเดิมค่านิยม วัฒนธรรม มีผลอย่างมากที่ทำให้เกิดพฤติกรรมของการฆ่าตัวตาย อาทิ เช่น พิธีกรรมอย่างหนึ่งที่เรียกว่า สตี (sati) ของสังคมอินเดียซึ่งเป็นพิธีกรรมการฆ่าตัวตายที่ผู้หญิงชาวฮินดูทำการฆ่าตัวตายโดยการเดินเข้ากองไฟเพื่อล้างบาปให้แก่สามีและแสดงให้เห็นถึงความซื่อสัตย์ที่มีต่อสามี 

...สังคมเอสกิโม (Eskimo)ที่มีรูปแบบการฆ่าตัวตายที่เชื่อว่าการฆ่าตัวตายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมที่เกี่ยวกับความเชื่อและเพื่อความอยู่รอดของกลุ่ม 

...การฆ่าตัวตายของผู้หญิงในเมลานีเซียเกิดจากความกดดันในความสัมพันธ์ระหว่างหญิงและชาย

...แต่ในสังคมปัจจุบัน สภาวะของค่านิยม วัฒนธรรม กลับกลายเป็นส่วนน้อยที่ทำให้เกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย ในขณะที่คนพิการ พยายามที่จะมีชีวิตรอดและใช้ชีวิตให้เหมือนคนปกติทั่วไป พยายามให้สังคมยอมรับการมีตัวตนอยู่ของเขา กลับมีคนที่ร่างกายสมบรูณ์ดีทุกอย่างพยายามจะหายไปจากสังคม 

....ในขณะที่คนหนึ่งผิดหวังกับทุกอย่างในชีวิต พยายามจะเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่ล้ม กลับมีอีกคนที่คิดจะฝังร่างกายและจิตใจของตนเองไว้ในหลุมเพียงเพราะผิดหวังกับสิ่งที่เล็กนิดเดียว 

....แสดงให้เห็นว่าภาวะจิตใจที่แข็งแรงคือโล่หรือกำแพงที่ดีที่สุดในการป้องกันการเกิดพฤติกรรมการฆ่าตัวตาย ถึงแม้ว่าบุคคลหรือสังคมไม่ยอมรับในตัวของเรา แต่ถ้าหากเรายอมรับตัวเองและอยู่กับสิ่งที่เราเป็นสิ่งที่เรากำลังเผชิญได้นั้น มันก็จะทำให้เราเห็นความเป็นมนุษย์ของตนเอง ที่พึงมีชีวิตรอดและใช้ชีวิตนั้นได้อย่างมีคุณค่า 

....หากเกิดเหตุการณ์การฆ่าตัวตายขึ้นในสังคม สิ่งที่ตามมาก็คือผลของการกระทำ เป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือน่าเสียใจกับการจากไปของคนคนหนึ่ง ? 

...หากบุคคลนั้นเป็นบุคคลที่ดี ทำคุณประโยชน์ให้แก่ส่วนรวม เป็นบุคคลที่มีอำนาจ มีฐานะสูงส่ง ได้กระทำการฆ่าตัวตายจากไป สังคมมักจะโศกเศร้าเสียใจให้กับการจากไปนี้เสมอ 

...แต่ถ้าหากบุคคลที่กระทำการฆ่าตัวตายจากไปนั้น เป็นเพียงบุคคลที่ไร้ซึ่งคุณภาพ เป็นบุคคลที่สร้างแต่ปัญหา เป็นบุคคลธรรมดาคนหนึ่งที่อาศัยอยู่ในสังคม สังคมจะเศร้าโศกเสียกับการจากไปครั้งนี้หรือไม่ หรือกลับยินดีที่บุคคลเหล่านี้ได้หายไป 

...แล้วจะกล่าวได้อย่างไรว่าสังคมนี้เป็นสังคมที่ดี สังคมที่ตัดสินค่าของบุคคลเพียงเปลือกนอกที่อาจไม่ใช่ของจริง คุณค่าของความเป็นมนุษย์ถูกตีค่าด้วยฐานะทางสังคม การฆ่าตัวตายของของบุคคล 2 คน ที่มีความแตกต่างทางระดับสังคม สิ้นสุดลงที่การหายไปของทั้ง 2 คน แต่บุคคลที่จะมีคนระลึกถึงกลับมีแค่คนเดียว ทั้งที่จริงแล้วคุณค่าของบุคคลทั้งสองได้หายไป ตั้งแต่ที่พวกเขาได้ตัดสินใจจบชีวิตของตนเอง


ความตายอาจพรากชีวิต แต่ไม่พรากความคิดจิตเราได้
จบชีวิตของตนเองแล้วจากไป เพื่อให้ใครระลึกถึงค่าของเรา

ค่าของตนจบลงเพราะมือตน กับจิตใจที่อดทนไม่ได้
ตายเพราะตนคนเขาคิดเห็นเช่นไร เราไม่อาจรับรู้ได้ไร้ชีวา

ไม่มีใครสั่งให้เราต้องตาย นอกจากการเป็นนายของตัวเอง
ไม่มีสิ่งใดที่เราต้องหวั่นเกรง นอกจากใจของตัวเองที่อ่อนแอ

จงอยู่อย่างคนมีชีวิต มีความคิดจิตใจที่มีค่า
ชีวิตนี้ที่พ่อแม่ให้มา จงรักษาให้คุณค่านั้นเพิ่มพูน

หมายเลขบันทึก: 579451เขียนเมื่อ 29 ตุลาคม 2014 20:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 29 ตุลาคม 2014 20:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

ภูมิคุ้มกันชีวิตตกต่ำ + อารมณ์ชั่ววูบที่ขาดสติ = ตาย
ส่วนพ่อแม่ก็ต้องมานั่งร้องไห้เป็นลมแล้วเป็นลมอีก

เป็นเรื่องเศร้าจริง ๆ ;(

ในทางพุทธศาสนาพระพุทธองค์ตรัสว่าการเกิดเป็นคนยากมาก

อุปมาเหมือนมีเต่าตาบอดในรอบ 100 ปีจะขึ้นมาหายใจ หัวของเต่าจะโผล่ตรงกับห่วงพอดี

ซึ่งยากแสนยาก

ชีวิตเป็นของประเสริฐควรทำความดีต่อไปครับ

มาให้กำลังใจคนเขียนอยากเห็นภาพผักที่ปลูกนะครับ

มาอีกรอบ

อ พนัส แจ้งว่า

Phanat Preewatsanaปลายเดือนหน้า ให้โควต้ามาสารคามสองโควตา จะมากันมั๊ย

สวัสดีค่ะ ครู ขจิต ฝอยทอง อยากไปค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะตรงกับกิจกรรมของโครงการหรือเปล่า ไปสังเกตการณ์สอนด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะ ครู Wasawat Deemarn ภูมิคุ้มกัน + ยาดีค่ะ

.ในขณะที่คนหนึ่งผิดหวังกับทุกอย่างในชีวิต พยายามจะเริ่มต้นใหม่ทุกครั้งที่ล้ม กลับมีอีกคนที่คิดจะฝังร่างกายและจิตใจของตนเองไว้ในหลุมเพียงเพราะผิดหวังกับสิ่งที่เล็กนิดเดียว

....

การตายมาพร้อมกับการเกิด เพราะเมื่อมีเกิดก็ย่อมมีตาย...แต่ตราบเท่าที่ยังมีลมหายใจ จงสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับโลกด้วยการรังสรรสิ่งดีงามตราบชั่วชีวิต...เพราะเมื่อถึงเวลาตายจะได้ไม่กังวลและหมองหม่นกับอดีตที่่ผ่านมา..

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท