วัดโจคัง (Jokhang Monastery) หรือวัดต้าเจาซื่อ (Dazhao Si) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองลาซา (Lhasa) เมืองหลวงของทิเบต เป็นสถาปัตยกรรมผสมผสานกันร
พระพุทธรูปโจโว รินโปเช เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่ สีทอง มีอายุมากกว่า 1300 ปี สูง 1.5 เมตร ทรงเครื่องทรงแบบกษัตริย์ ซึ่งประดับด้วยมณีอันล้ำค่า
ภายในวิหารวัดโจคังนอกจากมี
บนดาดฟ้าของวิหาร เรา จะเห็นหลังคาทองคำ 3 ยอด มีกงล้อพระธรรมจักรและกวางห
เห็
อาจารย์ ดร. กฤษดาวรรณ เมธาวิกุล และอาจารย์ มิว เยินเต็น (Meu Yontan)ได้นำพวกเรากราบอัษฎ
ขอขอบคุณอาจารย์ทั้งสองท่าน
นำบุญมาฝากเพื่อน ๆ ด้วยค่ะ
เป็นบุญตามากครับ ที่ได้เห็นสิ่งสวยงามบนโลกใบนี้ครับอาจารย์
ขอบคุณมากนะครับ
เห็นด้วยครับฯ..
"เป็นบุญตาของชาวบล็อก" ...
ผมชอบเรื่องราวแนวนี้ครับ เห็นสถานที่ และเห็นบทบาทของสถานที่ที่มีต่อผู้คน-สังคม....
ขอบพระคุณครับ
-สวัสดีครับ
-สาธุ......
-ขอให้สุขภาพเข็งแรง ๆๆ สาธู!!!!!
-ขอบคุณภาพสวย ๆ ครับ
ขอบคุณอาจารย์ ดร.ชยพร อาจารย์แผ่นดิน คุณอักขณิช และคุณเพชรมากค่ะ ที่เข้ามาชมภาพและอ่านบันทึกนี้ วัดโจคังตั้งอยู่ใกล้ ๆ วังโปตารา อยู่กลางเมืองลาซา มีพระุทธรูปโจโว (พระศรีศากยมุนี) ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ มีผู้คนไปกราบรอบวัดตลอดวัน จรดกลางคืน ไม่ขาดสาย ภูมิทัศน์บนดาดฟ้าก็งดงามมากค่ะ
ขอน้อมรับบุญที่คุณกุหลาบนำมาฝากด้วยความขอบคุณค่ะ บรรยากาศสดชื่นสวยงามสงบและศักสิทธิ์ค่ะ
ขอบพระคุณอาจารย์ ดร.กัลยามากค่ะ อนุโมทนาบุญร่วมกันค่ะอาจารย์
ชอบใจที่นี่ครับ
เข้าใจว่าที่นี่อากาศเย็นใช่ไหมครับ
ทึ่งการกราบแบบ ษฎ
อากาศเย็นและเบาบางค่ะอาจารย์ขจิต ความสูงเหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 3,700 เมตร แต่ที่ไกลาส จุดที่ขึ้นไปสูงสุด ประมาณ 5,700 เมตร หนาวกว่าและอากาศเบาบางกว่าเยอะ แต่ระหว่างทางได้ปรับตัวไปเรื่อย ๆ จึงไม่เป็นปัญหามากนักค่ะ
การกราบอัษฎางคประดิษฐ์ (มือสอง เข่าสอง เท้าสอง ลำตัว และศีรษะจรดพิ้นพร้อมกัน เริ่มต้นจากการยืนก่อน และภาวนาว่า "ด้วยกาย(มือพนมเหนือศีรษะ) วาจา(พนมมือที่คอ) ใจ(พนมมือที่อก) ข้าพเจ้าจะขอยึดพระรัตนตรัยเป็นสรณะจนกว่าจะถึงการหลุดพ้น" แล้วจึงกราบค่ะ
ข้างล่างนี้เป็นรูปอาจารย์ ดร.กฤษดาวรรณ และพี่กุหลาบกำลังกราบ ณ. จุดที่ได้เห็นเขาไกลาสเป็นครั้งแรกในชีวิต
ขอบคุณอาจารย์มากค่ะที่ให้ความสนใจบันทึกนี้
ได้กราบอัษฏางคประดิษฐ์คงไม่ง่ายนะคะสำหรับคนที่ไม่เคยทำ อนุโมทนาบุญนะคะ
วัดทิเบตทุกวัดต้องมีชื่อจีนกำกับด้วย พี่อ่านก็เศร้าค่ะ เพราะตอนจีนเข้า่ยึดครองทิเบตใหม่ๆ สิ่งที่จีนทำ คือ เปลี่ยนชื่อทุกอย่างเป็นจีน นำคนจีนเข้ามาอาศัยในทิเบตเพื่อกลืนชาติ จับคนทิเบตไปเข้าค่าย (เหมือนที่จีนทำกับคนของตัวเองตอนปฏิวัติวัฒนธรรม) จับคนต่อต้านไปขัง ฯลฯ
หนังสือเล่มหนึ่งที่พี่เพิ่งอ่านเขียนโดยน้องสาวของดาไลลามะค่ะ หนังอีกเรื่องที่เพิ่งดูเล่าเรื่องการค้นหาดาไลลามะ และการรุกคืบเข้ายึดครองทิเบตของจีน
พี่นุ้ยทราบเรื่องความขัดแย้งของจีนและทิเบตมาก ๆ เลยนะคะ พูดอะไรมากในสื่อสาธารณะก็คงไม่ดี วันหลังหากมีโอกาสได้เจอกัน กุหลาบมีเรื่องเล่ามากมายเลยค่ะพี่นุ้ย อาจารย์ ส. ศิวรักษ์ ถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าประเทศจีนเมื่อเดือนเมษายนปีนี้เอง เพราะเรื่องไปวิจารณ์การเมืองของเขาค่ะ
การกราบอัษฎางคประดิษฐ์เป็นท่ากายบริหารที่ดีที่สุดวิธีหนึ่งนะคะ กุหลาบกราบครั้งแรก ๆ ไม่เกิน 15 ครั้งต่อเนื่องกัน วันรุ่งขึ้นก็เจ็บกล้ามเนื้อท้อง แต่พอกราบบ่อย ๆ ก็ชินขึ้นเรื่อย ๆ ค่ะ เขาว่ากราบบ่อย ๆ หน้าท้องจะแข็งแรงแบนราบค่ะ คนทิเบตเขากราบเป็นหลาย ๆ แสนด้วยความศรัทธา กราบที่บ้าน กราบรอบสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หรือกราบจากวัดหนึ่งไปอีกวัดหนึ่งด้วยระยะทางหลายพันกิโลเมตร หากไม่ค่อยมีพื้นที่ในการกราบ เขาก็กราบเบ็ญจางคประดิษฐ์ คือคล้ายกับการกราบของเรา แตกต่างกันที่เขาต้องเริ่มต้นจากการยืนก่อน ภาวนาเสร็จแล้วจึงนั่งคุกเข่าค่ะ เห็นแรงศรัทธาที่มีต่อพระพุทธศาสนาของชาวทิเบตแล้วทึ่งสุดใจ ขอบคุณพี่นุ้ยมากค่ะ