จำได้ว่า เมื่อตอนเรียนประถมศึกษาและมัธยมศึกษาชอบเข้าห้องสมุดมาก
แต่สำหรับการเข้าชมรมทำกิจกรรมไม่แจ่มชัดว่า อยู่ชมรมกับเขาหรือเปล่า
แต่เมื่อเข้าเรียนมหาวิทยาลัยในระดับปริญญาตรี
การเข้าชมรมของนิสิต (มหาวิทยาลัยผมเรียก นิสิต ไม่ได้เรียก นักศึกษา)
เป็นเรื่องเสมือนจำเป็นและกึ่งถูกบังคับโดยรุ่นพี่ชมรมต่าง ๆ
เราในฐานะนิสิต ๑ คน สามารถเลือกเป็นสมาชิกสามัญได้เพียง ๑ ชมรมเท่านั้น
และสามารถเป็นสมาชิกวิสามัญได้ไม่จำกัด
จำได้ว่า รุ่นพี่ชมรมต่าง ๆ จัดบูธให้พวกเราลงชื่อที่หอประชุมดั้งเดิมของมหาวิทยาลัย
ณ วิทยาเขตสนามบิน
หากเราเลือกเป็นสมาชิกสามัญได้แล้ว
ที่เหลือเราก็วิ่งวุ่นเพื่อไปช่วยรุ่นพี่เป็นสมาชิกวิสามัญให้
ซึ่งผมก็ไม่ทราบว่า เขามีเกณฑ์เท่าไหร่ จึงจะจัดตั้งชมรมได้
...
...
ปีแรกของการเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย
ผมเลือก "ชมรมพุทธศาสตร์" ของป้ารหัสตัวเอง
เหตุผลง่าย ๆ ไม่กี่ข้อ คือ ผมฝักใฝ่ในเรื่องธรรมะอยู่แล้ว
(ถึงแม้จะสวดมนต์ไม่ได้กับเค้าสักที)
กับอีกเหตุผลคือ ป้ารหัสน่ารัก ;)...
แต่ก็นะ อยู่ได้ไม่นานก็รู้จักว่า ช่างไม่ตรงกับจริตตัวเองเสียนี่กระไร
เขามีทำวัตร สวดมนต์กัน ก็ไม่ค่อยได้เข้า
รู้สึกร้อน ๆ ยังไงพิกล ;)...
แถมยังรู้สึกมากขึ้นทุกวันว่า คนเข้าชมรมนี้
ช่างมีความทุกข์ในใจมากกว่าคนที่อยู่นอกชมรมนี้ซะอีก
เหตุผลไม่ต่างจากคนที่เข้าวัดเข้าวาสมัยนี้
ที่เวลามีความทุกข์ หาทางออกไม่ได้
ก็จะวิ่งไปปฏิบัติธรรมในวัดต่าง ๆ
...
...
พอเข้าสู่ปีที่สอง
จำเป็นต้องเข้าสู่ "ชมรมซอฟท์บอล" เนื่องจากไปเรียนวิชานี้มา
แล้วอาจารย์ก็ชวนให้ไปเป็นนักกีฬาชมรมนี้กับเขาด้วย
เพราะว่า หากคนน้อยเกินไป ชมรมก็จะเปิดไม่ได้
กลายเป็นก็เข้าไปจนชินจนถึงปีที่สี่เลย
การอยู่ชมรมกีฬา มีหน้าที่ก็คือ การดูแลชมรม
การฝึกซ้อมเย็น ๆ หรือเสาร์ อาทิตย์บ้าง
การลงแข่งขันตามทัวร์นาเม้นท์ต่าง ๆ
ไปแข่งกีฬามหาวิทยาลัยทุกปี
หากผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปได้
...
...
ถึงแม้จะอยู่ชมรมซอฟท์บอล
แต่ตัวก็ชอบไปออกค่ายกับ "ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม" เสมอ
เมื่อมีโอกาส
ถึงแม้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง ก็พยายามไปกับเค้าด้วย
๒ - ๓ วันก็ยังดี
- เคยไปสร้างอาคารเรียนที่อำเภอสามง่าม จ.พิจิตร
- เคยไปเข้ากล้องจากรายการอนุรักษ์ธรรมชาติ ช่อง ๑๑ สมัยนั้น
- เคยไปเดินป่าข้ามจังหวัดที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง
จากฝั่งจังหวัดพิษณุโลกไปจังหวัดเพชรบูรณ์
เป็นเวลา ๓ คืน ๔ วัน
...
...
เมื่อเข้าปีที่สาม
นิสิตคณะศึกษาศาสตร์มักจะสมัครเป็นประธานชมรม
หรือนายกองค์การฯ เสมอ แข่งกับคณะอื่น
เพราะพอปีสี่ก็จะต้องออกฝึกงาน ฝึกสอนกันแล้ว
จะไม่สามารถทำกิจกรรมพวกนี้ได้
เพื่อนผม สมัครเป็นนายกองค์การนักศึกษา แล้วก็ได้รับเลือกตั้ง
เพื่อนผู้หญิงอีก ๒ คน สมัครประธานหอพักนักศึกษาหญิง ก็ได้รับการเลือกตั้งเช่นกัน
ส่วนผมก็ลงเลือกตั้งประธานหอพักชาย ๑ ซึ่งเป็นหอชาย หอใน หอเดียวที่มีอยู่
และก็ได้รับการเลือกตั้งแบบเฉียดฉิว จนผมต้องเชิญผู้ที่ได้รับเลือกรองจากผม
มาเป็นรองประธานหอพักฯ ให้
และเหมือนจะมีเพื่อนรุ่นเดียวกันอีกหลายคนได้เป็นประธานชมรมกัน
แล้วในที่สุด อาจารย์ประจำหอพัก ก็ได้เสนอชื่อผมให้เป็น
"นักกิจกรรมดีเด่น" ประจำปีการศึกษานั้น
...
...
อีกตำแหน่งหนึ่งที่ผมเคยทำ คือ
ผมเป็นสมาชิกสภานิสิตของมหาวิทยาลัย
ทำหน้าที่กลั่นกรองโครงการต่าง ๆ ของชมรม
ตัดงบ เพิ่มงบ แบบ ส.ส. สมัยนี้เลย
ทำมาจนเรียนจบมหาวิทยาลัย
...
...
เมื่อย้อนกลับมาดูตัวเองตอนนี้
ก็ถือว่า มีความภูมิใจเล็ก ๆ ที่เราเคยทำกิจกรรมเหล่านี้มาตลอดชีวิตการเรียน
ผมอาจจะไม่ใช่นักกิจกรรมตัวยง
ผมเป็นแค่นัก (อยากทำ) กิจกรรม เท่านั้น
เหตุผลก็น่าจะ "เรียนหนังสือไม่เก่ง"
และมีความเชื่ออย่างหนึ่งว่า
"การเรียนเพียงอย่างเดียว ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต"
การได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ต่าง ๆ ที่จะสร้างเราให้แข็งแกร่งขึ้น
...
...
ซึ่งนั่นก็เป็นเรื่องจริงที่ผมได้พิสูจน์มาแล้วว่า
เมื่อเติบโตขึ้น มีการงานทำ อยู่ในสังคม
ผมสามารถอยู่รอดได้ โดยไม่บอบช้ำจากการกระทำของคนอื่นมากนัก
หากเรียกดี ๆ น่าจะพูดว่า
"การทำกิจกรรม ทำให้ผมมีภูมิคุ้มกันชีวิตที่แข็งแกร่งขึ้น"
ไม่อยากเป็นคนเรียนเก่งอย่างเดียว แต่ใช้ชีวิตลำบากในสังคม
หลายคนล้มเหลวในการทำงาน
หลายคนล้มเหลวในการใช้ชีวิต
หลายคนคิดจะทำร้ายตัวเองหรือผู้อื่นอย่างง่าย ๆ
...
...
การทำกิจกรรมในทุกสถานที่ ทุกชมรม
ทำให้ผมรู้หน้าที่ของตัวเองว่า
เราเป็นปัญญาชนที่จะต้องออกไปพัฒนาสังคมและประเทศชาติให้ดีขึ้น
อุดมการณ์นั้นยังคงอยู่
ตามหน้าที่ "ครูมหาวิทยาลัย" ในปัจจุบัน
(ทั้ง ๆ ไม่เคยคิดจะเป็นครู)
...
...
ลูกศิษย์คนไหนที่ใกล้ชิดผม มักจะได้รับการถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ไปด้วยเสมอ
ยกตัวอย่าง เช่น ดอกหญ้าน้ำ ลูกศิษย์ก้นกุฏิ ของผม
เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน
...
...
กิจกรรมในมหาวิทยาลัย หล่อหลอมให้ผมมีวิธีคิด การกระทำดังเช่นทุกวันนี้
เมื่อใดมีโอกาสจะสนับสนุน ส่งเสริมให้นักศึกษาได้ออกค่าย ๆ
ไปทำกิจกรรมที่นั่นที่นี่ ผมเชียร์เต็มที่
เพราะความเชื่อที่ว่า "กิจกรรมสร้างคน"
...
เล่ามาเสียยาว ขออภัยครับ ;)...
บุญรักษา ทุกท่านครับ ;)...
...
...
เห็นด้วยครับอาจารย์
ขอบคุณมากครับ ท่าน ประธาน ;)...
เป็นความสุขใจยิ่งนักเมื่อเห็นลูกศิษย์สำเร็จ และสุขใจยิ่งกว่าเมื่อพวกเขาเดินตามรอยอุดมการณ์นะคะ
ใช่เลยครับ คุณครู tuknarak ;)...
ไม่แก๊ ไม่แก๋ .... แค่รำลึกความหลังหน่อยเดียวเองนะคะ ไม่ถึง ๒๐ ปีหรอก
เอ๊ะ !!!! หรือเกิน ๕ ๕ ๕ ๕
เกินแล้วคุณหมอธิ ธิรัมภา ;)... 555
ขอบคุณมากครับ คุณ ถาวร ;)...
ปีแรกของการเป็นนิสิตมหาวิทยาลัย
ผมเลือก "ชมรมพุทธศาสตร์" ของป้ารหัสตัวเอง
เหตุผลง่าย ๆ ไม่กี่ข้อ คือ ผมฝักใฝ่ในเรื่องธรรมะอยู่แล้ว
....
เหลือเชื่อ ครับ !
โอ้ คุณ แผ่นดิน หน้าผมไม่ผ่านหรือครับนี่ 555
ผมแปลกใจว่าทำไมผมชอบกิจกรรม
รู้แล้ว
ตอนเด็กๆมัธยมศึกษาเป็นประธานนักเรียน
ตอนอยู่มหาวิทยาลัยเป็นประธานคณะศึกษาศาสตร์และเป็นอุปนายกภายนอกขององค์การนิสิต
แต่ตอนทำกิจกรรมโดนตัดงบตลอด 555
ตอนทำงานได้ประสบการณ์มากจากการทำกิจกรรม
ผมเชื่ออันนี้ครับ
(ถึงแม้จะสวดมนต์ไม่ได้กับเค้าสักที)
กับอีกเหตุผลคือ ป้ารหัสน่ารัก ;)..
555555555
อ่ะนะ ท่านอาจารย์ ขจิต ฝอยทอง 555
หน้าที่ผมเลย "ตัดงบ" เนี่ย 555
แต่ป้ารหัสผม น่ารักจริง ๆ นะ
นิ่ง ๆ ใส ๆ เหมือนแม่ชีเลย
คิดถึงนะเนี่ย ;)...