ใกล้จะปีใหม่ มีคนเสนอว่าเราน่าจะมารวมตัวคนเล่นดนตรีไทยในสถาบันเพื่อร่วมกันแสดงในวันงานต้อนรับปีใหม่ เราเริ่มซ้อมกันได้เกือบเดือนแล้ว แม้ว่าซอบางเสียงยังเพี้ยน จะเข้ยังตามไม่ทัน ระนาดมือแข็งไปหน่อย ไม่อ่อนพริ้วยามที่ต้องกรอเสียงให้หวานซื้ง แต่ทุกคนก็มีความสุขกันมากๆ เมื่อมาเล่นดนตรีด้วยกัน จนเราคิดกันว่าคงต้องก่อตั้งชมรมดนตรีไทยในสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติกันเสียที
เมื่อมีโอกาสได้จับไม้ระนาดอีกครั้ง ดิฉันคิดไปถึงครั้งที่เพิ่งเริ่มหัดใหม่ในปีแรกที่เข้าไปเป็นนักศึกษาคณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร วังท่าพระ ด้วยพื้นฐานคนเล่นคีย์บอร์ด สมัยอยู่มัธยมต้น ดิฉันได้เรียนรู้ว่าการเล่นดนตรีไทยต่างกับดนตรีสากลโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะการเล่นระนาดเอกที่จับอยู่ อย่างแรกเลยคือไม่มีโน้ตเพลง สอง คุณจะเล่นไม่ได้เลยถ้าไม่มีครู
คนเล่นระนาดหรือเครื่องตีทั้งหมด ต้องต่อเพลงกับครูที่ละท่อน จะเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเอง และความเมตตาของครูที่จะต่อให้ (แรกๆ ก็ต่อเพลงกับรุ่นพี่ วันไหนท่านอารรมณ์ดีก็ต่อให้ วันไหนอารมณ์เสียก็อด) ต่อมาเมื่อฝีมือเก่งกล้าแล้วก็ไปฝากต้วกับครูระนาดหลายๆ ท่าน ไปขอเล่นตามวงต่างๆ เพื่อเรียนรู้เพลงๆ ใหม่ๆ ทางใหม่ๆ เพราะในเพลงเดียวกันของดนตรีไทย มีลักษณะเฉพาะทางที่เป็นเทคนิคการเล่นแต่ละคน ถ้าใครดูละครเรื่องระนาดเอก หรือภาพยนต์เรื่องโหมโรงคงพอนึกได้ นั่นแหละค่ะคือความสนุกของดนตรีไทย มันอยู่ที่ทางของใครจะเจ๋งกว่ากัน
และนี่แหละคือความรู้ที่ฝังลึกตัวจริง
แล้วจะเล่าเรื่องการเรียนดนตรีไทยต่อในโอกาสหน้านะคะ
(เล่นระนาดเหมือนกันค่ะ ตอนมัธยมตีทุ้ม แต่พอเข้ามหาวิทยาลัย ไม่มีคนเล่นเอกเลยมาเล่นเอก ส่วนตัว ถนัดทุ้มมากกว่าเอกค่ะ)