พ่อเตรียมทุกอย่างแม้กระทั่ง..เตรียมตัวก่อนตาย


พ่อของฉัน เตรียมตัวตายอย่างสมศักดิ์ศรีที่เกิดมาเป็นคน

วันที่ 26 สิงหาคม 2462

พ่อของฉันเกิดมาบนโลกนี้ พ่อเป็นลูกกำพร้าตั้งแต่ยังเล็ก เป็นลูกชาวนา จบการศึกษาประถมปีที่ 6  จึงต้องอาศัยบวชเรียน ตอนอายุ 18 ปี จนได้เป็นพระมหาเปรียญ 6 ประโยค เมื่ออายุ 28 ปี จึงลาสิกขาออกมารับราชการ ที่กรมการศาสนา ที่กรุงเทพฯ

แต่งงานกับแม่  ตอนพ่ออายุ 32 ปี แม่อายุ 24 ปี พ่อกับแม่มีลูก 9 คน

พ่อกับแม่ใช้ชีวิตที่กรุงเทพฯ 3 ปี จึงย้ายมาทำงานกรมทางหลวง อ บ้านไผ่ จ ขอนแก่น ซึ่งบ้านเกิดของแม่

พ่อทำงานจนอายุ 50 ปี จึงขอลาออกจากราชการ มาทำสวน ทำไร่ และทำงานการเมืองบ้าง และทำงานจิตอาสาบ้าง

พ่อทำงานหนัก หลังสู้ฟ้าหน้าสู้แดด เพื่อให้ลูกทั้ง 9 คน ให้ได้กินอาหารที่ดี ปลอดสารพิษ 

พืช ผัก ปลา ไข่ ไม่เคยซื้อ

เรามีสวนผลไม้เป็นของตนเอง กล้วย อ้อย สาคู มะม่วง มะพร้าว ละมุด ลำไย หน่อไม้ ฯลฯ

ดำรงตนแบบเศรษฐกิจพอเพียงมาโดยตลอด 

ชีวิตเริ่มป่วย...........

พ่ออายุ 60 ปี เริ่มเป็นโรคความดันโลหิต ต้องกินยาเป็นประจำ

จนกระทั่งปี 2530 

พ่ออายุ 68 ปี พ่อเขียนบันทึกเรื่องราวชีวิตตนเองและครอบครัว พร้อมกับประกาศเตรียมตัวก่อนตายว่า

อยากพิมพ์หนังสือ ตามที่พ่อเขียนตอนพ่ออายุ 72 ปี ตามบันทึกของพ่อ 

พ่อบอกว่า....

"ถ้าพ่อตาย ไม่อยากให้ตั้งศพหรือเก็บไว้นานเกิน 3 วัน ถ้าเก็บไว้นานลูกๆจะลำบาก ไม่ต้องมีพิธีรีตองอะไรมาก ไม่ต้องขอพระราชทานเพลิง ให้ยุ่งยากกับคนอื่นๆ ไม่ต้องฟุ่ยเฟือย คอยให้ลูกหลานมาครบคน มีเท่าไรก็ทำเท่านั้น ตายแล้วเผา ให้ทำที่วัดจันทร์ แล้วให้ไปลอยอังคารที่แม่น้ำโขงทั้งหมด ไม่ต้องเหลือกระดูกหรืออื่นใด พ่อปรึกษากับพระครูอาทรฯไว้หมดแล้ว ท่านจะช่วยดูแลทุกอย่าง หลังจากนั้นลูกหลานมีเวลาเม่ื่อใด ก็ค่อยทำบุญสุนทานส่งไปให้ก็พอ"

แต่พ่อก็ยังมีความสุขกับทำไร่ ทำนา แบบสวนผสม ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว

ปี 2536 

พ่อเริ่มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตและมีเบาหวานแทรกขึ้นมา ต้องฉีดยาเบาหวานร่วมด้วย 

พ่อควบคุมโรคไม่ค่อยได้ เพราะพ่อเริ่มอ้วน

ปี 2537 

พ่อมีเลือดกำเดาไหลไม่หยุด ต้องเข้ารักษาใน รพ  

หลายวัน พ่อก็สามารถออกมาจาก รพ ได้

ปี 2543 

พ่ออายุ 81 ปี พ่อเริ่มมีไตวาย และมีโรคหัวใจร่วมด้วย ต้องเข้ารักษาใน รพ ใส่ท่อช่วยหายใจ

เพราะพ่อเดินรอบบึงแล้วล้มนอนบนดินอยู่หลายชั่วโมงไม่มีคนเห็น

เรารีบพาพ่อมา รพ หมอบอกติดเชื้อเมลิออยสิท

นอนรักษาอยู่หลายวัน พ่อบอกเอาท่อช่วยหายใจออก พาพ่อกลับบ้าน

เพื่อนเราที่เป็นพยาบาล บอกว่า ให้ยาครบก่อน

พ่อสามารถกลับบ้านและหายเป็นปกติได้ คือ ถอดท่อช่วยหายใจแต่มีอาการไตวายร่วมด้วย

หมอแนะนำให้ล้างไต

.หมอบอกว่า...น่าจะมีอายุไม่เกิน 6 เดือน 

แต่... 

พ่อบอกว่า ....

"พ่ออายุเกิน 80 ปี ถือว่าเป็นกำไรแล้ว ไม่ควรวิ่งหนีความตาย

ถ้าต้องเจาะล้างท้อง แม่ก็จะลำบาก พ่อก็ไม่มีความสุข 

ขอกลับมาอยู่ที่บ้านสวน  อยู่กับธรรมชาติ"

แต่พ่อก็ยังไป รพ ตามหมอนัดทุกครั้ง

ปี 2546 

พ่อบอกว่า .....

"หมดห่วงแล้ว สังขารก็ทรุดโทรม ลูกก็พึ่งพาตนเองได้แล้ว ห่วงก็แต่แม่เพราะอยู่ด้วยกันมา 50 ปีแล้ว สุขทุกข์มาด้วยกัน ถ้าพ่อตาย แม่ก็คงลำบากบ้าง แต่คิดว่าลูกๆคงดูแลแม่ให้ได้"

ปี 2547

พ่อเริ่มอาการหนัก รู้ตัวบ้างไม่รู้ตัวบ้างเพราะมีภาวะ uremia แต่พ่อไม่ยอมไปโรงพยาบาล 

พ่อบอกว่า ....

"ตอนนี้ขออยู่แบบนี้ไป รักษาก็มีแต่ทรงกับทรุด ถ้าพ่อเป็นอะไร ก็ไม่ต้องพาพ่อไป รพ เพราะพ่อพร้อมที่จะลาจากแล้ว พ่อพาลูกๆไปที่ดิน เพื่อแบ่งที่ดินส่วนของพ่อให้ลูกๆทุกคน พ่อบอกเราว่า ให้เตรียมโลงศพให้พ่อด้วย  พ่อได้ทำหนังสือเรื่อง ตำนานชีวิตและเขียนคำนำด้วยตนเอง ไว้แจกในงานพ่อ"

ก่อนที่พ่อจะไม่รู้เรื่องจากภาวะ uremia พิธีกรรมพ่อก็พาทำ....

พ่อพาลูกๆทำพิธีขอขมาต่อพ่อ พ่อพาลูกๆพูดตามที่พ่อบอก

พ่ออัดเทปกล่าวคำอำลาไว้ในงานศพของตนเอง

จนกระทั่งวันที่ 19 มิถุนายน 2547

พ่อมีโรครุมเร้ามาก 

พ่อนอนหลับ แต่ไม่กระสับกระส่าย นานกว่าสัปดาห์

พ่อเริ่มไม่รู้สึกตัว

แม่ก็นั่งรอดูใจแม่มาโดยตลอด พ่อไม่กินอาหาร ไม่ร้องครวญครางใดๆ

เรารีบกลับบ้าน มาฉีดกลูโคสให้พ่อ 

เส้นเลือดพ่อไม่ยอมรับแม้กระทั่งน้ำตาลที่เราฉีดเข้าไป

พี่น้องทุกคนเตรียมบ้านสำหรับจัดงาน

พ่อเริ่มหายใจแรงมากขึ้น แม่ดูหน้าตาหมองคล้ำ เราจึงพาแม่ไปวัดเพื่อปรึกษาหารือพระผู้ใหญ่ที่พ่อเคารพ

พระท่านบอกแม่ว่า ......

"พ่อเป็นคนมีสมบัติมากมาย จึงเป็นห่วง จึงยังไม่ยอมจากไป ขอให้แม่กลับไปบอกพ่อว่า ไม่ต้องห่วงอะไร แม่จะจัดการทุกอย่างให้ตามที่พ่อบอกไว้ และขอให้แม่สวดมนต์ให้พ่อด้วย "

พอเราพาแม่กลับมาจากวัดตั้งแต่เที่ยง แม่ก็ไม่ยอมพูดตามพระบอก

ประมาณ 19.00 น พ่อเริ่มหายใจแรงๆๆและถี่ขึ้น 

แม่จึงยอมบอกพ่อตามที่พระบอกมา 

แม่บอกพ่อว่า

"ไม่ต้องห่วงอะไร อยู่ก็ทรมาน ขอให้พ่อไปสุขสบาย ไม่ต้องห่วงแม่ เรามีลูกหลายคน "

และลูกคนเล็กที่พ่อรักและเป็นห่วงอยู่กรุงเทพฯ กลับมาไม่ทันดูใจพ่อ

เราต่อสายโทรศัพท์ให้ลูกพูดกับพ่อ

"ว่าไม่ต้องเป็นห่วง ลูกจะตั้งใจสอบไปเรียนต่อให้ได้"


จากนั้นไม่นาน......

พ่อก็จากไปอย่างสงบ ท่ามกลางลูกหลานและแม่ ที่บ้านสวนของพ่อเอง

ในวันทำบุญรดน้ำศพของพ่อ  

เราเปิดเทปคำกล่าวอำลาของพ่อต่อแขกที่มางานศพ

และในวันฌาปนกิจของพ่อ

เรา ได้แจกหนังสือที่พ่อเขียน ให้กับแขกที่มาในงานศพของพ่อเอง


หลังจากจบงานพ่อ....

พวกเราทำตามที่พ่อบอกทุกอย่าง 

ยกเว้นเรื่องเดียว 

พวกเราขออนุญาตพ่อว่า... ขอหลือกระดูกของพ่อไว้เป็นอนุสรณ์

ให้ลูกหลานได้ไปกราบไหว้ทุกปี ในวันที่ 15 เมษายน


สถานที่ที่พ่ออยู่ก่อนลาจาก

ภาพทุกภาพของพ่อยังอยู่ในความทรงจำ

ตำนานชีวิตที่พ่อเตรียมไว้แจกในงานศพของตัวเอง

คำนำที่พ่อเขียนเอง ในหนังสือ ตำนานชีวิต

......................

ในโอากาสวันเกิดที่เวียนมาครบอายุ 95 ปี และในวาระที่พ่อจากไปครบ 10 ปี

เราจึงถือโอกาสเขียนบทระลึกถึงพ่อ

พ่อเตรียมทุกอย่างแม้กระทั่ง..เตรียมตัวก่อนตาย

แก้ว

24 สิงหาคม 2557

หมายเลขบันทึก: 575083เขียนเมื่อ 24 สิงหาคม 2014 20:17 น. ()แก้ไขเมื่อ 25 สิงหาคม 2014 06:31 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)

ขอบคุณและประทับใจเรื่องราวดีๆของคุณพ่อ  เป็นตัวอย่างของคนที่มีการเตรียมตัวตาย

ขอบคุณกับเรื่องราวเจ้าค่ะ..กำลังคิดอยู่เหมือนกัน..ว่าจะพยายามบันทึก..เรื่องราวที่ประสพมาไว้ให้คนรุ่นหลังว่าเรารู้สึกอย่างไร  เห็นอะไรมาบ้าง..ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง..(ไม่มี)...

เป็นตัวอย่างที่ดีมาก ๆ นะคะคุณพ่อพี่แก้ว  เราจึง .... เริ่มเตรียมไว้บ้าง  ขอบคุณค่ะพี่แก้ว

ขอบคุณเรื่องราวดี ๆ จากบันทึกนี้จ้ะ

สุดยอดเลยเป็นแบบอย่างที่ดีของชีวิตจริง

กราบคุณพ่อผู้เป็นแบบอย่างที่ดีให้กับลูกหลานทั้งหลาย (ไม่เฉพาะลูกหลานของท่านเอง)ค่ะ น่าชื่นชมวิธีคิดและวิถีการดำเนินชีวิตของท่านมากเลยนะคะ ขอบคุณพี่แก้วที่นำมาถ่ายทอดให้พวกเราได้ใช้เป็นแบบอย่างค่ะ ท่านน่าประทับใจมากจริงๆค่ะ

ขอบคุณบันทึกที่ดีมากๆ ครับ 

ผมก็ได้แต่คิดจะทำอย่างนี้เหมือนกัน

จนอายุปูนนี้แล้วก็ได้แต่คิด

แต่คงจะมีเวลานะ(ยังประมาทอยู่)

ที่จะทำได้ทัน ครับ

ขอบคุณค่ะพี่แก้ว จะขอจดจำไว้เป็นสิ่งที่คิดว่าทุกๆคนควรทำเช่นกัน 

"เตรียมตัวก่อนตาย "

พี่แก้วเป็นตัวอย่างที่ดีในการเขียนบันทึกเรื่องราวนะครับ

 การได้เขียนบันทึกถึงคนที่เรารัก เคารพ มีพระคุณ อย่างกลั่นกรองมาอย่างดี อย่างประณีต เป็นสิ่งที่งดงามเหลืิอเกินครับ

ช่วงนี้ฝันเห็นพ่อ 2 คืนติดต่อกัน

คืนแรกฝันว่าพ่อคุยกับคน หัวเราะเสียงดัง กำลังจะรอขึ้นเครื่องบิน

ดูเหมือนเราจะไปด้วยแต่ลืมกระเป๋า. กลับมาอีกที พ่อไปแล้ว

คืนถัดมาฝันเห็นพ่อที่บ้านนั่งรถสามล้อมากับเด็ก

เหมือนอุ้มเด็กมาให้ด้วย

เรากำลังจะมีหลานชายมาเกิด เดือนธันวาคม 2557

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท