http://www.gotoknow.org/user/tkandawsri/profile
..
ข้าพเจ้าอ่านเรื่องราวที่เธอเขียนเพียงไม่กี่บันทึก...ข้าพเจ้าก็รับรู้หัวใจที่มีแต่ให้ของเธอ ...คุณกานดาวศรี ตุลาธรรมกิจ
โดยเฉพาะบันทึกนี้
ข้าพเจ้ามองใจของเธอ...จากบันทึกเพียงไม่กี่บันทึก ข้าพเจ้าก็พบคำตอบนี้
เปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข...
เธออาจมีโอกาสที่จะทำงานแบบนี้ มากกว่าคนอื่น ...แต่นี่อาจไม่ใช่คำตอบ สำหรับใครก็ตามที่จะเดินรอยตามเธอ...เช่นนี้บ้าง
...
หากมองว่า...เราขาดโอกาสที่จะทำแบบนี้
เราก็จะไม่ได้ทำอะไรเสียที....
..
เราทุกคนมีโอกาสเหมือน ๆ กัน
ขึ้นอยู่ว่า....เราจะให้โอกาสกับตัวเองหรือไม่?
..
ข้าพเจ้า...ขอขอบคุณเธอ ที่ข้าพเจ้ามีโอกาสพบเธอที่นี่ ...
และนี่คือคำนิยม ที่พี่แก้วมอบให้เธอ
เขียนเมื่อ 20 กรกฏาคม 2557
"พี่ฟ่งเป็นนางฟ้าของคนเสมอค่ะ"
..
ใช่จ้ะคุณแสง .... ทุกคนมีโอกาสเหมื่อน ๆ กัน.... และมักจะให้โอกาสกับคนอื่น...โดยลืมให้โอกาสตนเองเสมอ....ขอบคุณจ้ะ
ขอบขอบคุณ แทนสิ่งดี ๆ ที่มอบให้เธอนะครับ
เคยพบพี่ฟ่ง และนั่งุุยกันตอนพี่แก้วไปเป็นวิทยากรที่หาดใหญ่
พี่ฟ่งเล่าเรื่องผ่านหนังสือ ที่พี่ฟ่งมีประสบการณ์ดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายว่า
ผู้ป่วยระยะสุดท้ายมักมีอาการป่วยไข้ทางจิตคู่กับความป่วยไข้ทางกาย ทำให้เกิดความทุกข์จากสาเหตุหลักคือ ภารกิจในชีวิตที่ค้างคายังไม่สำเร็จลุล่วง เกิดความห่วงกังวลและปัญหาสัมพันธภาพในครอบครัวร้าวฉานที่สะสมมาทั้งชีวิต ครอบครัวยากที่จะคลายปมปัญหาด้วยตนเองเพราะไม่อยากรื้อฟื้นให้ขุ่นเคือง
ทำให้ไม่มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน ถ้าความทุกข์ใจไม่ได้ถูกปลดปล่อย ผู้ป่วยก็ไม่สามารถตายอย่างสงบได้
ดังนั้นบุคคลที่สามโดยเฉพาะพยาบาลจะต้องเข้ามาชี้แนะเปิดปมความทุกข์ในใจและสัมพันธภาพที่ร้าวลึกของผู้ป่วยและญาติให้ตระหนัก เพื่อการเยียวยาที่สำคัญ คือ การให้อภัย การขออโหสิกรรม
แต่อย่างไรก็ตามการนำพาจิตวิญญาณของผู้ป่วยระยะสุดท้ายเป็นภารกิจของญาติใกล้ชิด เมื่อช่วยคลี่คลายปัญหาทางจิตใจได้สำเร็จ ความปิติสุขจะเกิดขึ้น การน้อมนำให้ผู้ป่วยเข้าสู่ความสงบในช่วงสุดท้าย จะทำให้ผู้ป่วยพร้อมจะก้าวเดินสู่จุดหมายปลายทางอย่างงดงาม ท่ามกลางญาติที่คอยให้กำลังใจ