วันพฤหัสที่ 17 กรกฎาคม ที่ผ่านมาฉันได้จัดกิจกรรมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนให้กับผู้ป่วยและญาติที่มารับการฉายรังสีประมาณ30 คน โดยเชิญผู้ป่วยที่เคยได้รับการฉายรังสี 3 ท่านมาให้เป็นกำลังใจและมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เพื่อเปลี่ยนทุกข์ให้เป็นสุข
ผู้ป่วยชายไทยอายุ 42 ปี ท่านแรกป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ผ่านการรักษาฉายรังสี เคมีบำบัด และผ่าตัด มาร้องเพลง “พรุ่งนี้ยังมีฟ้า” พร้อมทั้งเล่นกีต้า ก่อนการร้องเพลงคุณชาย(นามสมมติผู้ป่วย) ได้เล่าถึงชีวิตการป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ได้พลิกชีวิตให้เขามีชีวิตที่มีคุณค่าต่อสังคม
“ ตอนแรกที่ผมรับรู้ว่าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ชีวิตการเป็นโปรดิวส์เซอร์นักแต่งเพลง นักร้องของผมมืดดับ ภรรยาก็ใกล้คลอดลูกคนที่ 2 ลูกคนโตอายุ 4 ขวบ ในช่วงสัปดาห์แรกที่ผมมารับการฉายรังสี ผมเครียดและท้อแท้มาก จนกระทั่งได้มาเข้ากลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนที่พี่ฟ่งจัดขึ้นในช่วงนั้น และได้ให้โอกาสเขาแต่งเพลงทำอัลบั๊มเพลงครั้งแรกในชีวิต “พรุ่งนี้ยังมีฟ้า” โดยพี่ฟ่งหาเครือข่ายสปอนเซอร์ในการทำเพลง รายได้ที่ได้ส่วนหนึ่งมอบให้กองทุนเสริมอาหารทางการแพทย์ที่แขวงไว้ในมูลนิธิของโรงพยาบาลและช่วยเหลือด้านอื่นๆในผู้ป่วยมะเร็งยากไร้ ชีวิตของผมรู้สึกว่ามีคุณค่ามีประโยชน์ต่อสังคม และมีความสุขที่ได้ทำงานที่รักในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดี ขอให้ทุกๆคนอย่ายอมแพ้ให้สู้ต่อไป”
ผู้ป่วยชายไทยอายุ 62 ปี ท่านที่ 2 ป่วยเป็นมะเร็งกล่องเสียงผ่านการรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด และฉายรังสีมา 8 ปีคุณชาญ(นามสมมติ) เล่าให้ฟังด้วยเสียงแหบๆว่า “ทุกเดือนผมจะมาเป็นครูฝึกการฝึกพูดให้กับผู้ป่วยมะเร็งที่ไร้กล่องเสียงจนตอนนี้เขาแต่งตั้งให้ผมเป็นประธานชมรมผู้ป่วยมะเร็งไร้กล่องเสียง ผมภูมิใจมากที่ได้ทำประโยชน์ช่วยเหลือสังคม ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมีคุณค่า ชีวิตเมื่อก่อนการเจ็บป่วยผมสูบบุหรี่และดื่มเหล้ามาก ใช้ชีวิตสนุกไปวันๆ ไม่ค่อยมีคุณค่า และผมคิดว่าที่ผมได้มีชีวิตอยู่ยืนอยู่ยาวมา 8 ปี เพราะส่วนหนึ่งจากการปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของหมอพยาบาล ครอบครัวอบอุ่น และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งคือผมมีความสุขมองโลกในแง่บวก”
ผู้ป่วยหญิงไทยอายุ 45 ปีท่านที่ 3 ป่วยเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารผ่านการรักษาด้วยการผ่าตัด เคมีบำบัด และฉายรังสีมา 7 ปี คุณหน่อย(นามสมมติ) เล่าให้ฟังว่า “ ฉันมีอาชีพเป็นพยาบาลห้องผ่าตัดปัจจุบันได้ลาออกจากงานแล้วหลังเมื่อรับรู้ว่าเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารระยะ 3 เพื่อนๆที่เป็นหมอเป็นพยาบาลคุยกันว่าน่าอยู่ไม่ถึง 2 ปีแต่นี่ก็อยู่มา 7 ปี ตอนแรกก็ตกใจแต่ตั้งสติได้เร็วและยอมรับมัน ปรับเปลี่ยนวิธีคิดและการดำเนินชีวิตใหม่ แม้แต่การรับประทานอาหารหลังผ่าตัดกระเพาะตนเองจะรับประทานอาหารได้ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ และต้องเคี้ยวให้ละเอียดรับให้บ่อยๆพยายามรับประทานอาหารให้ครบหลัก 5 หมู่ เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารน้ำหนักก่อนป่วย 47 กก. หลังป่วยน้ำหนักลดลงเหลือ 30 กก. ปัจจุบันน้ำหนัก 37 กก. ทำอาหารรับประทานเองออกกำลังกายทุกวันตอนเช้า พักผ่อนให้เพียงพอ อารมณ์ไม่ขุ่นมัวมองโลกเชิงบวก และรู้จักแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับผู้อื่น เช่น จะนำไข่ต้มมาให้คนไข้ที่ฉายรังสีเดือนละ 2 ครั้ง จะมาเป็นกำลังใจให้กับผู้ป่วยและญาติ เป็นต้น วันนี้อยากบอกกับทุกๆคนว่า สู้ สู้ สู้ นะค่ะ”
ในวันนั้นมีผู้ป่วยพิการชายไทย อายุ 39 ปี (เป็นอัมพาตท่อนล่าง นั่งรถเข็นมาร่วมกิจกรรม) ป่วยเป็นมะเร็งหลอดอาหารคุณชัย(นามสมมติ) ขณะที่นั่งรับฟังอยู่นั้นร้องไห้ ฉันจึงเข้าไปยืนอยู่ใกล้แล้วสัมผัสมือถามว่า “คุณชัยรู้สึกอย่างไร”
คุณชัยเล่าว่า “ชีวิตผมพิการจากการตกหลังคามา 20 ปี ตอนนั้นอายุ 19 ปี ผมไม่เคยท้อผมสามารถใช้มือทำงานเป็นช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้าหาเงินเลี้ยงพ่อแม่และน้องๆอีก 3 ชีวิต จนปัจจุบันน้องๆสามารถมีอาชีพเลี้ยงตัวเองได้ จนกระทั่งผมมาป่วยเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ผมเครียดและท้อแท้มากเพราะกลัวว่าอนาคตผมจะเป็นภาระให้ครอบครัวเมื่อวานผมร้องไห้กับพี่ฟ่ง พี่ฟ่งให้ข้อคิดและกำลังใจพร้อมทั้งแนะนำให้มาร่วมกิจกรรมกลุ่มเพื่อนช่วยเพื่อนในวันนี้ วันนี้ผมอยากบอกกับผู้ป่วยทุกๆท่านว่าอย่าท้อแท้ขอให้สู้ ถึงแม้ว่าวันหนึ่งถ้ามะเร็งหายแต่ผมก็ยังมีความพิการอยู่ และผมจะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะสู้ ไม่ท้อแท้ ชีวิตที่อยู่ต่อไปก็ขอให้อยู่แบบมีคุณค่าอย่างคุณชาย คุณชาญ และคุณหน่อย”
ภาพกิจกรรมที่เกิดขึ้นวันนี้ฉันรู้สึกประทับใจและขอบคุณผู้ป่วยทุกท่านที่เป็นครูสอนเรื่องชีวิตให้เปลี่ยนทุกข์เป็นสุขและวันนี้ผู้ป่วยและญาติที่เข้าร่วมกิจกรรมต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่า “กิจกรรมนี้สัมผัสถึงใจเป็นสัมผัสที่จับต้องได้”
หมายเหตุ ถ้าต้องการฟังเพลง "พรุ่งนี้ยังมีฟ้า" ให้เข้า youtube และพิมพ์คำว่าเพลงพรุ่งนี้ยังมีฟ้า