หนึ่งในความสำเร็จ...กิจกรรมบำบัดความมั่นใจวัยเรียน


ขอขอบพระคุณพี่กนกพรหรือพี่นิ่มและครอบครัวกรณีศึกษารายนี้ที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้และร่วมมือเพิ่มความสุขความมั่นใจให้กับการประเมินความพร้อมทางการศึกษาแบบ Homeschool

สืบเนื่องมาจากกรณีศึกษาวัยเรียนที่เคยมีภาวะกลัวโรงเรียนและกลัวเจ้าหน้าที่การศึกษาที่จะมาประเมินการเรียนแบบ Homeschool เพื่อสำเร็จการศึกษาชั้นม.1 นับว่าเป็นหนึ่งในความสำเร็จในโครงการจัดการความสุขด้วยการทำงานร่วมกันระหว่างเด็ก ผู้ปกครอง คุณครู และนักกิจกรรมบำบัด ที่ดร.ป๊อปคิดว่า เป็นกรณีศึกษาแรกในเมืองไทยที่ใช้เวลาฝึกความมั่นใจในระยะเวลาเพียง 1 สัปดาห์จากบันทึกกระบวนการทางกิจกรรมบำบัดก่อนหน้านี้

พี่นิ่ม: สวัสดีค่ะ พี่นิ่มนะคะ ส่ง Link นี้ (สภาคนพิเศษ) มาให้ค่ะ เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเชื่อมโยงเครือข่าย และสามารถจัดพื้นที่สร้างสรรค์ความสุขให้กับเด็กๆ พิเศษที่ต้องการความช่วยเหลือ...ด้วยมิตรไมตรี...หวังว่า ภาคีเครือข่ายการศึกษาเพื่อการเยียวยา อาจจะเป็นอีกเครือข่ายหนึ่งที่เป็นพื้นที่ในการทำงานของ ดร.ป๊อบ นะคะ

ดร.ป๊อป: ยินดีและขอบพระคุณอย่างยิ่งครับผม

พี่นิ่ม: ดร. ป๊อบครับ พี่นิ่มรบกวน ปรึกษางานที่พี่นิ่มต้องช่วยเหลือครอบครัวโฮมสคูลบ้านหนึ่ง ก่อนเลยได้ไหมคะ

วันนี้พี่นิ่มมี เคส คุณแม่โฮมสคูลท่านหนึ่งมีปัญหา กับ การเตรียมลูกเพื่อการได้รับการประเมินผลจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาค่ะ (น้องคนนี้ ออกจากโรงเรียนมาเพราะกลัวการไปโรงเรียน .. ตอนนี้กำลังเครียดจากการทราบว่า เจ้าหน้าที่คนที่เคยหัวเราะเขาตอนไปยื่นขออนุญาตจดทะเบียน จะต้องไปร่วมประเมินผลน้องที่บ้านด้วยค่ะ) ... พี่นิ่มเลยขออนุญาตให้เขาลองปรึกษา ดร.ป๊อบ ดูว่า  ๑. จะมีวฺิธีการช่วยเหลือให้น้องคลายความกังวล เพื่อดำเนินชีวิตตามปกติได้ก่อน วันประเมินผล ๒. เตรียมตัวรับการประเมินผล ด้วยจิตใจที่สมดุล พอจะทันไหมคะ...

ดร.ป๊อป: เสาร์นี้ที่คลินิกปิ่นเกล้า ผมสะดวก 15-17.00 น. ผมจะช่วยใช้ NLP คลายกังวลและเพิ่มความมั่นใจเด็กให้ได้ครับ...

ไว้จะช่วยฝึกสุขภาพจิตใต้สำนึกของเด็กให้ในเสาร์นี้ครับ จะพยายามเต็มที่ให้เด็กมั่นใจในวันสอบครับ

หลังการให้บริการทางกิจกรรมบำบัดใน 2 ชม.พร้อมฝึกโปรแกรมการเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ปกครอง

ดร.ป๊อป: พี่นิ่มครับ ผมโทรติดตามผลคุณแม่น้องป.เมื่อกี้ น้องบอกว่า ฝึกเทคนิคหายใจผ่อนคลายและทบทวนความคิดบวกของคุณพ่อคุณแม่ ก็มีความสบายใจขึ้น และรู้สึกลืมความกลัวได้บ้างหลังจากไปเที่ยวในสถานที่ต่างๆตลอด 4 วันที่ผ่านมา และน้องพูดว่า น้องจะพยายามทำเต็มที่ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็อย่าว่าน้องเค้านะ ผมคิดว่าน้องยังมีความกังวลอยู่แต่น้องก็จะทำดีที่สุดครับ หากผลเป็นอย่างไร ช่วยบอกผมด้วยครับ จะได้วางแผนพัฒนาทักษะชีวิตของน้องต่อไปครับ

พี่นิ่ม: สวัสดีค่ะ วันดี น้องป.สุดยอดเลยค่ะ ปรากฏว่า ที่โอ เพราะว่า จำหน้าป้าคนที่เคยหัวเราะน้องไม่ได้ ๕๕ เพราะวันนี้คุณป้าทำผมทรงใหม่ค่ะ สุดท้ายก่อนคุณป้าจะกลับ เข้าไปกอดน้องด้วย ป้านิ่มถามว่าถูกกอดไปแล้ว รู้ตัวไหมคะ น้องทำท่าแขนพับ เป็นลม บอกหนูจำไม่ได้เลยว่าใครกอดหนูบ้าง ... เป็นงั้นไปค่ะ ... พี่นิ่มขอบคุณ ดร.ป๊อบมากนะคะ ... พี่ต้องขอบคุณ ที่เวลาทำให้พี่ได้พบกับ ดร.ป๊อบในสถานการณ์ ที่ทำให้เราช่วยเหลือน้องป.ได้ทันเวลานะคะ

ดร.ป๊อป: ยินดีอย่างยิ่งครับ ขอบคุณมากครับพี่นิ่ม

 

 

หมายเลขบันทึก: 571157เขียนเมื่อ 28 มิถุนายน 2014 09:01 น. ()แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน 2014 12:13 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

ชื่นชมการทำงานของคุณหมอค่ะ

อ่านแล้วตื้นตันใจ เป็นกุศลที่น่ายินดีอย่างยิ่งเลยนะคะทั้งน้องป๊อบและพี่นิ่ม การได้มีส่วนช่วยให้น้องป.เผชิญความกดดันในขั้นต้นนี้ได้เป็นบันไดก้าวสำคัญจริงๆ ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจให้นะคะ

ขอบพระคุณมากครับพี่โอ๋ รักและคิดถึงพี่โอ๋และครอบครัวเสมอครับผม

ขอบพระคุณมากครับพี่หมอธิรัมภาและคุณ tuknarak

พี่ขอความรู้ค่ะว่า  การที่เด็กกลัวการไปโรงเรียนแล้วเราจำเป็นต้องเอาเขามาเรียน Home School จะมิยิ่งทำให้เขากลัวการออกไปนอกบ้านด้วยหรือเปล่า  หรือนี่เป็นวิธีที่ช่วยแก้ปัญหาที่ถูกต้องคะ

เป็นคำถามที่น่าสนใจและขอบพระคุณมากครับพี่ nui เนื่องจากเด็กกลัวไปโรงเรียนเพราะมีความเครียดจากระบบที่ตึงเกินไปจากหลักสูตรที่เด็กไม่ชอบ จากวิธีการสอนของครูที่เด็กไม่อยากเรียน และจากการสอบที่เด็กไม่รู้สึกยืดหยุ่น ฯลฯ ทำให้ต้องจัด Home School คือ จากการได้โอกาสเลือกเรียนในสิ่งที่เด็กชอบ-นอกกรอบ และมีผู้ปกครองที่เด็กรักเป็นผู้สอน ผู้สอบ และเป็นเพื่อนเรียนรู้ ทำให้เด็กได้ศึกษาต่อเนื่องด้วยความสุขกว่าในระบบโรงเรียนที่ปรับเปลี่ยนการเรียนเฉพาะบุคคลยากมากๆ ที่สำคัญ Home School สามารถจัดการเรียนรู้นอกบ้านตามที่เด็กอยากเรียน เช่น โรงเรียนสอนพิเศษ โรงเรียนดนตรี โรงเรียนศิลปะ สวนสนุก สวนธรรมชาติ วัด พิพิธภัณฑ์ ฯลฯ น่าจะเป็นทางเลือกที่เด็กแสดงความต้องการที่แท้จริงได้ครับผม 

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท