วันที่ ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๗ ตอนบ่าย คณะกรรมการประเมินการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (ปศพพ.) ด้านการศึกษา กลับเข้ามา อ.เมือง เพื่อตรวจเยี่ยมโรงเรียนผดุงนารี หลังจากที่ตอนเช้าเข้าเยี่ยมโรงเรียนบรบือ อ.บรบือ โรงเรียนผดุงนารีเป็นโรงเรียนขนาดใหญ่พิเศษ มีนักเรียนกว่า ๔,๐๐๐ คน เป็นโรงเรียนตามหลักสูตรมาตรฐาน-สากล ดูข้อมูลพื้นฐานของโรงเรียนที่นี่ เว็บไซต์ของโรงเรียนอยู่ที่นี่ เฟสบุ๊คของโรงเรียนอยู่ที่นี่
วันอาทิตย์ที่ ๑๘ พฤษภาคม ผมได้รับการเชิญให้ไป "สนทนา" กับทีมขับเคลื่อนฯ ของโรงเรียนผดุงนารี ผมพิจารณาว่า เป็นจังหวะดีที่จะได้เรียนรู้ว่า ทางโรงเรียนขับเคลื่อนอย่างไร และมีปัญหาตรงไหนอย่างไร และอีกทั้งเวลาตามตารางที่จะมาประเมินที่โรงเรียนผดุงนารีคือ วันที่ ๒๒ ผมติดราชการเป็นวิทยากรที่ มทร.โคราช จึงเป็นโอกาสที่จะได้สัมภาษณ์ทีมขับเคลื่อนฯ ของโรงเรียนไปด้วย และผมตีความว่า นี่เป็นความกระตือรือล้นของโรงเรียนในการเตรียมตัว เตรียมงาน อาจเป็นเพราะทางทีมคณะกรรมการอาจจะยังไม่เพียงพอในการสื่อสาร จึงทำให้เกือบทุกโรงเรียนยังไม่เข้าใจกระบวนการประเมินในครั้งนี้ ด้วยเหตุนี้ทำให้มีการปรับเปลี่ยนตารางการประเมินใหม่ จึงเป็นโอกาสให้ผมได้เข้าร่วมประเมินได้ในที่สุด ผมคิดเหตุการณ์นี้เป็นการนำหลัก ปศพพ. มาใช้ในการทำงานประการหนึ่งของทีมขับเคลื่อนฯ ของโรงเรียน.... ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งทำให้ผมมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่า การพูดคุยสนทนากันแบบไม่เป็นทางการนั้น "ทรงประสิทธิภาพ" สอดคล้องกับบริบทของคนไทยมากกว่า "การส่งจดหมาย ขอเข้าพบ" มากนัก
ความภูมิใจที่สัมผัสได้จาการนำเสนอของผู้บริหาร คือ ความสำเร็จในการส่งเสริมศักยภาพของนักเรียนจนสามารถชนะเลิศการแข่งขันทั้งระดับประเทศและระดับนานาชาติ ได้แก่ วงอีสาน-ดรัมไลน์ และตะกร้อลอดห่วงหญิงรุ่นอายุไม่เกิน ๑๘ ปี (อ่านข่าวที่นี่) เป็นต้น
ดูข่าวการชนะเลิศระดับโลกของวง อีสาน-ดรัมไลน์ ได้ที่คลิปนี้
ดูการแสดงจริงๆ ของวงได้ที่คลิปนี้ น่าจะได้รับเชิญไปแสดงที่อเมริกาหลังจากได้แชมป์แล้ว
ผมตีความและสังเคราะห์ว่า ปัจจัยของความสำเร็จอยู่ที่ "ความเพียร" การฝึกฝนอย่างหนักของนักเรียน ภายใต้ความเข้มงวดของครูผู้รับผิดชอบ และอีกประการสำคัญน่าจะเป็น "วิสัยทัศน์" และ วิธีการบริหารจัดการและ "สนับสนุน" อย่างเต็มที่และมีระบบของ ดร.มีศิลป์ ชินภักดี ผู้อำนวยการโรงเรียน
แม้ว่าจะไม่ได้พบและสัมภาษณ์นักเรียนทั้งสองกลุ่มนี้ แต่หลังจากสืบค้นและศึกษาผลงานของพวกเขา ผมมั่นใจว่า พวกเขาทุกคนเห็นคุณค่าของภูมิปัญญา ศิลปวัฒนธรรมไทยอีสาน และภูมิใจในเกียรติภูมิและศักดิ์ศรีของความเป็นไทยที่พวกเขาได้บรรลุความสำเร็จด้วยความเพียรของตน ... นี่เป็นอุปนิสัยพอเพียงประการสำคัญ
สิ่งที่กระผมชื่นชมที่สุดไม่ใช่รางวัลต่างๆ ที่นำมาแสดง แต่เป็นความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจ และเสียสละของครู ในโครงการ "เยี่ยมบ้านนักเรียน" ท่าน ผอ. เล่าให้ฟังว่า "..เราเยี่ยมบ้านนักเรียน ๑๐๐ เปอร์เซนต์ เยี่ยมบ้านทุกคน..." ทันทีที่ได้ฟัง สมองผมเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ที่อาจารย์ไพรัตน์ ธรรมแสง หนึ่งในทีมขับเคลื่อนฯ ของเรา เล่าให้ฟังเรื่องอาจารย์เปิ้ล (ภรรยาท่าน) ซึ่งเป็นครูสอนโรงเรียนผดุงนารีทำงานเยี่ยมนักเรียนหนักแค่ไหนในแต่ละเทอม ในแต่ละห้องเรียนมีนักเรียนประมาณ ๕๐ คน มีครูประจำชั้น ๒ คน นั่นคือครูแต่ละคนต้องออกเยี่ยมบ้าน ๒๕ ครอบครัว โดยมีงบสนับสนุนเพียง ๑,๕๐๐ บาท .... ผมตีความว่า นี่เป็นไม้ตายของ ผอ.มีศิลป์ ที่ทำให้ท่านสามารถเพิ่มนักเรียนจาก ๒,๕๐๐ เป็น ๔,๐๐๐ คนในปีนี้
ผมฟังว่า เหตุที่โรงเรียนผดุงนารี มีความมั่นใจที่จะขับเคลื่อนฯ เป็นโรงเรียนศูนย์การเรียนรู้ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง คือการมีรองผู้อำนวยการโรงเรียน ที่ท่านสำเร็จการศึกษาด้านปริญญาเอกด้านนี้มาโดยตรง และที่ผ่านมาท่านก็ได้ทำกิจกรรมส่งเสริมคุณธรรม จริยธรรมของนักเรียนมาอย่างต่อเนื่อง ในความเข้าใจของผม ผู้ขับเคลื่อนฯ แม้จะจบการศึกษามาด้านสาขาวิชาใด แต่หากมี "ใจ" เห็นความสำคัญของอุปนิสัย "พอเพียง" และมีอุดมการณ์ มุ่งมั่นที่จะแบ่งปันแผ่ขยายไปสู่นักเรียนลูกหลาน เป็นอันใช้ได้ และยิ่งหากมี "หลักวิชา" ที่ได้ศึกษามาโดยตรง มีประสบการณ์งานขับเคลื่อนฯ ดังเช่น รอง ผอ. ภักดี ด้วยแล้ว ยิ่งต้องถือว่าพร้อมและไม่จำเป็นจะต้องรอผลการประเมินใดๆ ลุยได้ทันที ประโยชน์เกิดกับตนเอง เพื่อนครู และนักเรียนทันที ...
สิ่งที่ประทับใจและชื่นชมอันดับสองรองจากครู คือ การให้ความสำคัญต่อภูมิปัญญา และส่งเสริมนักเรียนที่มีความสามารถพิเศษด้านภูมิปัญญา ได้รับโอกาสมาแสดงความสามารถ นักเรียนคนหนึ่งที่มาเล่าเรื่องมีความสามารถด้านการเรียนและการรู้จักตนเอง อีกทั้งยังกำหนดเป้าหมายในชีวิตของตนเองชัดเจนตั้งแต่ยังเยาว์นัก ส่วนนักเรียนชายอีกคนมีความสามารถด้านการด้นเพลง "แหล่"... เสียดายที่ไม่ได้บันทึกเสียงไว้ และค้นทางออนไลน์ก็ไม่พบ ...
ผลการประเมินและข้อสะท้อน
โดยภาพรวมแล้ว กรรมการประมินฯ สะท้อนว่า นักเรียนแกนนำที่มาแสดงผลงานในห้องทุกคน มีทักษะการคิดวิเคราะห์ สามารถสังเคราะห์ โต้ตอบ ตอบคำถามได้อย่างเป็นเหตุเป็นผล มีไหวพริบดีเยี่ยม สอดคล้องกับที่เป็นผลงานของโรงเรียนมาตรฐานสากล ที่เน้นให้นักเรียนได้ "ฝึกสืบค้น ฝึกคิด ฝึกทำ ฝึกนำเสนอ ฝึกแก้ปัญหา" อย่างไรก็ตาม หลังจากการเดินสำรวจ สังเกต และสัมภาษณ์นักเรียน ผมพบว่า
ข้อเสนอแนะต่อการขับเคลื่อนฯ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขียนนี้ค่อนข้าง "หยาบ" และเป็นการ "คิดเขียน" ด้วยการประเมินที่จำกัด อย่างไรก็ดี การเขียนบันทึกนี้ก็เพื่อพัฒนา ด้วยใจที่เป็นกัลยาณมิตรกับท่าน สงสัยหรือเห็นเป็นประการใด โปรดได้อธิบายชี้แจงต่อไปครับ
การมีผู้บริหารจบศาสตร์ที่เกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงสู่วิถี-กระบวนการ หรือยุทธศาสตร์ได้ ถือเป็นความสำหรับเชิงนโยบายที่เป็นทั้งระบบและกลไกที่สำคัญมาก เสมือนย้ำเป็นนัยยะสำคัญว่า หัวขยับ....หางก็ส่ายอย่างมีชีวิต-พลัง...
ชื่นชมครับ