สเตร็ปโตมัยซิน


สเตร็ปโตมัยซินราคาเข็มละ 3 บาท

.......เมื่อผมยังเด็ก อายุประมาณ 15ปี พ่อผมอ่ายุ 50ต้นๆ พ่อผมป่วยเป็นวัณโรคทุกครั้งที่ไปหาหมอที่ตลาดบางแก้วที่เรียกกันว่าสุขศาลา แต่ที่จริงเป็น   "ศูนย์การแพทย์และอนามัยตำบลท่ามะเดื่อ"  มีแพทย์อยู่ประจำท่านหนึ่งและเจ้าพนักงานอนามัยสี่หรือห้าท่านผมจะไปเป็นเพื่อนเกือบจะทุกครั้งที่ไปหาหมอ พ่อผอม อ่อนแอ ไอเป็นเลือด ไปหาหมอแต่ละครั้งหมอ(นายแพทย์)ฉีดยาให้หนึ่งเข็มพร้อมกับให้ยาเม็ดไปกินสักเจ็ดวันแล้วค่อยมาใหม่ ค่ายาฉีดเข็มละ15บาท ค่ายาเม็ด10บาทรวม25บาทต่อหนึ่งครั้ง เดือนหนึ่งไปหาหมอ4ครั้งรวมเป็นเงิน100บาท 100บาทเป็นเงินที่มากเอาการทีเดียวสมัยนั้น(ปี2500) เพราะราคาทองประมาณบาทละ300บาทคนสมัยนั้นหากเป็นวัณโรคจะต้องตาย เพราะแต่ละคนจะไปหาหมอไม่เกิน4ครั้งก็ทอดอาลัยแล้วบอกว่าไม่มีเงินรักษา ก็ฐานะเหมือนๆกับพ่อผมนี่แหละ  พ่อผมไปหาหมออยู่สองเดือนแปดครั้งอาการไม่ดีขึ้นเลยแปดครั้งที่ไปหาหมอมีคุณค่ามหาศาลครับ  เพราะทุกครั้งพ่อจะพูดคุยถูกคอถูกใจคุณหมอมาก คุยกันนานๆ พ่อจะถามทุกเรื่องที่สงสัย คุยกับหมออย่างคนมีความรู้ คุยกันเข้าใจ สองเดือนแล้วหมอฉีดยาไป8เข็มแค่นั้นพร้อมกับยาเม็ด หมอเลยบอกพ่อเพราะความสงสารว่า ถ้าลุงจะรักษาให้หายขาดลุงต้องฉีดยาทุกวันๆละเข็มและกินยาเม็ดหรือไม่กินก็ได้ พ่อก็ถามว่าจะฉีดสักกี่เข็ม หมอบอกว่าต้องฉีดเป็นประจำอย่างน้อย4เดือนจะพอมีเงินรักษาไหม  พ่อก็ตกลงรักษา หมอนิ่งอยู่ครู่หนึ่งแล้วหมอก็แนะนำว่าลุงต้องฉีดเอาเองหรือให้ลูกหลานฉีดให้หมอก็เอายามาให้ดู(แต่ก่อนเห็นตอนยาอยู่ในสลิงแล้ว)เป็นขวดเล็กๆผงยาสีขาว และนํ้ากลั่นสีใสแจ๋วอยู่ในหลอดแก้วเอาตะใบเล็กๆถูนิดหน่อยแล้วใช้คีมจับหักคอหลอดใช้สลิงพร้อมด้วยเข็มดูดนํ้ากลั่นจนหมดแล้วไปแทงลงที่จุกยางของขวดยาผงดันนํ้ากลั่นเข้าในขวดยาจนหมดเขย่าให้นํ้ากลั่นละลายกับผงยาจนเห็นเป็นนํ้าใสแจ๋วแล้วดูดกลับเข้าสลิงเปลี่ยนเข็มอันใหม่แล้วมาฉีดให้พ่อ หมอแนะนำให้เข้าใจทุกขั้นตอนการลอกเข็มด้วยนํ้าร้อนการเช็ดด้วยกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เมื่อพ่อรับปากว่าทำได้ หมอก็เอากล่องยาเป็นตัวอย่างให้พ่อไปหาซื้อเอาเองที่ตัวจังหวัดและกำชับให้พ่อรักษาความสะอาดในการฉีดยาทุกครั้งต้องผ่านการต้มนํ้าลวกเครื่องมือทุกอย่างเสียก่อน หลังจากไหว้ลาหมอกลับบ้านแล้งรุ่งขึ้นพ่อก็เข้าไปในเมืองด้วยรถไฟ  จัดแจงซื้อยามาครบรวมทั้งเครื่องมือมีเข็ม สลิงสำลี กอฮอล์ เข็มซื้อมา2ขนาด สำหรับดูดนํ้ายาและสำหรับฉีดยา ปรากฏว่ายาที่ซื้อมาตกราคาเข็มละ 3บาทรวมทั้งนํ้ากลั่นด้วยแล้วพ่อดีใจมาก ได้ว่าจ้างหมอเถื่อนที่พอมีความรู้ในการฉีดยามาฉีดให้และปฏิบัติตามคำแนะนำที่พ่อกำหนดให้ พ่อรักษาอยู่3เดือนรู้สึกว่าหายดีแล้วจึงหาหมอให้เช็คดู หมอก็เช็คดูเห้นว่าหายดีแล้วก็บอกว่าหยุดยาได้ รวมแล้วใช้ยาไป 100 เข็ม พ่อจึงหายขาดจากวัณโรคเพราะความเอ็นดูของคุณหมอท่านนั้น เพราะความที่คุยกันถูกชตากัน รวมแล้วค่าใช้จ่ายในการรักษาไม่ถึง400บาทรวมทั้งค่าจ้างฉีดยาเป็นเวลา3เดือน พ่อมีอายุต่อมาจนถึง80ปีด้วยสุขภาพที่ดีมาตลอด   

ขอบคุณ  นายแพทย์ที่ประจำอยู่ ศูนย์การแพทย์และอนามัยตำบลท่ามะเดื่อสมัยนั้น  ด้วยคารวะอย่างยิ่ง

ขอบคุณ  ยาสเตรปโตมัยซิน ที่ดีจริงๆสมัยนั้น

ขอบคุณ คุณพ่อที่เป็นคนกล้าพูดและกล้าทำ และทันสมัยไฝ่รู้อยู่เสมอ

(นายแพทย์ท่านนั้นก็เสียชีวิตไปแล้วยังจำชื่อท่านได้แต่ไม่กล้าเอาชื่อท่านมาลงบันทึกนี้ )

หมายเลขบันทึก: 570500เขียนเมื่อ 15 มิถุนายน 2014 22:50 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2014 22:50 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

หมอ รพ.ปากพะยูน คนแรก คือ นายแพทย์ ไตรวิทย์ เตมหิวงศ์ 

ตำแหน่งสุดท้าย นายแพทย์ สสจ ปัตตานี

หมอคนนี้ชาวบ้านศรัทธามากๆ

ขอบคุณ คุณวอญ่า  ครับ

     ศูนย์การแพทย์และอนามัยตำบลท่ามะเดื่อตอนนั้นยังไม่มีโรงบาลครับ

สมัยนั้นตำบลท่ามะเดื่อหรือตลาดบางแก้วยังขึ้นอยู่กับอำเภอเขาชัยสน ศูนย์การแพทย์แห่งนี้อยู่ติด

กับโรงเรียนสามัญ พ.ท.8เดี๋ยวนี้เป็นโรงเรียนอนุบาลบางแก้ว และศูนย์การแพทย์แห่งนี้รื้อหมดแล้ว

เป็นที่ว่างอญู่ให้คนปลูกผัก 

สมัยนั้นคนบางแก้วพยามวิ่งเต้นเพื่อให้โรงบาลแต่กลับได้เป็นกึ่งอนามัยกึ่งโรงบาล มีแพทย์อยู่ประจำหนึ่งท่านและทำงานร่วมกับหมอผดุงครรภ์ หมออนามัยด้วยขึ้นป้ายชื่อว่า  "ศูนย์การแพทย์และอนามัยตำบลท่ามะเดื่อ" ครับมักจะไม่ค่อยพบเห็นที่ใหน

ขอบคุณครับ

เรียน พ่อเขียน 

ที่ปากพะยูน ปี2519 เริ่มสร้าง ศูนย์การแพทย์ และอนามัย ลูกหลานพญาเทพธานี ต้นตระกูล ชลายนคุปต์ บริจาคที่ดินให้

ปี 2515 มีหมอคนแรกมาประจำ แล้วยกฐานะจากศูนย์การแพทย์ มาเป็น โรงพยาบาล 10 เตียง 

ปี 2530 ย้ายจากที่เดิม มาสร้าง เป็น โรงพยาบาล 30 เตียงที่อยู่ปัจจุบัน

เรื่องศูนย์การแพทย์ และ สุขศาลา  ผมกำลังตามรอยอยู่ครับ

พ่อผอม อ่อนแอ ไอเป็นเลือด ไปหาหมอแต่ละครั้งหมอ(นายแพทย์)ฉีดยาให้หนึ่งเข็มพร้อมกับให้ยาเม็ดไปกินสักเจ็ดวันแล้ว

เหมือนพ่อผมเลยครับ

แล้วพ่อก็จากผมไปตอนผมเจ็ดขวบในวันที่พ่อไม่ได้ฉีดยา พ่อไปหาหมอแล้วหมอปิดคลินิก

อ่านบันทึก พ่อเขียนแล้วจึงนึกถึงยาตัวนี้

เวลาผ่านไปนาน วัณโรคมียากินใหม่ๆมารักษาเยอะ

แต่ยาตัวนี้ยังต้องเก็บไว้ใช้กับคนไข้ที่หนีหมอ ดื้อยา อยู่เลย

ขอบคุณ  คุณบุษยมาศ สำหรับการติดตามและมอบกำลังใจ

             ขอบคุณครับ

ขอบคุณ  คุณวอญ่าที่ติดตามให้กำลังใจ

              ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นเพิ่มเติม เป็นความรู้ที่เพิ่มขึ้น เรื่องศูนย์การแพทย์และอนามัยนั้นมีไม่มากนักและมีไม่ครบทุกอำเภอ ในอำเภอเขาชัยสนมีที่ตำบลท่ามะเดื่อแห่งเดียว ผมก็อยากจะทราบที่มาที่ไปของศูนย์การแพทย์ประจำตำบลเพื่อเป็นความรู้ต่อไป 

             ผมก็แค่ไปสัมผัสเรื่องรักษาพ่อเพียงเรื่องเดียวครับ ส่วนรายละเอียดอื่นๆไม่ค่อยรู้ สมัยนั้นไม่ได้สนใจ  เพียงฝังใจและจดจำ ที่หมอท่านนั้นเมตตาพ่อผมแนะนำให้รักษาจนหาย ครับ

ขอขอบคุณ คุณขจิต ฝอยทองครับที่ติดตามให้กำลังใจอยู่เสมอ  และได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวประสบการณ์  ครับเป็นที่น่าเสียใจที่สมัยก่อนมียาดี มีหมอดี แต่คนไข้หรือประชาชนกับหมอยังมีช่องว่างห่างกัน ที่เข้าถึงกันน้อยมาก  และหมอส่วนหนึ่ง(บางท่าน)ยึดถือเอาเป็นธุรกิจส่วนตัวสร้างความรํ่ารวย

ขาดความเมตตาสงสาร ก็ไม่ต่างกับปัจจุบันเท่าไห่ แต่ปัจจุบันีทางให้เลือกมากกว่า ครับ

ขอขอบคุณ  คุณหมอมุ่ย(ท่านสบูรณ์ โหตระวารีกาญจน)ครับที่ติดตามและให้ควมู้เรื่องยาครับ

                 ผมคิดว่ายาขนานนี้เขาเลิกใช้ไปแล้ว

.................ขอบคุณมากๆครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท