อีกครั้งกับชูชาติ ปราชญ์วนิพก


89 วัน 21 จังหวัด 132 อำเภอ ที่พี่ชูชาติ เดินทางแบบพึ่งพาตนเอง ภายใต้หลัก 5 ข. คือ ขลุ่ย ขี่ ขอ (เปิดหมวกเป่าขลุ่ย) แข็ง (สุขภาพ) อาจารย์ไพบูลย์ ได้เขียนกวี ถึงพี่ชูชาติไว้ นำมาแบ่งปัน

   



   ชูชาติ พรหมพันธ์นักปั่นจักรายานที่ผู้เขียนต้องเรียกพี่  พบกัน เมื่อ3 ปีก่อน ในตลาดปากพะยูน 

ด้วยความสนใจในตัวตนของคนที่ได้พบพาน จึงจัดการเข้าไปสนทนา  จึงเป็นที่มาของบันทึก" 

ฤาเป็นวาสนานำพาให้พบกัน คนบ้าฝันปั่นจักรยาน" .......


         ท่ามกลางสายแดดที่ร้อนระอุริมถนนเลียบทะเลสาบสงขลา ชายผู้หนึ่งถีบจักรยานอยู่ข้างหน้ารถ

มอเตอร์ที่ผู้เขียนขับตามหลังมา เห็นแต่ไม่เห็นหน้า ก็จำได้ต้องเป็นพี่ชูชาติแน่ๆ  

จึงบีบแตรปาดหน้า ทักทาย ชวนไปนอนที่บ้าน จากการสนทนาสั้นๆได้ความว่า 

เย็นนี้จะเปิดหมวกเป่าขลุยที่ตลาดปากพะยูน และขอบคุณที่ชวนไปนอนบ้าน  

แต่มันผิดหลักการผิดจรรณยาบันของนักปั่นที่พึงพาตนเอง แต่ก็รับปากนัดหมายว่าจะไปคุยกันในวัน

พรุ่ง......


     ถึงเวลานัดหมาย ผู้เขียนติดภาระกิจที่โรงพยาบาล เมื่อเสร็จภาระกิจก็รีบกลับบ้าน 

ปรากฎว่าพี่ชูชาติแวะมาเยี่ยมแล้วจากไป ไม่ได้ทิ้งเสียงขลุ่ยให้ฟังเหมือนครั้งแรกที่เจอกัน....


     วันนี้ได้รับจดหมาย ลงวันที่12 พค 57 จากบ้านออนใต้อำเภอสันกำแพง เชียงใหม่   ดีใจ

เหตที่ดีใจเพราะผู้เขียนยังพิศมัยในการเขียนจดหมาย ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา  มีเพียง 

"ฉิมพลี  แสนแสบ" คนเดียวที่ยังติดต่อกันทางจดหมาย พี่ชูชาติจึงเป็นคนที่สองที่ 

เขียนจดหมายมาหา  จึงต้องบอกดีใจที่ได้รับจดหมายเขียนมาเหมือนลายแทงทางใจ 

แนบภาพลายเส้นภรรยา มาฝากพร้อมทั้งบทกวี ของครูผ้พิการ อาจารย์ ไพบูลย์ พันธ์เมืองมาให้ สองบท 


       89 วัน 21 จังหวัด 132 อำเภอ ที่พี่ชูชาติ  เดินทางแบบพึ่งพาตนเอง ภายใต้หลัก 5 ข. คือ 

      ขลุ่ย ขี่ เขียน ขอ (เปิดหมวกเป่าขลุ่ย) แข็ง (สุขภาพ) อาจารย์ไพบูลย์ ได้เขียนกวี ถึงพี่ชูชาติไว้ นำมาแบ่งปัน


   พบชูชาติคนดังครั้งที่สอง

เขายังคนองวิถีที่แปลกสาย 

ขี่จักรนานจากเชียงใหม่มาไม่อาย

เหนือนิยายเหนือชีวิตผิดชาวชน  

     ใช้ดนตรีเพลงขลุ่ยลุยล่องใต้ 

ตะวันออกอีสานกลางขี่หลายหน

ดุจวิหคนกอิสระปัญญาชน 

สิ้นตัวตนทิ้งอัตตาข้าราชการ 

        ทั้งเมืองนอกเมืองนาด้วยฝ่าเท้า 

ปั่นจากเช้ายันค่ำย่ำทุกสถาน 

นอนศาลาท่ารถปรากฎการณ์ 

พบชนพาลและบัณฑิตคิดหมิ่นแคลน  

      ไม่หวันไหวใครมองจ้องว่าร้าย 

อุดมการณ์เป้าหมายสบายแสน 

ด้เที่ยวท่องล่องไปในต่างแดน

เพลงขลุ่ยแทนแลกน้ำใจชนไทยเทศ 

      อยู่อำเภอสันกำแพงแห่งเชียงใหม่ 

หวังกลับเยี่ยมแม่แก่ปีหน

ก่อนสังขารอ่อนหล้าหมดค่าคน 

มุงผจญอุปสรรคแม้หนักเบา       


นั้นคือบทกวีที่อาจารย์ ไพบูลย์  พันธ์เมือง มอบให้พี่ชูชาติปราชญ์วนิพกที่ผู้เขียนกล่าวถึง






หมายเลขบันทึก: 569733เขียนเมื่อ 4 มิถุนายน 2014 05:57 น. ()แก้ไขเมื่อ 5 มิถุนายน 2014 18:23 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

คิดถึงท่าน ผอ.ชูชาติ  เหมือนกันจ้ะลุงวอ  ได้พบ และสนทนากับท่าน  2  ครังด้วยกัน  และดูเหมือนจะเป็นเอกลักษณ์ของท่าน ผอ.ชูชาตินะจ๊ะ  เพราะ หลังจากท่านเดินทางไปถึงจุดหมายแล้ว  ก็จะมีจดหมายส่งกลับไปถึงคุณมะเดื่อทั้ง 2  ครั้ง  ดูว่าท่านจะปฎิบัติเป็นธรรมเนียม ในการได้พบเจอและทักทายกับท่านเป็นการส่วนตัวนะ

ครูมะเดื่อได้พบท่านด้วย

ท่านเดินทางโดยจักรยาน

น่าทึ่งมากเลยนะครับบัง

ผมอยากขี่ม้าไป แบบคนสมัยก่อนนะ

55555


ภายใต้หลัก 5 ข. คือ  ขลุ่ย ขี่ ขอ (เปิดหมวกเป่าขลุ่ย) แข็ง (สุขภาพ) ....


ข  อะไรอีกตัว นะคะบัง 




เรียนน้องมะเดื่อ โชคดีที่ได้พบ ผอ.ชูชาติอีกครั้ง ท่านยังเชิญชวนไปเที่ยวเชียงใหม่  

มีโอกาสคงได้ไปเยือน

บังครับ ช่วงนี้เดินทางบ่อย

ดูแลสุขภาพบ้างนะครับ

เรียนท่านอาจารย์ ขจิต  ถ้าขี่ม้าเดินทาง ก็น่าสนุก

ลูกผู้ชายสมัยผมหนุ่มๆ  เขาบอกว่า

"ต้องขี่ม้า  บ้าหญิง ยิงปืน"

สวัสดี คุณหมอเปิ้น

ข  อีกตัวตักไปคือ ข.เขียนครับ

จากบันทึกนี้ตามไปอ่านบันทึกครูมะเดื่อแล้ว ได้บทเรียนใหม่ค่ะ  "อย่าดูสิ่งใดแค่เปลือกนอก"

นับถือและศรัทธาคนแบบท่านผู้นี้  ขอบคุณที่เล่าเรื่องดีๆ

เรียนอาจารย์ nui  ผอ. ชูชาติ แวะมาหาที่ที่บ้านทั้งสองครั้ง

อีกทั้งยังเชื้อเชิญ ไปเยี่ยมบ้านที่เชียงใหม่

เดินทาง ทั่วไทย ใช่ขลุ่ยเลี้ยงชีพ มีเรื่องเล่าจากผอ.มากมาย ได้คุยกันแล้ว  เหมือนรู้จักกันนานแสนนาน

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท