จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับที่ ๑๗ ตอน...บททดสอบมหาวิทยาลัยชีวิต


จดหมายถึงลูก "เพรียง" ตอน...บททดสอบมหาวิทยาลัยชีวิต

ชีวิตมนุษย์ คือ การที่มนุษย์ได้เกิดมา ลืมตา อ้าปาก...เพื่อดำรงชีพตนให้อยู่บนโลกมนุษย์ใบนี้ให้ได้...โดยมีชีวิตที่่มีทั้งสมบูรณ์และไม่สมบูรณ์...อยู่ที่ใครจะมีผลกรรมอย่างไร?...เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิต ถือว่าเป็นสีสรรให้คนเราได้ใช้เพื่อเป็นการเรียนรู้...เกี่ยวกับ "ชีวิต"...อยู่ที่ว่า...ใครจะคิดได้หรือคิดไม่ได้...

ความจริง "ชีวิต" มนุษย์...ถ้าเราไม่คิดมาก...ก็จะคิดเพียงว่า...ทำอย่างไรให้ชีวิตดำรงชีพอยู่ได้เพียงแค่มีความสุขเท่านั้น...ไม่ทุกข์กาย ทุกข์ใจ เท่านี้ก็คงเพียงพอสำหรับเรื่องของ "ความพอเพียง" กับชีวิตมนุษย์...แต่สังคมทุกวันนี้...คนเราคิดไม่ค่อยออกว่า...ชีวิตนั้น คือ อะไร เกิดมาทำไม หากินเพื่ออะไร? หลงลืมเรื่อง "ความสุข" ของชีวิตมากกว่า...ยังคงเพลินกับการอาวัตถุนิยม มาเพื่อบำรุง บำเรอตัณหา ความใคร่ ความอยากของตนเอง...ในที่สุด...ก็หวังกอบโกยสิ่งต่าง ๆ เข้าสู่ตัวเองให้มากที่สุด จึงกลายเป็นเรื่องที่ทำให้สังคมวุ่นวาย ปั่นป่วน เช่น ทุกวันนี้

สำหรับชีวิตของ "น้องเพรียง" พ่อของเจ้าฟ้าคราม...หนูเลือกที่จะเดินในทางที่หนูรัก หนูชอบ หนูไม่ชอบเรียน...พ่อเรกับแม่บุษเข้าใจลูก ๆ ของแม่เสมอ..."พี่ภัคร" ชอบเรียน หนูไปทางด้านวิชาการ แต่สำหรับน้องเพรียง หนูไม่ชอบเรียนในห้องเรียน หนูบอกแม่ว่า...เพรียงชอบทำนา...ครั้งแรก "แม่ก็อี้ง" หนูบอกแม่ พร้อม ๆ กับสีหน้าที่หวั่นวิตกว่า "กลัวแม่ว่า"...

ผิดคาด...สำหรับแม่ ๆ เข้าใจ "ชีวิต" ยิ่งแม่อายุมากขึ้น แม่เห็นสิ่งต่าง ๆ รอบตัวแม่ ทำให้แม่เข้าใจคำว่า "ชีวิต" มากขึ้น...แม่ยิ้ม พร้อม ๆ กับบอกหนูว่า "ตามใจ"...นาเราก็มี เราไม่ได้ขายเหมือนกับคนอื่น นาก็เป็นนาของเรา ดีเสียอีก...ถ้าหนูเป็นคนตั้งใจทำจริง ๆ หนูจะเป็นคนมีเงินมากกว่า "พี่ภัคร" ที่ได้เพียงแค่ "เงินเดือน" เสียอีก...ขอให้รู้จักวิธีการบริหารจัดการตัวเองให้ได้ รู้จักใช้ รู้จักกิน เท่านี้ก็จะทำให้ลูกของแม่ ใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้แล้ว

แม่ไม่ได้แคร์ว่าลูกของแม่ต้องจบปริญญาตรี โท เอก...แต่แม่แคร์ว่า..."ลูกของแม่ต้องเป็นคนดีต่อตัวเองและสังคมมากกว่าสิ่งอื่น ๆ"...ชาวไร่ - ชาวนา คนอื่น ๆ เขาก็ทำนา บางคนบริหารจัดการตัวเองได้ เขาก็สามารถใช้ชีวิตให้อยู่บนโลกใบนี้ได้เช่นกัน...พวกเรา แม่ - ลูก ได้พูดคุยกัน...พ่อเรกับแม่บุษ เป็นกำลังใจ กำลังทุนให้กับน้องเพรียง เพราะการทำนา ในแต่ละครั้งใช้ทุกค่อนข้างมาก...อย่าพูดถึงว่า "ทำไม? ไม่ใช้ควายล่ะ...แม่ก็ขอให้คนที่คิดแบบนี้ ลองใช้ดูก่อนก็แล้วกัน แล้วจะรู้ว่าเพราะอะไร?...มันเหมือนกับคนพูดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้พูดทำนองนั้น

สำหรับปีที่แล้ว พ่อเรซื้อรถอีแต๋นให้น้องเพรียง ๑ คัน...หนูก็ใช้ขับไปนา รับจ้างขนข้าวเขาบ้างก็พอได้กะตังค์มาใช้จ่าย ถึงแม้จะไม่มาก แต่ลูกของแม่ก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างพอเพียง เรารู้จักจับจ่ายใช้สอย...พอมาปีนี้...หนูบอกว่า...ถ้าเรามีรถไถนาเล็กเอาไว้ย่ำเทือกคงดี...แม่ถามราคา หนูบอกแม่ว่า ประมาณ ๘๐.๐๐๐ บาท...แม่ตัดสินใจซื้อให้ทันที...หนูบอกแม่ว่า ถ้าเราใช้ในนาของเราแล้ว เราสามารถรับจ้างไปย่ำเทือกให้กับนาของคนอื่นได้นะแม่...เขาจ้างกันไร่ละ ๒๕๐ บาท ต่อ ๑ รอบ ถ้าย่ำ ๒ รอบ ก็ไร่ละ ๔๐๐ บาท...และเราก็รวมทีมกับพี่ไข่ + พี่ขวัญ ช่วยกันและก็ได้ค่าจ้างนำมาแบ่งกัน...

นี่คือ...วิถีชีวิตของชาวนาในยุคใหม่ ซึ่งแตกต่างกับชีวิตชาวนาในรุ่นของตา...สมัยก่อนใช้ควาย ใช้รถไถใหญ่ ไถนา...แต่มาปัจจุบันใช้รถไถเล็ก และรถไถเดินตามเข้ามาช่วยทำให้ดินละเอียดขึ้น...แม่ไม่แปลกใจที่ลูกของแม่ชอบชีวิตแบบนี้...หนูไม่ต้องการไปสู้รบและแข่งขันกับคนอื่น ๆ ในสังคมหรือโลกของการทำงานที่สูงขึ้น แต่ลูกของแม่ชอบใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ...สู้รบกับธรรมชาติมากกว่าที่จะใช้ชีวิตในเมือง...การทำนาในปัจจุบัน อาชีพการทำนา ไม่ใช่เป็นอาชีพเกษตรกรรม แต่กลับกลายเป็นอาชีพอุตสาหกรรมการเกษตรไปแล้วสำหรับชาวนาของเมืองไทย...

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว แม่เลยเข้าไปซื้อรถไถให้กับน้องเพรียง...และแล้วแม่ก็ได้เห็นความตั้งใจจริงลูกของแม่...หนูได้เข้าทีมกับพี่ไข่ + พี่ขวัญ ทำนาโดยใช้รถย่ำนาที่หนูได้ทำเอง ๑๕ ไร่ (ปีนี้หนูขอทำเพียงแค่ ๑๕ ไร่ ส่วนอีก ๓๐ ไร่ หนูบอกให้พี่ ๆ เขาเช่า...ขอเก็บเงินเป็นค่าเช่าบ้าง)...และเมื่อวันเสาร์ หนูก็ได้เริ่มทำงานรับจ้างกับน้ามด (ซึ่งเป็นทหารแต่เบื่อชีวิตรับราชการจึงลาออกมาทำนาแทน)...จ้างให้หนูไปย่ำเทือกนาให้...และหนูก็เล่าให้แม่ฟังว่า...ต่อไปนี้ เพรียงจะไม่ค่อยว่างแล้วนะแม่...มีงานให้ทำตลอด...

แม่ยังพูดว่า..."ชีวิต คือ การลงทุน"...เราได้ลงทุนกับเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายกับชีวิตของคนเรา...และนี่ก็คือ การลงทุนในอาชีพของเราเอง...ถ้าน้องเพรียงขยัน แม่เชื่อว่า "ลูกของแม่ไม่มีวันอดตาย"...แม่ถือว่า "อาชีพทุกอาชีพ ถ้าสุจริตและไม่ทำให้ใคร ๆ เดือดร้อน ก็ขอให้ลูกแม่ทำ...เพราะนี่คือ "ชีวิตมนุษย์"...ไม่มีอาชีพใดที่สูงส่งไปกว่ากันหรอก...และมันก็คือ...บททดสอบมหาวิทยาลัยชีวิตของลูกเองว่าจะสอบผ่านหรือไม่ผ่าน...สำหรับความคิดของแม่ที่แม่เห็นลูกได้กระทำ...แม่คิดว่า..."ลูกของแม่ผ่านบททดสอบมหาวิทยาลัยชีวิต" บทนี้จร้า...เพราะคนเราไม่ได้ทำกันได้ทุกคน เนื่องจากมันเป็นงานที่ต้องใช้แรงกาย แรงใจในการทำงาน...และที่สุด ก็คือ...ความเหนื่อย เพราะต้องใช้แรงกายของตน...แต่แม่มองอีกมุม นั่นก็คือ...เป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ

บุษยมาศ  แสงเงิน

๑ มิถุนายน ๒๕๕๗

หมายเลขบันทึก: 569507เขียนเมื่อ 1 มิถุนายน 2014 10:55 น. ()แก้ไขเมื่อ 1 มิถุนายน 2014 11:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

อ่านแล้วสุชใจจังเลยครับ มีคุณพ่อคุณแม่ที่เปิดโอกาสให้เลือกแนวทางของชีวิตเองและคอยให้การสนับสนุนตลอดเวลา

ขอบคุณค่ะ ครูอาร์ม ...และขอขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจด้วยนะคะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท