เครียดเมื่อทุกอย่างเสื่อมลง


วันนี้ตรวจผู้ป่วยสาวโสด อายุ 80 ปี ป่วยเป็นโรคข้อเข่าเสื่อม ต้องเดินด้วยไม้เท้า แต่ท่านก็ยังมีกิจกรรมกับเพื่อนฝูงที่ยังมีชีวิตอยู่ ด้วยการขับรถออกไปทานข้าวกับเพื่อนๆทุกอาทิตย์ ที่เริ่มเครียดเพราะหมอเริ่มจำกัดการขึ้นลงบันได ทำให้ต้องวางแผนทำห้องนอนใหม่อยู่ชั้นล่าง ซึ่งท่านไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะคุ้นและสบายใจกับการนอนชั้นบนมากกว่า นอกจากนี้เวลาไปโรงพยาบาล หรือห้างสรรพสินค้า ที่ต้องขับรถวนขึ้นไปจอดบนที่จอดรถ ท่านบอกว่าเรื่องขับรถไม่มีปัญหา แต่มีปัญหาตรงที่เวลาจอดแล้วต้องเดินลงบันไดเพื่อเข้าโรงพยาบาลหรือห้างนี่สิ ทำเอาลำบากจริงๆ บอกท่านให้จอดตรงที่จอดรถคนพิการ ท่านบอกว่ายังพอเดินได้ไม่ได้พิการสักหน่อย ว่าเข้าไป หมอเครียดแทนคนไข้

ที่ท่านเครียดมากอีกเรื่องคือค่ารักษาพยาบาล ท่านมีเงินกงสี แต่ดอกเบี้ยมันน้อยมากและร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ อนาคตถ้าจะต้องผ่าตัดใส่ข้อเข่าเทียม ก็ใช้เงินมากโขอยู่ เพราะท่านเป็นสาวโสดตัวคนเดียวจริงๆ

อนาคตผู้สูงอายุที่อยู่คนเดียวจะค่อยๆเพิ่มมากขึ้น รวมถึงตัวเราเองด้วย คงต้องวางแผนสุขภาพเผื่อไปถึงตอนอายุ 80 ได้แล้ว

1. รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ทานอาหารสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ

2. เก็บเงินไว้สักก้อนสำหรับเมื่อทำงานไม่ได้แล้ว สักเท่าไหร่ดีไม่แน่ใจ ใครมีประสบการณ์ช่วยแนะนำด้วย

3. เข้าสังคมทั้งเพื่อนรุ่นเดียวกันและรุ่นน้องบ้างก็ดี อยู่คนเดียวเก็บตัวยิ่งเหงายิ่งเครียดเข้าไปใหญ่

4. ต้องฝึกทำใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นมันก็ต้องเกิด เรียนรู้อยู่กับมันให้ได้ ข้อนี้ยากมากๆ

5. สรุปว่าอย่าคิดมาก อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ปรับใจ ปรับกาย ปรับสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับสภาวะที่เหมาะสมกับเราในขณะนั้น

หมายเลขบันทึก: 569161เขียนเมื่อ 26 พฤษภาคม 2014 20:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤษภาคม 2014 20:43 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

...ที่แคนาดาหมอผู้ตรวจสุขภาพของทุกคน (Family Clinic) เมื่อพบว่าคนไหนเป็นผู้พิการสามารถขับรถได้ ก็จะออกใบสั่งให้คนไข้ไปซื้อป้ายอนุญาตจอดรถสำหรับผู้พิการมาแขวนหน้ารถ ซึ่งที่จอดจะอยู่บริเวณหน้าอาคารต่างๆ สะดวกมาก หากคนไหนไม่ว่าจะพิการ หรือไม่พิการ อายุมาก หรืออายุน้อย เมื่อคุณหมอตรวจพบและวินิจฉัยแล้วว่าไม่สามารถขับรถได้แล้ว หมอจะเก็บใบอนุญาตขับขี่ทันทีนะคะ...ไม่ใช่อยู่ที่ความพอใจ หรือความรู้สึกว่า...ฉันยังไหวอยู่ของคนไข้หรือผู้ขับขี่...  

ขอบคุณที่แบ่งปัน เห็นด้วยกับ ข้อ 4 ที่ทำใจยากจริงๆค่ะ เป็นกำลังใจให้ทุกคน และตัวเองจะเริ่มวางแผนการใช้ชีวิตด้วยค่ะ

ฝากติดตามด้วยนะคะ

http://www.gotoknow.org/user/thebeattlecity38/posts

สรุปว่าอย่าคิดมาก อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด ปรับใจ ปรับกาย ปรับสิ่งแวดล้อมให้เข้ากับสภาวะที่เหมาะสมกับเราในขณะนั้น

...

หลักคิดข้างต้น
ไม่ง่าย แต่ท้าทาย ครับ

ขอบพระคุณครับ

ขอบคุณข้อคิดดีๆนี้ค่ะ...ทุกวันนี้ ได้เตรียมตัว เตรียมใจตั้งแต่เกษียณอายุราชการ...ทำอะไรแต่พอประมาณ พอตัว พึ่งตนเองเป็นหลัก...ไม่เหงา ไม่เครียด ...ฝึกใจใช้สติกำกับ ไม่ประมาททุกเวลานาทีค่ะ... ส่งภาพ "selfie" มาฝาก

ดร.พจนาคะ บ้านเราคงต้องใช้เวลา ปรับสิ่งแวดล้อมสำหรับผู้สูงอายุและผู้พิการอีกพอสมควร ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ

ขอบคุณ ศจย.ค่ะ พร้อมบล็อกที่น่าติดตาม

ขอบคุณ คุณแผ่นดินที่แวะเวียนเข้ามา ข้อคิดดังกล่าวพยายามสอนคนไข้ โดยเฉพาะรายนี้ชอบคิดเรื่อยเปื่อยไปล่วงหน้า และคิิดในทางลบอีกต่างหาก เครียดปล่าวๆ เหตุการณ์ในอนาคตยังมาไม่ถึง และอาจจะไม่เกิดขึ้นอย่างที่คิดวิตกกังวล เลยต้องดึงกลับมาให้อยู่กับปัจจุบัน

พี่ใหญ่คะ ดีจังเลยค่ะที่มีการเตรียมตัว เตรียมใจตั้งแต่เกษียณ ดูพี่ใหญ่แข็งแรงและมีความสุขดีมากค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท