ย้อนกลับไปสู่เวทีการสรุปผลการดำเนินงานโครงการแรกพบ ๕ หมอเมื่อวันที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๗
เวทีดังกล่าว โดยส่วนตัวแล้ว ผมถือเป็นเวทีการประเมินผลการดำเนินงานกิจกรรมหลัก (กิจกรรมประเพณี) ของสโมสรนิสิตทั้ง ๕ คณะที่ประกอบด้วยคณะแพทยศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์ คณะสาธารณสุขศาสตร์ และคณะสัตวแพทยศาสตร์
ก่อนกระบวนการทั้งปวงจะเริ่มต้น ผมทำกระบวนการ BAR เล็กๆ พร้อมๆ กับการสำรวจกลุ่มเป้าหมายว่าเป็น “ตัวจริง เสียงจริง” (คนหน้างาน) แค่ไหน
เป็นที่น่าเสียดายว่า นิสิตที่เข้าร่วมเวทีครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็น “กลุ่มใหม่” ที่ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้รับผิดชอบกิจกรรม “แรกพบ ๕ หมอ” ในปีหน้า หาใช่กลุ่มผู้รับผิดชอบเดิมที่ขับเคลื่อนกิจกรรมในปีนี้
กรณีเช่นนี้ ทำให้ผมต้องปรับกระบวนการมากโขพอสมควร เพราะเมื่อตัวจริงเสียงจริงมากันไม่เยอะพอ การถอดบทเรียนก็คงยากยิ่งต้องการสืบค้นเชิงลึก –
ผมเริ่มต้นเวทีกระบวนการอย่างเป็นทางการด้วยกิจกรรมเดิมๆ คือ “รู้จักฉันรู้จักเธอ”
ก่อนเข้าสู่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันอย่างเป็นทางการ ผมแบ่งนิสิตออกเป็นกลุ่มย่อย กลุ่มละประมาณ ๕คน เพื่อให้นิสิตได้วาดรูปในหัวข้อ “ความสุข” หรือ “กิจกรรมในความทรงจำ”
กิจกรรมดังกล่าวผมมุ่งเน้นให้นิสิตแต่ละคนได้ “ทบทวนชีวิต” หรือการ “ถอดบทเรียนชีวิต” จากตัวเอง (ระดับปัจเจกบุคคล) เพื่อค้นหาพลังชีวิต หรือปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้ชีวิตแต่ละคนได้มีกำลังกายและกำลังใจหยัดยืนอยู่จนถึงปัจจุบัน โดยเน้นการถ่ายทอดผ่านงาน “ศิลปะ” (ภาพวาด) ผ่านฐานคิดของ “ศิลปะบำบัด”
ถัดจากนั้นจึงให้แต่ละคนได้ถ่ายทอดเรื่องราวในภาพวาดให้สมาชิกในกลุ่มได้ร่วมรับรู้รับฟัง เพื่อฝึกทักษะของการ “สื่อสาร” ตลอดจนฝึกทักษะของการ “ฟังอย่างฝังลึก” ร่วมกัน รวมถึงการสร้างทัศนคติที่ดีในการ “แบ่งปัน” เพื่อเสริมสร้างทักษะชีวิตอันดีงาม หรือเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีในหมู่ผู้เข้าร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนเข้าสู่กระบวนการแลกเปลี่ยนเรียนรู้
ซึ่งภาพรวมของการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ผ่านกระบวนการ “รู้จักฉันรู้จักเธอ” ทำให้พบว่าเรื่องราวอันเป็นพลังชีวิตที่เป็นปัจจัยหนุนเสริมการใช้ชีวิต หรือการขับเคลื่อนชีวิตของนิสิตนั้น ส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องความสุขในมิติของครอบครัวเป็นหลักสำคัญ เช่น
และเป็นที่น่าสังเกตว่า มีนิสิตเพียง ๒คนเท่านั้นที่สะท้อนความสุข หรือพลังชีวิตที่เกี่ยวกับกิจกรรม “แรกพบ ๕ หมอ”
วัตถุประสงค์?
ด้วยความที่นิสิตที่เข้าร่วมการถอดบทเรียนเป็นกลุ่มใหม่ ผมจึงถือโอกาสประเมินความเข้าใจของนิสิตกลุ่มนี้ซะเลย ด้วยการถามทักถึง “วัตถุประสงค์” ของการจัดกิจกรรมแรกพบ ๕ หมอ ซึ่งเป็นเสมือนการหยั่งทักถึง “ความเข้าใจ” เกี่ยวกับกิจกรรมตามหลักคิดที่ผมเรียกว่า “รู้ตัวตนโครงการ”
แน่นอนครับ- คำถามพื้นๆ เช่นนี้ เป็นการช่วยให้นิสิตได้หันกลับไปพบทวนตัวเองว่า “รับรู้” ความเป็นกิจกรรมแรกพบ ๕ หมอในมิติใด หรือในมุมของนิสิตนั้นคิดว่ากิจกรรมดังกล่าวจัดขึ้นเพื่ออะไร –
ซึ่งนิสิตได้สะท้อนออกมา ๒ ประเด็นหลัก คือ
รูปแบบกิจกรรม ? ถัดจากการชักชวนให้นิสิตได้ทบทวนถึง “วัตถุประสงค์” การจัดกิจกรรมแล้วก็เข้าสู่ประเด็นของ “รูปแบบ” หรือ “ลักษณะกิจกรรม” เพราะประเด็นนี้คือตัวชี้วัดสำคัญที่จะขยายความเป็นนามธรรมของวัตถุประสงค์ให้ปรากฏเป็นรูปธรรมที่แตะต้องสัมผัสได้ ซึ่งนิสิตได้สะท้อนถึงภาพรวมของกิจกรรม ดังนี้ ปัญหาและอุปสรรค ? ผมให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ไม่แพ้ประเด็นอื่นๆ เพราะปัญหาและอุปสรรค ถือเป็นการฝึกทักษะของการเรียนรู้และสู้ชีวิต ซึ่งจะช่วยให้นิสิตได้ “รุก-รับ” กับปัญหาเฉพาะหน้า ได้เรียนรู้ถึงกระบวนการข้ามพ้น-ผ่อนคลาย-คลี่คลายปัญหา ทั้งในระดับปัจเจกและระดับความเป็นทีม ซึ่งในเวทีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้นั้น ปัญหาและอุปสรรคที่นิสิตได้สะท้อนนั้น ส่วนใหญ่เป็นปัญหาและอุปสรรคที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ หรือการบริหารจัดการภายในของคณะทำงานเป็นหัวใจหลัก รวมถึงปัจจัยอุปสรรคที่เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ยึดโยงถึงสถานที่และบรรยากาศอื่นๆ ดังนี้ ผลที่ได้รับจากการจัดกิจกรรม/เข้าร่วมกิจกรรม? ประเด็นนี้ดูเหมือนนิสิตจะใช้เวลาขบคิดและแลกเปลี่ยนกันไม่นาน ยิ่งเป็นกลุ่มคนที่เคยอยู่ในฐานะของการเป็นรุ่นน้องที่เข้าร่วมกิจกรรมมาได้ไม่ได้ ยิ่งสามารถทบทวนถึงประเด็นเหล่านี้ได้อย่าไม่ยากเย็น ซึ่งมีประเด็นที่สะท้อนกลับมา ดังนี้ ปัจจัยความสำเร็จ ? ในมิติอันเป็นปัจจัยความสำเร็จนั้น นิสิตได้สะท้อนเป็นประเด็นหลักๆ ดังนี้ ข้อเสนอแนะ? ข้อเสนอแนะดังกล่าวนี้ ประกอบด้วยข้อเสนอแนะหลักจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของนิสิต รวมถึงข้อเสนอแนะของผมเอง ซึ่งเป็นการเปิดพื้นที่การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน ดังนี้ นอกจากนี้ยังรวมถึงข้อเสนอแนะอื่นๆ อีกในหลายประเด็นเช่น การถอดบทเรียนเพื่อประเมินแผนการดำเนินงานเช่นนี้ ควรเน้นกลุ่มเป้าหมายคนทำงาน (ตัวจริงเสียงจริง) ผสมผสานกับคนเข้าร่วมงานที่จะเติบโตมาเป็นกลุ่มแกนนำใหม่ในการจัดกิจกรรมครั้งถัดไป เพื่อก่อให้เกิดการเรียนรู้ที่มีพลัง เป็นการเตรียมความพร้อมให้กับแกนหลักของปีหน้าไปในตัว อีกทั้งหากสามารถจัดกิจกรรมถอดบทเรียนหลังจากที่กิจกรรมได้ยุติลงไม่นานจะเป็นการดีอย่างมาก เพราะจะทำให้ “มีความสด” เสมือน “ตีเหล็กที่กำลังร้อนๆ” ข้อมูลที่ได้มา ก็จะมีความสดใหม่ไปโดยปริยาย ครับ- ถึงแม้เวทีดังกล่าวนี้ กลุ่มที่มาร่วมถอดบทเรียนจะไม่ใช่กลุ่มหลักดังที่ตั้งใจ แต่อย่างน้อยยังได้มีเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกันบ้างล่ะ มิหนำซ้ำยังเป็นการสร้างความสัมพันธ์ในหมู่แกนนำใหม่ที่จะรับช่วงสืบสานกิจกรรมประเพณี "แรกพบ ๕ หมอ" ไปในตัวด้วยเช่นกัน
ชอบใจการทำงาน
สังเกตว่า
ตอนนี้ผอมลงแล้ว
555
ถ้ามีนิสิตกลุ่มเก่ามาด้วยน่าจะได้ประเด็นชัดเจนกว่านี้ครับ
ขอบคุณมากๆครับ
สวัสดีครับ อ.ขจิต ฝอยทอง
สารภาพว่าผอมลงจริงครับ
บริหารกายและใจไม่สมดุลเท่าที่ควร
ส่วนเวทีนี้ ดังที่เรียนครับกลุ่มคนทำงานหลักไม่ได้เข้ามาร่วมเท่าไรนัก แต่ในอีกมุม ก็ถือว่าเตรียมชุดใหม่ไปในตัว...
ในอนาคตคงมีการปรับแต่งให้กิจกรรมเหล่านี้มีพลังมากขึ้นได้เองครับ
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ ได้ไอเดียดีๆ ที่จะนำไปใช้กับโครงการที่ทำร่วมกับนักศึกษาค่ะ
ครับ - ขอบคุณที่แวะมาให้กำลังใจนะครับ คุณจิตศิริน
ว่าด้วยนิสิตนักศึกษานั้น ไม่ว่ายุคสมัยใดก็ตาม เราล้วนยังวาดหวังกับพวกเขาอย่างไม่หยุดนิ่ง...การเรียนรู้ผ่านกิจกรรมเช่นนี้ เป็นกระบวนการบ่มเพาะทักษะชีวิตที่ดีอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะได้คิด ได้พิสูจน์ความคิดผ่านการลงมือทำ.. ทั้งทำคนเดียวและทำเป็นกลุ่ม สิ่งเหล่านี้มีอานุภาพต่อการเติบโตจริงๆ ครับ