ฟังให้เป็น...เรียนรู้อย่างแท้จริง



สวัสดีครับทุกท่าน ช่วงนี้อาการร้อนเหลือเกินแม้บางพื้นที่้จะมีฝนฟ้าตกให้ผมแอบอิจฉา ก็จะไม่ให้อิจฉาได้อย่างไรเพราะบริเวณโดยรอบเล่นตกกันเป็นว่าเล่นเว้นแถว บ้านผมเท่านั้นที่สายฝนยังเพิกเฉยไม่มาเยือนสักที ต้นไม้ในสวนก็สุดแสนจะน่าสงสารแต่ไอ้ที่น่าสงสารกว่าก็ผมนี่แหละครับที่ต้อง เดินรดน้ำกว่าจะตลอดกว่าจะเสร็จก็หมดเรี่ยวแรงไม่ต้องทำไรกัน Smiley

แค่ เล่าสู่กันฟังเฉย ๆนะครับอากาศร้อนหนาวมันก็เป็นธรรมชาติไม่สนใจมันมากมายเดี๋ยวมันก็ผ่านไป โดยไม่รู้ตัว จะว่าไปก็มีหลายสิ่งอย่างเชียวนะครับที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วก็ผ่านไปโดย ที่เราหลงลืมไปทั้งที่ก่อนหน้านี้มันคือสิ่งที่เราคุ้นเคยและครอบครองมัน ตลอดเวลา บางทีนึกย้อนกลับไปก็ได้คิดได้หวนคำนึงเพื่อนำแง่มุมที่ผ่านมานั้นมาปรับใช้ ในชีวิตของเราในวันนี้ และหากโชคดีก็นำไปใช้ในวันต่อ ๆไปหาเรามีโอกาส


หลายครั้งเชียวหากผมมีเวลาว่างพอที่ความคิดของตัวผมเองจะได้พักจากเรื่องราวที่ เป็นปัจจุบัน ก็มักจะนึกย้อนเรื่องราวที่ผ่านมากับตัวเองในทุกแง่มุม หลายครั้งเรื่องราวที่ถูกหยิบยกมาเป็นประเด็นสำคัญในการระลึกย้อนมองตัวเอง สิ่งนั้นคือ การฟัง ที่ปัจจุบันการฟังของผมเองแตกต่างไปจากอดีตโดยสิ้นเชิง


การฟัง...อะไรที่แตกต่าง

ก่อนหน้านี้ตัวผมเองจัดเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองมากทั้งการกระทำและความคิด ทำให้บ่อยครั้งความมั่นใจที่ตนเองได้ครอบครองนั้นก็นำพาให้ตนเองเป็นคนหุน หันพลันแล่น มั่นใจในความคิดและการกระทำของตัวเองจนความคิดของคนอื่นมิอาจสอดแทรกเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลเหนือความคิดของตัวผมเองได้ ...ผมประหนึ่งเป็นกบที่ถูกกะลาครอบโดยมิรู้เนื้อรู้ตัว



ด้วยเหตุผลดังกล่าวทำให้การฟังของผมเป็นไปในทิศทางที่ส่งเสริมในการกระทำ ผมฟังโดยมิได้ต้องการที่จะทำความเข้าใจในสาระเพื่อก่อให้เกิดสารัตถประโยชน์ ผม ฟังด้วยจิตคิดมุ่งหวังเพื่อเป็นแนวทางในการตอบโต้เท่านั้นทำให้บ่อยครั้งที่ เกิดข้อขัดแย้งบาดหมางขึ้นในหลาย ๆการสนทนาซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการลุ่มหลงลำพองในตัวตนของผมเองอะไรที่ทำให้ การฟัง แตกต่างและแปรเปลี่ยนไป

การรับรู้ของคนเรานั้นมีไม่มากมายหลายทางนัก อย่างที่เราเข้าใจและได้ยินอยู่เนือง ๆก็คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และ ระบบประสาทรับรู้อื่น ๆ หลายคนอาจบอกผมว่าผมกำลังพูดถึงธรรมะ อันที่จริงผมกำลังพูดถึงความจริงต่างหาก ในที่นี่ผมสนใจเพียง ทางเข้าและทางออกที่เราเข้าใจโดยง่ายนั่นคือ เราเรียนรู้จากการดูและอ่านได้ด้วยตาและการฟังด้วยหู และเราจะอธิบายและสื่อความหมายให้คนอื่นเข้าใจด้วยการพูดด้วยปาก(ในสภาวะ ร่างการปกติ)



เราได้อะไรที่เป็นประโยชน์บ้างจาก... การฟัง คือคำถามที่จู่ ๆก็ดังขึ้นมาถามกับตัวผมเอง คำตอบที่ได้ในทันทีคือ ไม่มี เพราะผมไม่เคยฟังอย่างแท้จริง และผมเองก็มักจะพยามพูดด้วยใจที่มุ่งให้คนอื่นตั้งใจฟังในสิ่งที่ผมพูด หลายครั้งกลับพบข้อขัดแย้งบาดหมางขึ้นในหลาย ๆการสนทนาซึ่งผมเองก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหมกหมุ่นกับการเอาชนะ หรือคู่สนทนาก็กำลังรับฟังผมโดยมิได้ต้องการที่จะทำความเข้าใจในสาระเพื่อก่อให้เกิดสารัตถประโยชน์ พวกเขาฟังด้วยความปรารถนาที่จะนำไปเพื่อการตอบโต้เช่นกัน




ฟังให้เป็น...เรียนรู้โดยแท้มา วันนี้ผมค้นพบการเรียนรู้ในรูปแบบที่ผมปฏิเสธมาโดยตลอดการฟังอย่างแท้จริงทำ ให้เราได้อะไรมากกว่าคำพูดและความหมายที่ผู้พูดกำลังสื่อสาร สิ่งนั้นคือประสบการณ์ที่ผู้พูดกำลังเน้นย้ำบอกเราว่าควรหรือไม่ควร เดินตามรอยของเขา รวมถึงกระบวนวิธีที่เขาใช้เพื่อนำพาชีวิตของเขาผ่านประสบการณ์นั้น ๆ เพื่อให้เราได้รับรู้และนำไปศึกษา พัฒนา ปรับใช้เพื่อการย่างก้าวในเส้นทางเดียวกันที่ดียิ่งกว่า


การเรียนรู้ จากประสบการณ์ผู้อื่นคือสิ่งสำคัญและมีค่ายิ่ง และจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากเรานั้นยังคงมั่นใจในความคิดและการกระทำของตัว เองจนความคิดของคนอื่นมิอาจสอดแทรกเข้ามามีบทบาทและอิทธิพลเพื่อให้เราหยุด ย้อนคิดและปรับปรุงความคิดของเราไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะควร การฟังให้เป็นจึงเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของการเรียนรู้อย่างแท้จริง





ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมเยือนทักทายกัน

และขออภัยที่ภาพและถ้อยคำที่เขียนไม่เกี่ยวข้องกันสักนิด

ภาพทั้งหมด หลายท่านที่ติดตามผมทางเฟสบุคแฟนเพจอาจได้เห็นแล้ว

ผมนำมารวบรวมไว้ที่นี่อีกครั้ง

ขอให้ทุกท่านมีแต่ความสุข สุขภาพแข็งแรงนะครับ

Smiley
คำสำคัญ (Tags): #การฟัง
หมายเลขบันทึก: 567348เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2014 13:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 4 พฤษภาคม 2014 13:35 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

ขอบคุณครับคุณเทียนส่องแสง

สวยทั้งภาพและงดงามด้วยบทความครับ

ไม่ทราบว่าใน facebook ใช้ชื่ออะไรครับ จะได้ตามไปดู

ภาพน่ารัก ใครว่าไม่เกี่ยวก็ไม่เกี่ยว แต่มันช่วยเพิ่มความนุ่มนวล เย็นใจ .. รู้สึกดีนะคะ ชอบค่ะ

หวนนึกถึงตัวเองในช่วงที่ตกระกำลำบาก กลับไปทำงานในตำแหน่งปฏิบัติการทั้งที่ขึ้นระดับบริหารแล้ว เหล่าพี่น้องที่ร่วมงานด้วยตั้งแต่หัวหน้าตัวใหญ่สุดจนถึงน้องน้อยตัวเล็กสุด เราล้วนเคยสั่งเคยสอนมากับมือ คงถึงวันจะต้องทำให้ดูแล้วกระมัง .. ดิฉันต้องบอกตัวเองให้เลือกงานอย่างหนึ่งออกมา 'เลือกที่จะไม่ทำ' ค่ะ เพื่อให้มีปัจจัยบังคับให้เราต้อง 'ขอความช่วยเหลือ' คนอื่นบ้าง .. ได้ผลนะคะ ทำให้เราต้องประเมินว่าเราจะพึ่งพาใครได้ ในเวลาใด ทำให้เรารู้จักขอ รู้จักรอ รู้จักเสียสละ ผลของการคลุกคลีร่วมทุกข์สุขส่งผลดีมากกับทุกฝ่ายค่ะ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท