ดวงประทีปแห่งเเรงบันดาลใจ ๒๐


เดินต่อไปตามเเสงเเห่งก้อยคำของตนเอง ถ้อยคำของผู้รู้ เเละความเชื่อมั่นในตนเอง

คมคำประจำใจ

        ที่เราดำเนินชีวิตอยู่ในทุกๆวันนี้ มีคนหลายๆคน ซึ่งรวมทั้งตัวของผมด้วย มีสิ่งๆหนึ่ง เป็นถ้อยคำสั้นๆหรือถ้อยคำยาวๆจนอาจเป็นบทความหรือหนังสือ ที่อ่านเมื่อครั้งใด เรารู้สึกดีขึ้น รู้สึกมีกำลังใจเพิ่มมากขึ้น เเละรู้สึกหยุดคิดย้อนมองดูตนเองมากยิ่งขึ้น ถ้อยคำเหล่านั้นที่หลายๆคนเรียกกันว่า เป็นคำคมบ้าง เป็นปรัชญาบ้าง เป็นเเง่คิดดีดีของผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตมาเเล้วบ้าง  หรือเป็นถ้อยคำที่เราจดจำเเง่คิดดีดีมาตากพ่อ เเม่ เเละคนอันเป็นที่รัก 

        ผมเองมีความเชื่อเหลือเกินว่าทุกๆคนได้รับกำลังใจจากถ้อยคำหรือคำคมหรือปรัชญาเหล่านี้ หลายๆคนก็มีคำคมที่ตนท่องไว้อยู่เสมอๆ มีนักปรัชญาในใจ บ่อยครั้งที่เราไม่รู้จะทำอยังไง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างน้อยคำคม นี้ก็ช่วยให้จิตใจเราดีขึ้น คนดังในสร้างคำเหล่านี้ที่ไม่ว่าจะเป็น เพลโต้ อริสโตเติ้ล  ไอน์ไตน์ เเวนโก๊ะ  พระพุทธเจ้า ฯ เเละผู้คนต่างๆ นักเขียน นักปรัชญาต่างๆ ล้วนสร้างขึ้นมาให้เราได้อ่าน ได้พลังในการทำงานต่อ   การที่เราเข้าใจคำคมนั้นๆ มาจากเรามีประสบการณ์หรือผ่านประสบการณ์เช่นนั้นมาเเล้ว จนทำให้เราได้เข้าใจมากยิ่งขึ้น ได้รู้ความหมายของมันมากยิ่งขึ้น การที่เรายังไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนั้น คำคมที่เราอ่านมันจะยังไกลตัวเราอยู่ เพราะเรามองไม่เห็นความหมาย 

        นอกจากที่เราจะฟังจะอ่านคำคมของผู้อื่นๆเเล้ว หลายๆคนก็มีคำคมประจำใจตนเองด้วย ที่สร้างขึ้นมาคอยย้ำเตือนตนเองให้ได้หวนคิดเอง ให้ได้ย้อนมองตนเอง ให้ตนเองได้เข้าใจความหมายของสิ่งนั้นๆ การรับฟังคำคมของตนเองเเละการรับฟังคำคมของผู้อื่นๆเป็นสิ่งที่ดี เราไม่ควรที่จะยึดในคำคมของผู้อื่นจนลืมมองตนเองเเละมองความจริง เเล้วไม่ควรยึดมั่นในคำคมของตนเองจนลืมมองคำผู้อื่นเเละมองความจริงเช่นเดียวกัน  เเต่ในหลายๆครั้งการเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นในการกระทำของตนเองจนถึงที่สุด(เเล้วเเต่มุมมอง-ลองคิดดู) ก็ทำให้ประสบความสำเร็จได้ ทำให้คนทั่วไปได้รับประโยชน์ได้  ดั่งเช่น พระพุทธเจ้า,สตี๊บจ๊อบ เป็นต้น

        คำคมของผู้อื่น เเละคำคมของตนเอง ให้ใช้ตามความจริงที่เกิดขึ้น ตามความเชื่อมั่นในตนเอง เชื่อมั่นในเรา ที่เป็นการเดินตามทางตนเองโดยมองผู้อื่นๆเเละมองความจริง โดยมีคำคมของปราชญ์เเละคำคมของเราเอง เป็นคติเตือนใจให้เราลงไปสู่เเดนเเห่งความมืดอย่างมีเเสดงสว่างให้มองเห็นทางได้   ดอกบัวเดี๋ยวก็บาน เดี๋ยวก็หุบ ความรู้สึกคนเราก็เช่นเดียวกัน เดี๋ยวก็สุข เเล้วก็เศร้าเป็นไปธรรมดา เเสงสว่างในหลายๆครั้งที่มาจากคำคมประจำใจ ก็ให้เราได้เบิกบานออก หลายๆครั้ง หลายๆเวลาด้วยกัน "โลกใบนี้เต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ ถ้าไม่ออกเดินทางก็ไม่มีวันค้นพบ" เดินไปกับเรื่องราวที่น่าค้นหา เเต่ก็ไม่ลืมค้นหาตัวตนของตนเองด้วย เดินทางในโลกเเละเดินทางในใจตนเองด้วย ในเส้นทางของเราทุกๆคนไม่มีใครสะดุดภูเขาล้ม มีแต่สะดุดก้อนหินล้ม ปัญหาหลายๆอย่างในขณะที่เราเดิน เรามักจะมองปัญหาใหญ่ที่เข้ามาสู่ตัวเรา จนอาจลืมสิ่งเล็กๆที่อยู่เท้าของเรา จนอาจลืมเรื่องของตัวเอง ลืมตัวตน จนทำให้ล้มได้ง่ายด้วยก้อนหินที่อยู่ข้างเท้าของเราตลอดเวลา ... เดินต่อไปตามเเสงเเห่งก้อยคำของตนเอง ถ้อยคำของผู้รู้ เเละความเชื่อมั่นในตนเอง ... 

 

ขอบคุณภาพสวยๆจาก ... http://www.oknation.net/blog/print.php?id=140012

 

หมายเลขบันทึก: 565988เขียนเมื่อ 13 เมษายน 2014 17:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 เมษายน 2014 17:56 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

ขอให้น้องมีความสุขมากๆในทุกปีใหม่ไทยนะครับผม ขอบคุณมากครับ

สุขสันต์วันสงกรานต์๒๕๕๗ ค่ะ

ชอบตรงที่สะท้อนว่า.... คนเรามักเห็นแต่ "คมคำตน" ไม่เห็น "คมคำคน" เมื่อดำเนินชีวิตจะเห็น "คำคมคน" เมื่อมีประสบการณ์พอจึงเข้าใจ กลายเป็น "คำคมตน" .....

ไม่ชอบตรงที่... ผู้เขียน "วางใจศรัทธา" ที่มีต่อพระพุทธเจ้า เป็นเพียงแค่เป็นปราชญ์เท่าเทียบเปรียบกับ "นักคิด" (นักวิทย์) ทั่วไป ....

สำหรับผมแล้วการ "ตรัสรู้" อยู่เหนือการ "เรียนรู้" หรือ "หยั่งรู้" ใดๆ ทั้งมวล ....คำสอนพระพุทธเจ้าไม่ใช่ "คำคม" ซึ่งเป็นเพียง "สมมติ" ของมุมมอง ทำให้ไม่เห็น "คม" ของ "คำ" คนอื่น แต่เป็น "ปรมัตถธรรม" ที่นักปฏิบัติจะรู้ได้เฉพาะตนต่อไป...

อยากแนะนำให้ผู้เรียนรู้จัก "ใจเพชร กล้าจน" หรือ หมอเขียว ที่นี่ครับ

ไม่ว่าจะกรณีใด  เราล้วนเป็นหนังสือแห่งกันและกัน ครับ

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท