ก่อนที่คนจะเรียนรู้นั้น เขาจะต้องมีกรอบความคิด ว่า ความรู้ที่เขายังไม่มีนั้น คืออะไร
ที่ต้องอาศัยการสร้างกรอบของควา
ที่ภาษาทางวิชาการเรียกว่า Conceptual Framework
โดยธรรมชาติ ของกระบวนการเรียนรู้
เมื่อเริ่มเข้าสู่องค์ความรู้ให
ถ้าเขายังไม่เคยได้ยิน ไม่รู้เรื่อง หรือ ไม่สนใจ เขาอาจจะมองเห็นเป็นแค่ "เรื่องไร้สาระ" นอกกรอบความคิดที่เขามี
ที่คนที่ไม่เข้าใจเขา จะมองว่าเขาเป็นคน "ล้นแก้ว" ไม่สนใจ ก็ได้
ทั้งๆที่จริงเขาอาจจะมิได้ "ล้นแก้ว" อย่างที่เราคิด แต่ เขายังรับไม่ได้ หรือไม่มีอะไรจะรับมากกว่า
เพราะ คนส่วนใหญ่ที่ฐานความรู้ไม่พอ จะรับไม่ได้ ความรู้จะทั้งผ่านเฉยๆ และหรือ ล้นออกไป แบบธรรมดาๆ
ที่ผมคิดว่า....เขาอาจจะมิได้ล้
แต่เขายังไม่เตรียมแก้ว หรือยังไม่มี "แก้ว" ไว้ใส่มากกว่า (ยังไมมี Conceptual framework)
ก็เลยยังรับไม่ได้ และแน่นอนครับ ยังฟังไม่รู้เรื่อง
หรือมองไม่เห็นประโยชน์จริงๆครั
คนเหล่านี้ ผมมองว่าน่าเห็นใจมากกว่าที่จะไ
ถ้าคิดจะช่วยเขาจริงๆ ต้องค่อยๆประคองให้เขาพัฒนากรอบ
การพัฒนากรอบความคิดนี้ ก็จะกลายเป็น ความสามารถในการเรียนรู้ของเขาต่อไปในภายภาคหน้า
ทั้งเรื่องเดิม และเรื่องใหม่ๆ
ที่ผมมักเรียกคนที่สามารถสร้างกรอบความรู้ได้ด้วยตนเองว่า "นักเรียน"
คนที่ท่องจำได้ดี แต่ไม่มีกรอบความคิด และความรู้นั้น ผมคิดว่าเป็นได้แค่ "นักเลียน"
และคนที่เก็บความรู้ไว้ได้มาก และนำมาใช้ได้จริง ผมคิดว่า สมควรจะเรียกว่า เป็น "นักศึกษา"
และผู้ที่นำความรู้มาพัฒนาตัวเองจนสำเร็จในชีวิต สมควรเรียกว่า "บัณฑิต"
ที่มีระดับความสำเร็จสูงๆ ขึ้นไปเป็น มหาบัณฑิต (ทำเรื่องใหญ่ได้สำเร็จ) และ ดุษฎีบัณฑิต (ทำสำเร็จได้อย่างครบถ้วนทุกเรื่อง)
ที่ต้องอาศัยครูที่ดี และระบบการเรียนที่ถูกต้อง
นี่คือหน้าที่ของครู และผู้สอน ที่จะช่วยกันทำงานแบบนี้
แทนการยัดเยียด และดูถูกว่าเขาเป็นน้ำล้นแก้ว หรือเต็มแก้ว
ผมคิดอย่างนี้ เป็นอย่างนี้ และทำมาอย่างนี้ครับ
อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
ไม่มีความเห็น