รายงานการดำเนินกิจกรรมโครงการเยาวชนนักการละครสะท้อนปัญญา
กลุ่มฮักนะเชียงยืน
กลุ่มฮักนะเชียงยืนเป็นกลุ่มเยาวชน ในโรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคามตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2555 เป็นการรวมตัวกันจำนวน 10 คน ขึ้นมาเพื่อเฝ้าระวังการใช้สารเคมีในการเกษตรของหมู่บ้านแบก อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม เยาวชนในกลุ่มอยู่ต่างหมู่บ้าน จึงมีมติใช้ชื่ออำเภอเป็นชื่อกลุ่ม ที่กลุ่มเยาวชนเลือกเป้าหมายที่บ้านแบก เพราะเยาวชนพบปัญหาเพื่อนในชั้นเรียนชอบหลับในชั้นเรียนเป็นประจำ และบ่อยครั้งที่ขาดเรียน เมื่อสอบถามพบว่าเพื่อนต้องชวนผู้ปกครองผสมพันธุ์แตงแคนตาลูปในเวลากลางคืน ทุกขั้นตอนในการเพาะปลูกใช้สารเคมี ไม่เฉพาะแตงแคนตาลูปเท่านั้น แตง พริก มะเขือ และอื่นๆ ล้วนใช้สารเคมีทั้งสิ้น ซึ่งการใช้สารเคมีมากเกินควรมีผลกระทบต่อตนเอง ครอบครัว สังคมและสังคมโลก คือภาวะโลกร้อน จากการเฝ้าระวังปีแรกพบว่าชาวบ้านเองต้องมีส่วนร่วม ดังนั้นกลุ่มเยาวชนจึงสร้างแนวร่วมเป็นเยาวชนที่อยู่ในบ้านแบก เป็นแกนหลักในการเฝ้าระวัง ลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก
จากการศึกษาข้อมูลและเฝ้าระวังการลดการใช้สารเคมีในการเพาะปลูกเป็นเวลาหนึ่งปี ของกลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืน พบว่าผลการตรวจเลือดทั้งหมด 46 คน พบว่าเกษตรกรส่วนมาก เสี่ยง ชาวบ้านทำงานหนักในผสมพันธุ์ที่เกษตรกรต้องทำงานเฉลี่ยวันละ 13 ชั่วโมง ชาวบ้านบางรายหน้ามืดเป็นลมหมดสติขณะทำงาน นอกจากนี้เกษตรกรที่คลุกคลีอยู่กับงานฉีดพ่นสารปราบศัตรูพืชก็มีโอกาสได้รับสารพิษมากกว่าเกษตรกรที่ทำงานอื่น โดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันตัวที่ปลอดภัย และผลการตรวจความอุดมสมบูรณ์ของดิน ดินของเกษตรกรมีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ค่าฟอสฟอรัสสูงมาก
ชาวบ้านแบกรู้เข้าใจ ถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมี ในการเกษตร แต่ไม่สามารถเลิกได้เพราะเป็นการเพาะปลูกระบบพันธะสัญญา พฤติกรรมใน ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปคือตื่นสาย นอนดึก ทำให้ไม่มีเวลาดูแลครอบครัวเท่าที่ควร วิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวบ้านเริ่มหายไป พันธุ์พืชดั่งเดิม(พื้นเมือง)เริ่มหายไป ชาวบ้านห่วงสุขภาพตนเองน้อยกว่ารายได้
เนื่องจากเป็นวิถีที่ละเอียดอ่อน การละครเพื่อสะท้อนให้เห็นปัญหาด้วยละครเร่น่าจะเป็นเครื่องมือหนึ่ง ที่สามารถรักษาวิถีชีวิตวัฒนธรรมที่ดีงามของชาวบ้านได้
2. เป้าหมาย ชุมชนเรียนรู้สู่วิถีเกษตรอินทรีย์
3. วัตถุประสงค์
3.1 สร้างกลุ่มกลุ่มเยาวชนในชุมชนรู้เข้าใจทักษะการละคร
3.2 เพื่อให้กลุ่มเยาวชนรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการเกษตร
3.3 เพื่อสร้างวิถีเกษตรอินทรีย์ในชุมชน
4. ผลที่คาดว่าจะได้รับ
4.1 กลุ่มกลุ่มเยาวชนในชุมชนรู้เข้าใจทักษะการละคร
4.2 เยาวชนรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก
4.3 ชุมชนเป็นชุมชนวิถีเกษตรอินทรีย์
5. สรุปผลการดำเนินงาน
ผลการดำเนินงานสรุปได้ดังนี้
วัตถุประสงค์ |
กิจกรรมที่ได้ดำเนินการ |
วันที่ดำเนินการ/ผู้เข้าร่วม (คน) /ใครบ้าง |
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น (เชิงปริมาณ/เชิงคุณภาพ |
|
ประชุมเชิงปฏิบัติการทักษะการละครให้สมาชิกกลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืน - ให้ความรู้เรื่องทักษะการละคร - ฝึกทักษะการละคร จากปัญหาของชุมชน
|
วันที่ 1 ธันวาคม 2556 เวลา 08.30-15.30 -กลุ่มแกนนำ จำนวน 5คน -กลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 15 คน
|
|
-ทบทวนทักษะการละคร - ร่วมสะท้อนปัญหาของชุมชน - คิดบทละคร |
วันที่ 21 ธันวาคม 2556 เวลา 08.30-15.30 -กลุ่มแกนนำ จำนวน 5คน -กลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 11 คน
|
- ด้านสังคมและวัฒนธรรม -ด้านเศรษฐกิจ -ด้านสุขภาพจิต -ด้านสุขภาพร่างกาย -ด้านสิ่งแวดล้อม
|
|
|
- ทบทวนทักษะการละคร - ทบทวนบทละครเรื่องวิถีเกษตรอินทรีย์ - ฝึกซ้อมละครเรื่องวิถีเกษตรอินทรีย์ |
27ธันวาคม 2556 13.00-15.30 -แกนนำ จำนวน 5คน -กลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 11 คน |
กลุ่มแกนนำ 5 คนและกลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 11 คนร่วมฝึกซ้อมละคร มีทักษะการละครเพิ่มขึ้น |
- ทบทวนทักษะการละคร - ทบทวนบทละครเรื่องวิถีเกษตรอินทรีย์ - ฝึกซ้อมละครเรื่องวิถีเกษตรอินทรีย์ |
12 มกราคม 2557 09.00-17.30 -แกนนำ จำนวน 5คน -กลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 11 คน |
- กลุ่มฮักนะเชียงยืนได้ บทละคร พร้อมออกเร่ |
|
- ออกเร่ ครั้งที่1 เวลา 12.20 -13.30 ออกเร่ ที่หน้าสหกรณ์โรงเรียนเชียงยืนพิทยาคม จำนวน 2 รอบ
|
13 มกราคม 2557 นักเรียนโรงเรียนเชียงยืน พิทยาคมจำนวน300 คน
|
- นักเรียนโรงเรียนเชียงยืน พิทยาคมจำนวน 300 คน รู้เข้าใจตระหนักถึงปัญหา ในชุมชน -กลุ่มแกนนำ5คนและกลุ่มเยาวชนฮักนะเชียงยืนจำนวน 11นำข้อบกพร่องมาปรับปรุงฉากจบของละคร |
|
- ครั้งที่2 เวลา 16.30-19.00ออกเร่ ที่บ้านแบก จำนวน 3 รอบ |
13 มกราคม 2557 ชาวบ้านแบกจำนวน 20 คน |
- ชาวบ้านแบกประมาณ 100 คนรู้เข้าใจ ตระหนักถึงปัญหาในชุมชน |
|
3.3 เพื่อสร้างวิถีเกษตรอินทรีย์ ในชุมชน
|
- ครั้งที่3 เวลา 08.00-12.00 ที่บ้านแบก
|
5 กุมภาพันธ์ 2557 - ชาวบ้านแบกจำนวน 20 คน -ผู้ใหญ่บ้านหมู่1,7,8 -เกษตรอำเภอ -นักวิชาการจาก มมส. (ดร.เพชร,ดร.ฤทธิไกร ไชยงามและคณะ -โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ -ปราชญ์เกษตรอินทรีย์จากกาฬสินธุ์(เกษตรคลื่นลูกใหม่จากกาฬสินธุ์) |
- ชาวบ้านแบกประมาณ 100 คนรู้เข้าใจ ตระหนักถึงปัญหาในชุมชน -นักเรียนแกนนำได้พัฒนาศักยภาพในการเป็นกระบวนกรในวงสนทนา -ได้เปิดประเด็นเกษตรอินทรีย์ในหมู่บ้าน
|
วิเคราะห์ผลจากการดำเนินโครงการเยาวชนนักการละครสะท้อนปัญญา
ผลผลิตที่ได้
ผลลัพธ์ตามจุดประสงค์
1.1 ได้สร้างกลุ่มกลุ่มเยาวชนในชุมชนรู้เข้าใจทักษะการละคร
1.2 กลุ่มเยาวชนรู้ เข้าใจ และเกิดความตระหนักถึงผลกระทบจากการใช้สารเคมีในการเกษตร
1.3 สร้างวิถีเกษตรอินทรีย์ในชุมชนได้ในระดับรู้เข้าใจ
ด้านเยาวชน
เยาวชนเครือข่ายในชุมชนได้นำกระบวนการทางละครมาปรับใช้ มาใช้ในการเรียนรู้ปัญหาในชุมชนของตนเอง ได้สะกิดปัญหาของชุมชนให้ผู้ปกครองตระหนักถึงพิษยาฆ่าแมลง ด้วยความละมุดละหม่อม ไม่กร้าวร้าว สังเกตได้จาก “ขณะดูละคร เห็นรอยน้ำตาจากยายๆ ป้าๆ ร้องไห้ และเมื่อเปิดวงเสวนา เมื่อเกมส์ถูกพี่ๆถาม ด้วยความมีโอกาสเปิดใจเกมส์ร้องไห้ ยายร้องไห้ ป้าๆ ร้องไห้ตาม หรือแม้แต่ในการฝึกแต่ละครั้งไม่มีเลยที่สมาชิกมาไม่ครบอาจมาช้าก็จะได้ยินคำว่า“ขอโทษ ”จากเพื่อนๆ
แสดงให้เห็นว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงภายในในตัวเยาวชนเอง ซึ่งเมื่อพิจารณาจากผลการเรียนแล้วส่วนมากเป็นเด็กที่มีผลการเรียนปานกลาง
ชุมชน ได้มีโอกาสได้พูดคุยถึงสาเหตุที่ทำให้วัฒนธรรมของหมู่บ้านที่เริ่มเปลี่ยนไป จากวงเสวนาเช่น
- พ่อแม่ตระหนักรู้แต่ยังคงติดว่าต้องใช้หนี้และต้องหาเงินส่งลูกเรียน
- ต้องใช้หนี้ ทำอย่างอื่นได้เงินไม่ทันใจ (ไหนว่าได้ไร่ละสอง สามแสน)
- คนในชุมชนได้รายได้ดีขนาดนี้ แล้วทำไมยังเป็นหนี้ ?
- พี่พยาบาลถามว่าที่ว่าส่งลูกเรียนนั้น สถิติพบว่าเรียนจบ ป.ตรีกันน้อยมาก
- คนในชุมชนอายุเกิน 45 ปีก็เริ่มเจ็บป่วย มีคนเป็นมะเร็งตายเยอะ เป็นโรคตับตายก็เยอะ
- รายได้สุทธิ 2 แสนบาทนั้นยังไม่ได้หักค่าสุขภาพและความอบอุ่นในครอบครัว
- คนในชุมชนรู้สึกว่าเกษตรอินทรีย์ไม่มีตลาด
- คนในชุมชนรู้สึกว่าหากไม่ใช้สารเคมีจะได้ผลผลิตไม่ทันใจ
- คนในชุมชนรู้สึกว่าตนเองรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ดีอยู่แล้วเพราะดูงานมาหลายครั้ง
แสดงให้เห็นว่าเกิด เป็นจุดเริ่มต้นการเปลี่ยนแปลงในชุมชน สังเกตได้จากวงเสวนา
น้องตุ๋มเกษตรอินทรี(น้องตุ๋ม+น้องเเบงค์ สหมิตรครูจากกาฬสินธุ)พูดถึงเกษตรอินทรีที่ตนเองทำ เรียกความสนใจของชาวบ้านเป็นอย่างดีเยี่ยม ชาวบ้านต้องการไปดูงานที่ไร่ของน้อง
-ท่านเกษตรอำเภอ พูดเรื่องเกษตรปลอดภัย การใช้สารเคมีมีผลต่อดินอย่างไร ทำให้ชาวบ้านสนใจเกษตรอินทรีมากกว่า
สิ่งที่คาดว่าจะได้ผลตามมา คือ เกิดเยาวชนที่เป็นผู้นำในชุมชนที่มีฐานการคิดตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่ก่อให้เกิดความยั่งยืนในชุมชน
กลุ่มเยาวชนแกนนำ
- ได้พัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำ ได้ฝึกทักษะกระบวนการคิด ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา ทักษะกระบวนการสื่อสาร
สรุปผลผลิตที่ได้คือ
- ได้ฝึกทักษะการสื่อสาร ฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ ฝึกทักษะการแก้ปัญหา
-พวกเขาได้เรียนรู้วิธีในการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข บนความคิดเห็นต่าง
- ได้ความรู้โดยที่ครูไม่ต้องสอนในชั้นเรียนคนที่เรียนอ่อนหรือเก่งได้เรียนรู้ได้เท่ากัน
- ได้ผู้นำในชุมชนที่กล้าคิด กล้าทำ และมีคุณธรรม
ครูผู้ดูแลโครงการ
ได้กระบวนการละครเป็นเครื่องมือในการพัฒนาทักษะศตวรรษที่21
ปัญหา/อุปสรรคและแนวทางการแก้ไข
- เวลาไม่พอ
- ภาระการเรียนในเนื้อหาของหลักสูตร
- การไม่ยอมรับของสังคมเพื่อน
เป็นโครงการที่น่าสนับสนุนมากๆ เลยครับ
ชัดเจนมากเลยนะครับ
กำลังปลูกผักให้เด็กอยู่
สนุกดี
มีอะไรพอช่วยได้บอกนะครับ