Okanagan Heritage Museum แหล่งเรียนรู้สาธารณะ
Okanagan Heritage Museum เป็นพิพิธภัณฑ์บอกเล่าประวัติศาสตร์ความเป็นมาของเมือง(alive & history) ตลอดจนวิถีชีวิตวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้คน(cultural), ทหาร(military), สวนผลไม้(orchard),ไวน์ (wine)และการกีฬา(sports) ซึ่งแน่นอนต้องมีเรื่องราวของชีวิตสัตว์ต่างๆในดินแดนทะเลสาบ และหุบเขาแห่งนี้ด้วย ที่สำคัญ Okanagan Heritage Museum ยังเป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะให้กับชุมชน และโรงเรียนต่างๆ โดยมีโปรแกรมการเรียนรู้ให้ศึกษาได้ตลอดทั้งปี
ขอบคุณค่ะ น่าเข้าชมมาก ๆ นะคะอยากให้บ้านเรามีหลาย ๆแห่งค่ะ มิวเซียมที่เมืองไทยมีน้อยไป และค่อนข้างแห้งแล้งขาดชีวิตชีวา คนไทยเดินทางท่องเที่ยว(ในไทย) มักไม่มีรายการชมพิพิธภัณฑ์ ส่วนตัวก็ไม่ค่อยไป เคยไปตอนเด็กครูพาไป เคยพาแขกต่างประเทศไปบางแห่ง ก็เล็ก ๆ แห้งแล้งอย่างที่พูดค่ะ แต่ถ้าไปต่างประเทศและมีเวลาส่วนตัวก็ไปทุกแห่ง เพราะการจัดแสดงและข้อมูลมากน่าสนใจทุกแห่ง น่าจะต้องทุ่มงบประมาณครั้งใหญ่เพื่อพัฒนาแหล่งเรียนรู้ประเภทนี้อย่างจริงจัง (แต่คนรับผิดชอบ อาจเจ็บตัวเพราะคนไทยหวาดระแวงเรื่องคอรัปชั่นสุด ๆ )
.... มีมรดกมากมายให้เรียนรู้ นะคะ ... ขอบคุณค่ะ ^_^
...เป็นตัวอย่างการจัดKM ของพิพิธภัณฑ์นะคะคุณ GD...เขาทำได้ดี มีประโยชน์มากๆโดยเฉพาะต่อกลุ่มเด็ก และกลุ่มผู้สูงอายุ ใครอยากรู้เรื่องราวของเมืองนี้สามารถเข้าไปเรียนรู้จากการจัดแสดงเรื่องราว สิ่งของ เครื่องใช้ ในรูปแบบต่างๆ และหากสนใจเรื่องใดเป็นการเฉพาะก็สามารถลงโปรแกรมเรียนรู้ได้ ทั้งภาคทฤษฎีในพิพิธภัณฑ์ และภาคปฏิบัตินอกพิพิธภัณฑ์ โดยมีการสรุปถ่ายทอดออกมาเป็นงานศิลปะภาพวาด และระบายสี...
...เป็นมรดกความรู้ที่รวบรวมไว้ และนำมาจัดทำเป็น KM ให้ชุมชนได้อย่างมีประโยชน์มากๆ นะคะ ...พิพิธภัณฑ์ใช้พื้นที่ในการจัดแสดงไม่มากนัก แต่ครอบคลุมครบถ้วน นอกจากเป็นบริการสาธารณะให้ชุมชน และนักท่องเที่ยวทั่วไปโดยไม่เก็บค่าเข้าชมแล้ว ยังสร้างความร่วมมือกับโรงเรียนต่างๆ ในลักษณะ Two ways โดยโรงเรียน สามารถนำเด็กมาเรียนรู้ในโปรแกรมต่างๆที่พิพธภัณฑ์จัดขึ้นตามตารางตลอดปี หรือทางโรงเรียนจะกำหนดรายการที่ต้องการให้เด็กเรียนรู้จากพิพิธภัณฑ์ได้อีกทางเลือกหนึ่ง...
I like that "Touch and Feel" section.
How often do we see a museum envite us to do that! Most times, they are for your "eyes only".
เป็นสถานที่น่าเรียนรู้มากเลย
มีนกสต๊าฟด้วยนะครับ
อากาศที่แคนาดาเป็นอย่างไรบ้างครับ
ขอบคุณมากนะคะ สำหรับการแนะนำเป็นพิพิธภัณฑ์ที่น่าเรียนรู้มาก ที่ควรนำมาเป็นแบบอย่างคือ การจัดเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิต มีมุมให้ผู้เข้าชมทำกิจกรรมศิลปะวาดภาพ และตอบคำถามด้วย
และอย่างที่ "คุณ sr" บอก ปกติเราจะเห็นพิพิธภัณฑ์ที่มีแต้ป้ายห้ามจับต้อง แต่พิพิธภัณฑ์นี้กลับเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมสามารสัมผัสแตะต้องลูบคลำหนังและขนสัตว์ได้ด้วย ...เท่าที่พี่ทราบ การสตาฟสัตว์ เป็นวิธีการรักษาซากสัตว์ที่เสียชีวิตเองนะคะ ไม่ใช่คนทำให้เขาตายแล้วนำไปสตาฟ จึงไม่ถือเป็นการทารุณสัตว์ ในเมืองไทยก็มีธุรกิจรับสตัฟสัตว์ด้วยนะคะ...บันทึกนี้ทำให้ได้เรียนรู้สำนวนการให้แสดงความเห็นด้วยว่า ต้องการให้พิพิธภัณฑ์เป็นอย่างไร
พี่วางภาพแนวนอน แต่พอคลิกจัดเก็บกลับเป็นแนวตั้ง ขออนุญาตทดลองอีกหน่อยนะคะ
Hi sr
I agree with you...thank you.
น้องพจนาก็ทราบมาอย่างนั้นค่ะ...แต่ยังไงก่อนสตัฟ สัตว์ต้องตายก่อนอยู่แล้ว และการสตัฟต้องทำหลังจากสัตว์ตายไม่นานด้วยนะคะ...ผู้คนได้เห็นสัตว์สตัฟที่ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ตอนมีชีวิต จากการนำซากมาทำให้มีสภาพใกล้เคียงกับตอนที่มีชีวิตอยู่ก็มีประโยชน์ในการเรียนรู้อย่างมากมายแล้วนะคะคุณพี่ผศ.วิไล...ส่วนตัวแล้วอยากเห็นพิพิธภัณฑ์ตามท้องถิ่นต่างๆ เป็นแหล่งเรียนรู้สาธารณะให้กับชุมชน และนักท่องเที่ยว โดยไม่ใช่ธุรกิจการค้านะคะ
...น้องขจิตก็ต้องทำพิพิธภัณฑ์ทางการเกษตร อาจสร้างเป็นโมเดลจำลองแสดงรูปแบบแปลงผักต่างๆ ...การทำปุ๋ยหมัก...ปุ๋ยชีวภาพ ...แสดงสภาพภูมิประเทศ สภาพอากาศ...แสดงสภาพดิน...การแก้ปัญหาสภาพดิน...เมล็ดพันธุ์พืชชนิดต่างๆ ...ตลอดจนมีโปรแกรมเรียนรู้เครื่องมือ วิธีการใช้เครื่อง ...วิธีการสร้างเครื่องมือทางการเกษตรจากภูมิปัญญาท้องถิ่น มีโปรแกรมปลูกผัก ...ทำนา ...ทำปุ๋ย...เป็นความคิดของพี่ประมาณนั้นเลยนะคะ...วันนี้ตื่นมาอากาศ 6 ถึง 8 องศา ก่อนหน้านั้นนับถอยหลังไป-15-16-19-20 ถึง-24 อากาศที่นี้มีความแปรปรวนมากเพราะที่นี้มีลม Chinook จากเทือกเขา Rockies ด้วยนะคะ
ขอขอบคุณท่านสมาชิกทุกท่านที่แวะมาเยี่ยมทักทาย แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และมอบดอกไม้ให้กับบันทึก "Okanagan Heritage Museum แหล่งเรียนรู้สาธารณะ" นะคะ...ขอบคุณมากค่ะ
ดูแล้วได้แนวคิดดีมากครับ ท่าน ดร.พจนา ถ้าชุมชนท้องถิ่นในประเทศไทยเรา รู้จักเก็บเล็กผสมน้อยทรัพยากรที่อย่างที่มีรักษาไว้ให้ลูกหลานได้ชม ได้ศึกษาทั้งสิ่งเก่าและใหม่ ก็จะเป็นประวัติศาสตร์ และพิพิธภัณฑ์ ของชุมชนที่น่าศึกษาของแต่ละชุมชนที่มีเอกลักษร์แตกต่างกันออกไป
...หากมีการกระจายอำนาจการปกครองท้องถิ่น อย่างจริงจังเป็นรูปธรรม ไม่คอรัปชั่น ทุกคนช่วยกันเสียภาษีให้ท้องถิ่น รัฐจัดสรรงบประมาณช่วยเหลืออย่างเหมาะสม คงไม่ยากที่แต่ละท้องถิ่นจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ อย่างพอดี พอเพียง ตามบริบทของตนเองนะคะคุณวัลลภ...
ตามมาเที่ยวช่วงนี้หิมะเริ่มละลายแล้วค่ะ...ถนนหนทางมีแต่ snow black ต้องสักเดือนเมษายนน่าจะสะอาดน่าเดิน น่าเที่ยวนะคะพี่ kanchana...
ดีจังค่ะสำหรับแหล่งเรียนรู้ธรรมชาติวิทยาดีๆเช่นนี้
ไม่ยากที่จะทำ...ต้องร่วมมือร่วมใจกันนะคะ...อยากทราบข่าวควาย"โพทอง"ที่พรานกระต่ายเป็นยังไงบ้างค่ะน้องเพชร...ขอบคุณที่นำภาพ "ดอกรัง" สีเหลืองอ่อนสวยเย็นตา จากในป่ามาฝากนะคะ