"ภาพลวงตา" ในตลาดพระเครื่อง


ท่านที่เดินตลาดพระบ่อยๆ ท่านอาจจะ "รู้สึก" ว่ามีพระอะไร แบบไหน มากในตลาด

ทั้งๆที่ มีความเป็นจริงจาก "การเห็น" ด้วยตาที่ยังดูพระแท้ไม่เป็นนั้น "ไม่ถึงครึ่ง" 

เพราะท่านอาจจะไปนับหรือประเมินรวมกันระหว่าง "พระเก๊" กับ "พระแท้"

ทั้งๆที่สัดส่วนของพระทั้งสองแบบนั้นมิได้สอดคล้องกันเสมอไป

(การมีพระเก๊มาก มิได้หมายความว่าจะมีพระแท้มากตามไปด้วย)

ทั้งนี้เพราะ ระบบตลาดพระแท้ กับตลาดพระเก๊นั้นเป็นคนละระบบ

มาปนเปกันบ้างก็เฉพาะ "พระหลง" ในตลาดล่าง และ "พระยัดกรุ" ในตลาดบน

-------------------------------------------------
ตลาดพระเก๊ ก็เริ่มจากโรงงานทำพระเก๊ ขายส่ง ขายปลีก วัดต่างๆซื้อเหมาไปแจกคนทำบุญ วัดหรือกลุ่มบุคคลเหมาไป "ยัดกรุ" หรือ "สมมติกรุ" ขึ้นมาใหม่ แผงพระซื้อไปขายในตลาดล่าง และสุดท้ายก็หมุนเวียนแลกเปลี่ยนอยู่ในกลุ่มผู้ค้ารายย่อย และนักสะสมที่ยังไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้
----------------------------------------------
ตลาดพระแท้ 
ถ้าเป็นพระกรุ ก็เริ่มจากนักขุดค้น นักสะสมที่ศึกษาเรียนรู้แล้ว ร้านค้าของโบราณ ร้านค้าพระ และบางส่วนกลายเป็น "พระหลง" ในตลาดล่าง เพราะเจ้าของที่ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ หรือเจ้าของเดิมเสียชีวิต เจ้าของใหม่ไม่รู้จัก เลยขายแบบเหมาถูกๆไป

ถ้าเป็นพระเกจิอาจารย์ ก็เริ่มจากวัดที่สร้าง ไปสู่นักสะสมที่ศึกษาเรียนรู้แล้ว หมุนเวียนอยู่ในกลุ่มผู้เรียนรู้แล้ว และบางส่วนก็จะเป็น "พระหลง" ด้วยสาเหตุเดียวกันกับพระกรุ
----------------------------------------------------

ทีนี้ "ภาพลวงตา" ก็จะเกิดขึ้นในการไม่แยกแยะ "เก๊-แท้" มองรวมกันไป
และส่วนใหญ่ มองเห็นพระเก๊มากๆ ก็คิดไปว่า มีพระแท้มากๆ

ทั้งๆที่ พระเก๊เขาผลิตมาตามความ "หลง" นิยม ของคนที่ยังไม่เรียนรู้

แต่พระแท้มีอยู่เท่าเดิม ถ้าเป็นเกจิรุ่นใหม่ๆ อาจจะมีมากหน่อย ตามความต้องการได้มากขึ้น
แต่การมีมาก ก็ทำให้ไม่มีราคาอยู่ดี

ดังนั้น............

ท่านที่กำลังเรียนรู้ทั้งหลาย ควรจะทำความเข้าใจให้ถูกต้อง ว่า.....

จำนวนพระแท้ จริงๆ นั้น มีไม่มาก หายาก ราคาจึงแพง
พระแท้ที่ "ดูเสมือน" ราคาถูกนั้น ก็มีเพียง "พระหลง"

การจะหยิบ "พระหลง" ได้นั้น ต้องประกอบด้วย "ความรู้" ทั้ง "ดูเป็น" และ "เห็นทาง" แล้วก็เสริมด้วย "กำลังซื้อ" ตามสมควร ตามระดับ "ความรู้" ที่มี

ที่ก็เป็นทุนอีกแบบหนึ่งที่ต้องมี
-------------------------------------------------

ทีนี้ บางท่านที่ยังไม่เรียนรู้ แยกเก๊-แท้ ไม่เป็น แต่ก็ยังหวังจะหยิบพระหลง

ที่ส่วนใหญ่ของคนคิดแบบนี้ ก็แค่ "ไปไต่ระดับฝีมือ" พระเก๊ เท่านั้น

นี่คือ "ภาพลวงตา" ที่แท้จริงในระบบตลาดพระเครื่อง
--------------------------------------------------

ดังนั้น ขอร้องเลยครับ จะให้ทำอย่างไรก็ยอม 

มาเรียนรู้กันก่อนครับ ลุยไปก็เจ็บตัวเปล่า เสียดายทั้งเวลา และเงินที่ใช้ไป

ไม่มีความความคุ้มค่าใดๆ

ทั้งหมดก็แค่ "ภาพลวงตา"

มาเรียนรู้ อยู่กับความจริง "กว่า" ดีกว่าครับ

อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

หมายเลขบันทึก: 558963เขียนเมื่อ 13 มกราคม 2014 08:28 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 มกราคม 2014 11:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (18)

เห็นด้วยกับท่านอาจารย์อย่างมาก เมื่อวานมีนักนิยมสะสมพระเก๊นำพระมาให้ดูว่าสามารถซื้อพระชุดนี้ได้หรือไม่ ก็เลยหยิบพระที่น่าจะแท้(ไม่ใช่สายที่มีความชำนาญโดยตรงครับ)มาให้เปรียบเทียบ ว่าลักษณะเส้นสายความคมชัด น้ำหนัก ปริมาตรและธรรมชาตินั้นแตกต่างกัน พระแท้หลักหมื่นกลาง-ปลาย แต่ผู้ขายบอกขายแค่2000เท่านั้น(2องค์) ยุคนี้มีสื่ออินเตอร์เน็ตสามารถตรวจดูได้ตลอดในแง่มุมต่างๆทั้งด้านราคาและตำหนิจุดตาย คงไม่มีใครโง่พอที่จะขายผิดราคามากขนาดนั้น(หมายถึงนักสะสมพระด้วยกัน) เหตุผลง่ายๆอย่างนี้ยังไม่เข้าใจ เพราะหลงอยู่ในความโลภและไม่ยอมศึกษาผมเองเคยแนะนำให้เข้ามาอ่านข้อเขียนของอาจารย์ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ให้แก่นักสะสมเหล่านั้น แต่ก็ไม่เห็นความก้าวหน้าในบุคคลเหล่านั้นเลย เข้าใจว่าน่าจะมีข้ออ้างสารพัดก็เลยไม่ถาม เหนี่อยใจและกังวลใจว่าสักวันหนึ่งนักสะสมพระรุ่นหลังคงสะสมพระเก๊เพราะความเข้าใจผิดหรือเลิกเล่นไป เหมือนพระกรุที่เซียนรุ่นหลังๆไม่ยอมเล่นกันเพราะสาเหตุจากความใจแคบของเซียนรุ่นเก่าเมื่อ30-40ปีที่แล้ว ที่ไม่ยอมถ่ายทอดองค์ความรู้และการขาดจริยธรรมความโลภบังตาตีพระของนักสะสมรุ่นถัดมาว่าเก๊ เพื่อสร้างความสับสนให้กับวงการ ซึ่งก็ได้ผลเพราะ ทำให้วงการพระกรุตกต่ำลงอย่างมาก และท่านเหล่านั้นก็ตายจากไปหรือไปเล่นกันเองในหมู่ผู้ชรา...ฮึ ๆ ๆ ๆ พอท่านอาจารย์มาใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์มาวิเคราะห์และสอน ก็เลยจุดประกายความหวังให้วงการพระกรุอีกครั้ง ปัญหาหลักของนักสะสมรุ่นใหม่คือซื้อพระเก๊ราคาถูกได้ แต่ไม่ยอมซื้อพระแท้ราคาเป็นจริงได้ บางคนบอกเล่นสายนี้ ทำตัวเป็นสายตรง แต่พอสอบความรู้ก็รู้ว่าชอบซื้อสายนี้ แต่ไม่เคยรู้เรื่องพระสายนี้อย่างจริงๆเลย หนังสือก็ไม่มีอาจารย์ที่สอนก็ไม่มี มีแต่ความอยาก ขี้เกียจกระทั่งศึกษาแต่อยากจะได้พระหลงในตลาดล่าง เล่นมา 10-20 ปีก็ยังไม่มีการพัฒนาองค์ความรู้ มีแต่พัฒนาอวิชชาให้พอกพูนขึ้นเรื่อยๆ ผมชอบบอกหรือสอนข้อเท็จจริงเพื่อให้ผู้สะสมหน้าใหม่มีความรู้ เพื่อให้วงการอยู่ได้ ชี้ให้เห็นความแตกต่างระหว่างพระเก๊และพระแท้ เพื่อหวังว่าวงการจะดีขึ้นสักนิดหนึ่งก็ยังดี ......โชคดีหรือจะสู้การศึกษาที่ดี..สวัสดี

หลายๆ คนคงอยากได้สิ่งที่ดีที่สุด อยากจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง

แต่เมื่อเริ่มจากไม่ศึกษาหาความรู้ให้ดีเสียก่อน อาศัยเพียงจะให้คนที่คิดว่าเขามีความรู้ ชี้ทางเดินให้

หากไปพบคนไม่ดี หรือคนไม่มีความรู้อย่างแท้จริงแนะนำ ชี้ทางเดิน

ท้ายสุด ก็คงถูกหลอกให้เดินผิดทาง

ไม่ก็ จะมีคนที่หลงคิดว่าตัวเองฉลาดรู้ เดินถูกทางแล้ว เพิ่มขึ้นมาอีก 1 คน

ฮึฮึฮึฮึฮึ ทุกอย่างต้องใช้หลักกาลามสูตร แม้แต่ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่เราเล่าเรียน ก็เป็นจริงแค่ช่วงเดียวเท่านั้น ความรู้ในการดูพระก็เป็นจริงแค่ช่วงหนึ่งเท่านั้น เมื่อฝ่ายพระฝีมือพัฒนารูปแบบหรือหากลอุบายวิธีสร้างพระฝีมือขึ้น ผู้ดูก็ต้องพัฒนาวิธีการตรวจสอบขึ้นจากองค์ความรู้ในสาขาต่างๆ เช่น เคมี ชีวภาพ การเร่งอายุวัตถุทางกายภาพโดยอาศัยหลักการต่างๆ ไม่มีอะไรจริงแท้แน่นอน อย่ามัวหาว่าถูกผิด แต่ควรรวบรวมความรู้ในหลายๆแหล่งมาเป็นข้อมูลดิบ แล้วนำมาวิเคราะห์ สังเคราะห์ เป็นความรู้เฉพาะตนก่อน จากนั้นเปรียบเทียบสอบทานให้มั่นใจ ......โดยให้ยึดหลักสากลในวงการ ก็คงจะพอไปได้ครับ......อาจารย์ย่อมไม่กระหายอยากได้ศิษย์ แต่ศิษย์ต้องกระหายอยากได้อาจารย์...สวัสดี

อาจาร์ครับ ข้อความข้างบนของอาจารย์แม่นเหมือนตาเห็น วันที่ 19ผมไปงานประกวดพระมาครับ แผงพระน่าจะประมาณ1000โต๊ครับ ผมดูพระสมเด็จกับพระเนื้อดินทุกองที่อยู่ในงาน โดยเฉพาะกรุบางกระทิงผมมีโอกาศส่องพระ ทีน่าจะเข้าหลักการของอาจารย์อยู่ประมาณ 5องค์นอกนั้นส่องดูว่าปลอมยังไง ผมเตรียมตัวอยู่2เดือนครับ นอกจากหลักของ อาจารย์แล้วผมก็ศึกษาเรื่อง ยุบ ยับ ย่น แยก และพิมทรง เดินถึง4โมงเย็นงานเลิก ไม่มีพระสักองค์ที่น่าจะมีส่วนแท้ครับ ยิ่งรอยตัดตอกหลุมโลกพระจันบ่อนำตา เส้นซุ้มไม่มีคล้ายแม้แต่องค์เดียวครับ ขอบคุณที่อ่านครับ ผมก็ไม่รู้จะเล่าให้ใครฟัง นอกจากอาจาย์

ขอบพระคุณ อาจารยืม vinijitti ในสนามพระมีแต่พระปลอม ถ้าผมไม่เข้มาศึกษาที่อาจารย์แสวงสอน ผมคงเป็นแค่ เด็กนับตำหนิเหรียญ แต่มันกลายเป็นผนดี ที่ทำให้ผม ไม่มองในส่วนที่เชียนเขาบอก อาจารย์แสวงมท่านก็บอกว่าอย่าไปดู ในจุดที่เขาบอก เพราะมันจะเดินตามเขา แล้วก็จะไม่เหลือให้เราอีกเลย(เซียนเอาไปแล้ว) คล้ายกับวงการเหรียญครับ ขอบพะคุณครับ

ผู้สอนที่มีความเป็นครูอย่างแท้จริง ย่อมปรารถนาอยากให้ศิษย์มีความรู้ความสามารถเหนือครู เพราะองค์ความรู้นั้นยังสามารถพัฒนาได้ โดยไม่ต้องรออัจฉริยะมาเกิด อันว่าตำหนิจุดตายในเหรียญนั้นเกิดจากการเปรียบเทียบเหรียญนั้นในหลายๆเหรียญหรือเกิดจากตำหนิในพิมพ์ของช่างแกะแม่พิมพ์ ถ้าท่านทั้งหลายได้อ่านบทความของท่านอาจารย์แสวง และจำได้ว่า เหรียญเป็นพระที่ปลอมแปลงได้ง่ายที่สุดและตรวจเช็คได้ยากที่สุด(เหรียญฝีมือดีๆครับ) ผมเคยสอบถามหาเหรียญฝีมือพวกนี้ พอจะได้ข้อมูลคร่าวๆว่ามีระดับราคาที่เรียกว่า บล๊อคร้อย บล๊อคพัน บล๊อคหมื่น เลยทดลองขอซื้อบล๊อคร้อย(พระแท้หลักแสนกลาง)ในราคาต้นทุน 300 บาท/เหรียญ นำมาเปรียบเทียบกับรูปพระแท้ในอินเตอร์เน๊ตก็เห็นว่าดูแล้วตำหนิต่างๆใกล้เคียงราว 70-80 % หากแต่ความเป็นธรรมชาติของเส้นจะแตกต่างกันบ้าง ถ้าหากเป็นบล๊อคพันหรือหมื่นก็น่าจะใกล้เคียงกว่านี้แน่ หากไม่ใช่สายตรงจริงๆหรือสายตรงถ้าประมาทก็อาจบาดเจ็บได้เหมือนกัน พระเก๊ในเหรียญนั้น หลายๆคนบอกให้ดูขอบและตัวตัดว่าตัวเดียวกันหรือไม่ อันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ เส้นขนแมวเส้นเล็กๆยังสามารถทำให้เหมือนได้ นับประสาอะไรกับรอยตัดขอบครับ หรือประมาณว่าเราไปซื้อเครื่องทำลูกกุญแจมาทำลูกกุญแจสำรอง เพราะหลักการเดียวกันเลยนะครับ บางคนบอกขอบมีรอบกระแทกปั๊มหรือเขยี้อน ผมก็ใช้วงแหวนที่เล็กกว่าหน่อยกระแทกปั๊มให้ดูว่าสามารถสร้างให้เกิดริ้วรอยได้ ถึงแม้ว่าจะไม่เนียนเพราะไม่ใช่อาชีพของผม ทำให้เพื่อนและช่างอึ้งๆไป ผมเป็นนักคิดและดูความน่าจะเป็นที่สามารถทำได้ สอนให้พิจารณาและใช้วิธีและหลักการหลายๆอย่างประกอบกัน ข้อเขียนของผมก็เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม แต่อาจไปขัดผลประโยชน์ของบางคน ก็ต้องขออภัยมาใน ณ.ที่นี้ด้วย ผมไม่ได้ใช้ชื่อในวงการเพราะไม่ต้องการให้ใครรู้จักหรือยกย่อง เพราะผมคิดว่าโลกกว้างใหญ่นัก คนจริงที่ซ่อนตัวยังมีอีกมาก ก็ขอให้ทุกท่านศึกษาไปเรื่อยๆ......โชคดีมีความรู้เพิ่มขึ้นทุกท่าน...สวัสดี

ขอบคุณครับอาจารย์

อาจารย์vinijittii ครับพระสมเด็จเล่น ยากเหลือเกินเนื้อใช่พิมไม่ใช่ ทำไมไม่คิดกันบ้งว่า คนทำพิมย์มีหลายคน และสร้างมาหลายยุค ทำไมต้องพระแท้ต้องพิมหลวงวิจารย์ ครับ แล้วพระที่สร้างก่อนหลวงวิจารย์ คือพระปลอมหรือครับ ไหนคุยนักคุยหนา ว่าพิมหลวงวิจารย์ปลอมไม่ได้ แต่ผมก็เคยได้ยินพิมใช่เนื้อไช่บ่อยมาก งงครับอาจารย์ ลองเข้าไปดูสายเนื้อนะครับ ผมว่าอาจารย์แสวงดังสุดๆ มีลิงค์ เยอะที่สุดครับ ส่วนเรื่องเหรียญ คนเล่นเหรียญอย่างผมหรือทุกคนที่พอรู้เรื่อง ตำหนิหรือขอบเหรียญ การตอกโค๊ตและเส้นขนแมว กระแสโลหะ ผิวไฟ รอยครูดของแม่พิม ความคมขัด เม็ดผด ความตรึงเรียบของผิว อีกหลายอย่างมากครับอาจารย์ เหมือนเรา เขียนกิไก่ครับเขียนได้ทุกคน แต่ลายมือมันต่างกันครับ พวกเล่นเหรียญสายตรงแม่นมากครับ พวกที่โดนไม่ใช่สายตรงแน่นอนครับ เหรียญหลวงพ่อผางปี12ผมดูแค่สามจุดในตลาด พระก็ยังไม่เคยเจอเลยครับ (ตลาดล่คาง)ยังมีการบิดตัวเนื้อโลหะอีก ปลอมยากเหมือนกันครับปลอมได้ ก็ต้องผ่านรอยเหนอะโค๊ตตัวเลขและโค๊ตสัญลักษ์ 555เซียนต้องเก่งกว่าผมอีกหลายเท่าครับ เป็แค่ความคิดของผมครับ แต่ที่แน่คนปลอมเขาก็รู้ว่าเซียนคน เก่งเรื่องไหนเขาเตรียมให้เรียบร้อย ผมพูดตามคำบอกเล่าครับ ยังอยากให้อาจารย์แนะนำเรื่องที่ผม ไม่รู้ต่อไป(แค่ความคิดของลูกศิษครับ) ขอบพระคุณอาจารย์ทั้งสองท่านครับ

ตำหนิ ขอบเหรีญ

ครับ

ผมอยากตัดภาพ ที่เขาแนะนำลิงค์ ของอาจารย์แสวฝมาโชว์จังเลย พวกก่อกวนจะได้น้อยลง

ผมว่าท่านสับสนหลายเรื่อง โทรมาคุยจะชัดกว่าเยอะครับ สะดวกโทรมาเลยครับ 0897119684

ลองโทรถามท่านอาจารย์แสวงก่อนนะครับ ส่วนข้อเขียนที่ผมจะเขียนนี้ มีนัยยะในส่วนของการมองแบบพุทธพานิชของเซียนเกี่ยวกับเรื่องพระสมเด็จครับ การที่เซียนตีพระเก๊มีสาเหตุหลายอย่างนะครับ

1.ผู้นำไปให้ดูบอกผิดวัด ,ผิดพิมพ์ เช่น วัดระฆังแต่บอกเป็นบางขุนพรหม ผุ้ดูก็ถือโอกาศตีเก๊ครับ

2.พิมพ์ที่กลุ่มผู้มีอิทธิพลในวงการกำหนดนั้นถือว่าเป็นสากลของวงการ เพราะบางส่วนที่มาที่ไปชัดเจน เพียงแต่ว่านอกพิมพ์ก็น่าจะมี หากแต่ยังไม่เป็นที่ยอมรับของสังคมผู้นิยมสะสม ก็ตีเก๊ได้

3.การสร้างล้อพิมพ์ของเกจิท่านอื่น อันนี้สำคัญมาก เพราะสร้างความสับสนให้แก่ผู้เล่นมาก อย่างพระถอดพิมพ์ของหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ ซึ่งสร้างในปี248กว่า ถ้าไปเจอบางองค์ที่เนื้อหาจัดจ้านเพราะการใช้งาน บางท่านก็คิดว่าใช่ แต่ไม่ใช่ก็ได้นะครับ

4.จรรยาบรรณ ภูมิความรุ้ ความรอบคอบ ฐานะทางสังคม ที่มาที่ไป ของทั้ง 2 ฝ่าย ก็เป็นสาเหตุในการตีเก๊-แท้

5.อารมณ์และกิเลสของทั้ง 2 ฝ่าย คนดูอารมณ์ไม่ดี ก็ตีเก๊ง่ายๆเหมือนกันหรือเกิดอาการตากลับชั่วขณะ

6.ผลประโยชน์ของฝ่ายดู อันนี้ก็เลยยิ่งสร้างความสับสนให้แก่นักนิยมสะสมครับ ซึ่งทั้งข้อ 4-6 เป็นเรื่องของบุคคลล้วนๆครับ การตรวจเช็คก็ควรนำไปตรวจหลายๆที่ หลายๆท่านครับ ผมเองเมื่อดูให้ใครแทบจะไม่ได้พูดคำว่าเก๊ออกจากปากตัวเองเลยครับ ส่วนใหญ่ให้เจ้าของพระยอมรับเองว่าไม่ถึงยุคเองครับ โดยใช้ของเทียบเคียงในรายที่มีพื้นความรู้อยู่บ้าง ส่วนที่ไม่มีพื้นความรู้เลย ก็ยิ้มหวานๆแล้วส่งของทีดูดีกว่า เก่ากว่า หรือใกล้เคียงกว่า แล้วบอกว่าเป็นของเกจิท่านอื่นๆครับ แต่จะเป็นท่านใดนั้น เกินความสามารถของผมที่จะบอกได้ครับ

คิดจะสะสมพระสมเด็จนั้นไม่ยากหรอกครับ ที่ยากคือต้องสะสมของที่ใกล้เคียงไว้เทียบเคียงด้วยและต้องแยกให้ออกด้วยว่าผิดตรงไหน หลักการของท่านอาจารย์แสวงนั้นชี้ให้เห็นการพัฒนาของเนื้อหา เมื่อเราสามารถดูเนื้อหาได้ เราจะต้องหัดดูพิมพ์ให้แม่นยำมากขึ้นครับ ส่วนพมิพ์นั้นสามารถถอดพิมพ์ได้แล้ว สมัยก่อนพระถอดพิมพ์ก็จะมีขนาดเล็กกว่าองค์จริงเล็กน้อย แต่ปัจจุบันเทคโนโลยี่สามารถแก้ปัญหานี้ได้แล้วครับ ผมให้หลักการในการดูไว้หลายครั้งแล้วว่าให้ใช้ความรู้หลากหลายรูปแบบและให้ฟังความคิดเห็นเขาด้วย แต่ถ้าเขาไม่ตอบ ความน่าเชื่อถือก็ลดลงครับ เรียนหนังสือยังใช้เวลาเรียนตั้งหลายปีกว่าจะเก่งได้ นับประสาอะไรกับการเรียนดูพระ ซึ่งไม่มีหลักสูตรอะไรชัดเจนสักอย่าง ใครใคร่สอนก็สอน สอนตามแบบของตัวเอง ยึดหลักกูมากกว่าหลักการครับ ผมเป็นผู้ดูและตะเวณไปตามเวปต่างๆ อ่านและรวบรวมข้อมูล ส่วนจะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของผม ถ้าอันไหนเห็นว่าดี ก็แนะนำให้คนอืนอ่าน ส่วนคนที่ผมแนะนำจะอ่านหรือไม่อ่านก็เป็นเรื่องของเขา ตอบยาวและใช้พื้นที่ของท่านอาจารย์แสวงมากเกินไปก็ต้องของอภัยท่านอาจารย์ด้วย เพราะไม่สะดวกที่จะตอบอะไรกับใครโดยส่วนตัวครับ โชคดีศึกษาอย่างชาญฉลาดโอกาสพลาดก็น้อยลง......สวัสดี

ขอบคุณมากครับคุณวินิจ ตอบได้ชัดกว่าผมเยอะครับ อิอิอิอิอิอิอิ

ใครที่อ่านแล้วยังสงสัย เชิญโทรมาปรึกษา หรือถามเพิ่มเติมได้ครับ

ไม่ต้องเกรงใจ ผมเกิดมาเพื่อเป็นครูอยู่แล้วครับ

อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

คราวนี้ผมจะมาเฉลยเรื่องเหรียญให้ทราบ สำหรับเซียนเหรียญทั้งหลาย(ตามความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ไม่เกี่ยวข้องผูกพันกับท่านใดทั้งสิ้น) ในอดีตเหรียญปลอมใช้วิธีถอดพิมพ์ แล้วบล็อคที่ได้จะเป็นบล็อคฉีดเสียส่วนใหญ่ครับ ทำให้เราสามารถแยกแยะได้จากความตึงจากการกระแทกปั๊มครับ แต่ในปัจจุบันใช้วิธีแกะบล็อคขึ้นใหม่นะครับ โดยเทคนิคการสแกนเหรียญเพือสร้างแม่พิมพ์ขึ้นใหม่นะครับ เพราะฉะนั้นถ้าเหรียญแพงถึงจะใช้วิธีนี้นะครับ แกะบล็อคครั้งแรกยังไม่เข้าที่ ก็คือบล็อคร้อย ดีขึ้นหน่อยเป็นบล็อคพัน หมื่น แสน สำหรับตัวตัดก็ไม่ได้ยากอะไร ใช้หลักการการสร้างลูกกุญแจสำรองครับ ควบคุมด้วยไมโครคอลโทรลเลอร์ซึ่งมีความแม่นยำสูงมากครับ ดังนั้นตำหนิจุดตายหรือรอยตัดขอบจึงไม่อาจใช้เป็นตัวชี้วัดได้นะครับ(สำหรับผมเท่านั้น) สำหรับผมแล้วการดูเหรียญเหรียญหนึ่ง จะตรวจสอบทั้งน้ำหนัก ปริมาตร ความกังวาลของเสียงโลหะ เคมีที่ฉาบหรือเปลี่ยนแปลงไป เพราะโลหะที่ใช้ต่างชนิดกันก็มีลักษณะแตกต่างกันครับ ซึ่งเป็นหลักทางวิทยาศาสตร์ครับ บางครั่งผมใช้กล้องไมโครสโคปส่องดูพื้นผิวเพื่อเปรียบเทียบกันด้วย การใช้กล้องแค่ 10 x มาส่องดูแล้วใช้ความชำนาญหรือความรู้เดิมอย่างเดียว สำหรับผมคงยังไม่ได้ หลายๆต่อหลายครั้งที่ผมตีเหรียญของผมเองออก ก็มีคนมาขอซื้อแทบทุกครั้งครับ ขนาดบอกว่าเก๊นะครับ สำหรับผมแล้วให้นิยามเหรียญพวกนี้ที่ผ่านมือผมไปว่าเก๊มาตราฐานสูงครับ เอาเป็นว่าผมไม่ถนัดหรือเก่งพอที่จะสอนได้ ก็ได้แต่เตือนๆกันไปครับ ส่วนใครคิดว่าอยากจะเล่นก็ว่ากันไปตามอัธยาศัยครับ คนเรามันเชี่ยวกันคนละแบบ เก่งกันคนละทาง เขียนมากผิดมาก เขียนน้อยหาว่าไม่รู้ ไม่เขียนตายไปพร้อมความรู้ เอาว่างูๆปลาๆ แถไปเรื่อยๆก็พอได้ .....โชคดีมีความคิดกว้างไกล....สวัสดี

ผมขออนุญาตนำข้อมูลไปเผยแพร่นะครับ ขอบพระคุณมากครับ

ตามสบายขอรับท่านอาจารย์ ถ้าจะให้ดีก็ช่วยขัดเกลาบ้างเพราะผมไม่ได้มีการร่างข้อความครับ ส่วนใหญ่คิดไปเขียนไป ก็เลยอาจจะมีข้อบกพร่องได้บ้าง อย่างน้อยก็มักตกหล่น ยินดีรับใช้เสมอครับ อ้อลืมเกือบทุกครั้งครับ นักเรียนทั้งหลายวันนี้กินข้าวหรือยัง ถ้ากินแล้วพรุ่งนี้ยังต้องกินหรือไม่ ถ้ายังต้องกิน ก็ขอให้กลับไปอ่านของเขียนเก่าๆของท่านอาจารย์ที่เป็นองค์ความรู้เดิมๆที่ท่านอาจารย์เขียนไว้ด้วย การอ่านครั้งเดียวคงไม่เพียงพอนะครับ อ่านบ่อยๆให้ขึ้นใจเดี๋ยวก็เก่งได้ครับ ข้าวยังต้องกินทุกวันครับ ความรู้ก็ต้องเติมทุกวันเหมือนกัน ...ด้วยความปรารถนาดีจากใจครับ.....สวัสดีมีความรู้คู่คุณธรรมครับ

ก่อนอื่นต้องขอโทษทุกท่านที่เดือดร้อนเรื่องการสร้างเหรียญเลียนแบบและท่านอาจารย์ด้วย หากท่านใดจะนำข้อมูลไปใช้ก็ของให้บอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของนายวินิจ อิทธิ เพียงตนเดียว ไม่เกี่ยวข้องหรือผูกพันกับผู้ใดและอย่าถามว่ามีหลักฐานใดๆหรือไม่ ถ้าไม่เชื่อก็คิดว่าเป็นการเขียนโดยการนั่งเทียนก็แล้วกัน ข้อมุลทุกอย่างขอให้ท่านพิจารณาให้รอบคอบเพราะภูมิความรู้ ภูมิปัญญา ไหวพริบและจินตนาการของคนเราไม่เท่ากัน ดังนั้นมีอีกหลายเรื่องในวงการที่อธิบายยากหรือฟังแล้วเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ลำพังแค่เขียนเสร็จ คนที่รู้จักผมก็มีปฏิกิริยาแล้ว และที่สำคัญข้อเขียนของผมไม่เคยร้องขอให้ใครเชื่อ แต่จะให้ไตร่ตรองและพิจารณาครับโดยให้ยึดหลักเรื่องความเชื่อ 10 ประการทางศาสนาพุทธ หากมีคนเชื่อถือในข้อเขียนของผมมากแรงกระเพื่อมในความนิยมเรื่องการสะสมเหรียญก็คงมากและอาจสร้างความเดือดร้อนให้อีกหลายๆท่านก็ต้องขออภัยด้วย ถูกต้องอาจจะไม่ถูกใจ ถูกใจอาจจะไม่ถูกต้อง ก็ขอย้ำว่าท่านใดเอาไปใช้หรือเผยแพร่ก็กรุณาบอกไปว่าเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลของนายวินิจ อิทธิ คนเดียวเท่านั้น เผื่อใครด่าก็จะได้ด่าถูกตัว และผมก็พร้อมจะรับผิดชอบในผลกระทบจากข้อเขียนของผม.....เจตนาบริสุทธิ์ก่อให้เกิดกรรม(บาป)บริสุทธิ์ การเผลอสติก่อเกิดกรรม....โชคดีมีวิจารณาญาณทุกท่าน...สวัสดี

ผมพิจารณาแล้ว มีความเป็นไปได้สูงครับ จึงนำไปเผยแพร่ต่อครับ

อะไรที่ขัดกับหลักธรรมชาติ ผมจะข้ามไปเลยครับ

เขียนต่อไปครับ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท