คืนนี้เป็นคืนสุดท้ายที่ผู้เขียนจะเที่ยวในเมือง Bagan รุ่งเช้าก็จะบินไป yagon ก่อนจากลาเมืองแห่งความงามดุจดั่งเนรมิตในเทพนิยาย มนต์เสน่ห์เหมือนดั่งต้องคำสาบของ Bagan จะพาไปชม Light Up ของเมืองค่ะ ไม่ต้องแปลกใจน่ะค่ะว่าเมืองกันดาร ๆ แบบ Bagan จะมี Light Up ให้ชม เพราะพม่ามีอะไรแปลก ๆ ให้เรามหัศจรรย์อยู่เสมอ ไม่ว่าจะต้องเป็นแบงค์ใหม่ ๆ ในสกุล US เท่านั้น แต่เงินจั๊ดตัวเองทั้งเน่า ทั้งเหม็น พระบิณฑบาตรทั้งวัน เดินจับมือผู้หญิงไม่ผิดศีล เก้าอี้มีพนักพิงดี ๆ พี่หม่องแกก็นั่งชันเข่าซะงั้น แม้กระทั่งไหว้พระสวดมนต์ พี่หม่องแกก็ชันเข่าหน้าตาเฉย อาหารพม่าอร่อยถูกปากผู้เขียนมาก เพราะแทบจะไม่มีชิ้นเนื้อโผล่มาให้เห็น ผักล้วน ๆ ปลุกสารพัดแบบ แปลกดี
อย่ารอช้าเลยค่ะ มาชม Light up ค่ำคืนของเมือง Bagan ก่อนลาจาก แต่ไม่จากลา ฝันไว้สักวันหนึ่งผู้เขียนจะกลับมาเยือนอีกครั้งก่อนที่นักท่องเที่ยวจะทะลักเข้ามาจนกลืนกินวัฒนธรรมดั่งเดิมของชนพื้นเมืองซะก่อน
บริเวณรอบ ๆ พระเจดีย์ค่ะ องค์ใหญ่โตมากขนาดนั่งกับพื้นแหงนกล้องจนสุด ก็ยังไม่สามารถเก็บภาพของยอดเจดีย์ได้สมบูรณ์ งานปราณีต ละเอียดอ่อนช้อยมาก ๆ ต้องบอกว่าค่ำคืนนี้ Light Up อลังการจริง ๆ บริเวณรอบ ๆ องค์พระเจดีย์ จะมีพระ และคนพม่ามานั่งสวดมนต์ สวดแบบจริง ๆ จัง ๆ เลยน่ะค่ะ ทั้ง ๆ ที่อากาศหนาวเหน็บ ที่ Bagan กลางคืนจะหนาวเย็น ส่วนกลางวันจะร้อนแบบตับแลปเลยค่ะ พื้นที่ส่วนใหญ่แห้งแล้ง ทะเลทรายย่อม ๆ ทีเดียว
รุ่งเช้าก่อนขึ้นเครื่องบินไปต่อ Yagon เราแวะ Shopping เครื่องเขิน ฝีมืองานปราณีต ทำจากไม้ตระกูลต้นมะพร้าว ต้นตาลมาฝานบาง ๆ ละเอียด แกะสลักลงยา เคลือบสีแบบโบราณอีกขั้น อยู่ได้เป็นร้อย ๆ ปี เครื่องเขินมี 2 แบบน่ะค่ะ ถ้าซื้อตามสถานที่ท่องเที่ยวจะทำจากพาสติก ราคาประมาณ 3-5 US แต่ถ้าเป็นร้านเครื่องเขินโดยเฉพาะ จะทำจากไม้ราคาตั้งแต่ 50 US ขึ้นไปค่ะ
Mr.เอ๊าะ เอ๊าะ มาส่งผู้เขียนกับเพื่อนที่สนามบิน เข้า Gate ไปตั้งนานแล้ว เห็นโสร่งปลิวไหว ๆ อยู่นอกประตู จำได้ว่าเป็นโสร่งของเอ๊าะ เอ๊าะ นึกว่าผู้เขียนจ่ายตังค์ไม่ครบ รีบเดินออกมาถาม เห็น เอ๊าะ เอ๊าะ ยืนน้ำตาซึม ถามได้ความว่า
"I am so sad I am very happy take care off you, promiss come back again please I will wait you"
ผู้เขียนถึงกับโผล่เข้ากอดพ่อเสี่ยวแล้วปลอบโยนว่า
"Your are my close friend I promiss will come back visit you again"
..........และแล้วเราสองคนก็ยืนน้ำตาไหลอยู่ตรงประตูทางเข้าสนามบิน จับมือเขย่ากันไปมาเหมือนแสนนาน มิตรภาพนี้ช่างยิ่งใหญ่ ซื้งใจเหลือเกิน ความจริงใจ ความใสซื่อ ความบริสุทธิ์ ความปราถนาดีของเอ๊าะ เอ๊าะ ที่มีต่อผู้เขียนสามารถสัมผัสได้อย่างที่เรียกว่า Body Language แม้จะต่างชาติ ต่างภาษา ต่างวัฒนธรรม.............
ประเดี๋ยวเราไปต่อที่ Yagon กันต่ออีกสักคืนน่ะค่ะ ในตอนที่ 5 ได้ที่นี่ค่ะ
บทความที่เกี่ยวข้อง
ซอกแซกทัวร์พม่า ตอนที่ 1 http://www.gotoknow.org/posts/556265
ซอกแซกทัวร์พม่า ตอนที่ 2 http://www.gotoknow.org/posts/556319
ซอกแซกทัวร์พม่า ตอนที่ 3 http://www.gotoknow.org/posts/556345
ซอกแซกทัวร์พม่า ตอนที่ 4 http://www.gotoknow.org/posts/556396
ซอกแซกทัวร์พม่า ตอนที่ 5 http://www.gotoknow.org/posts/556445
ท่านใดสนใจโปรแกรม Back Packer ผู้เขียนยินดีน่ะค่ะ ค่อนข้างเก็บข้อมูลไว้ละเอียดมาก ติดต่อได้ที่ Nong_Wongwicha@hotmail.co.th ค่ะ
14 Dec 2013
เรื่องราวสนุกทุกตอนเหมือนได้ไปเที่ยวด้วย...รอติดตามอ่านตอนที่ 5 แต่เดี๋ยวจะไล่อ่านตอนที่ 3 ก่อนนะคะน้องนิภารัตน์...