ผม "ตัด" แล้ว "วาง" ไม่ได้ "ตัดต่อ" และไม่ได้ "คิดต่อ" หรือ "เขียนเติม" แต่อย่างใด อีกทั้งยังระวังไม่ให้ผิดความหมายเดิมของพระราชดำริอย่างที่สุด เพื่อให้ท่านมั่นใจในการน้อมนำไปปฏิบัติครับ เกี่ยวกับ "หลักการเรียนรู้" ตามแนวพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ ๙ ดังนี้
- ...การเรียนรู้ลักษณะแรก คือ การเรียนรู้หรือรับรู้ความรู้ของผู้อื่น ซึ่งอาจเป็นการฟัง การอ่าน การสังเกต ดู จำ อย่างไรก็ได้ทั้งสิ้น การเรียนรู้อย่างนี้จัดเป็นการเรียนรู้ขั้นต้น เพราะยังต้องรู้ตามเขา โดยยังมิได้ดิจารณาพิสูจน์สอบสวน อาจถูก ผิด ดี ชั่ว มีประโยชน์ ไม่มีประโยชน์ อย่างไรก็ดีบุคคลก็จำเป็นต้องเรียนรู้โดยลักษณะนี้ด้วย...
- ...เมื่อต้องการทราบเรื่องใดจริงๆ จึงนำมาศึกษาพิจารณาและวินิจฉัยให้เห็นเหตุเห็นผลอีกชั้นหนึ่ง การเรียนรู้ด้วยการพิจารณาวินิจฉัยแล้วนี้ จัดเป็นการเรียนรู้ลักษณะที่สอง ซึ่งสูงขึ้นมากกว่าระดับที่รู้ตามผู้อื่น ความรู้ที่เกิดขึ้นจะกลายเป็นความเข้าใจของตนเอง ซึ่งเชื่อมั่นได้ และใช้ประโยชน์ได้ดีขึ้น...
- ...การนำเอาสิ่งที่รับรู้มาแล้ว หรือที่ทำความเข้าใจแล้วนั้น มาฝึกหัดปฏิบัติด้วยกายด้วยใจให้ประจักษ์ผลขึ้น เกิดเป็นความรู้อันชัดแจ้งแน่นอนตรึงตราอยู่ในใจพร้อมกับความสามารถชัดเจน ที่จำนำไปทำการอย่างมีประสิทธิภาพได้ทุกเมื่อ การเรียนรู้ในลักษณะนี้จัดเป็นขั้นสูงสุดที่จะพึงศึกษาฝึกฝนได้...
- ...การศึกษาที่ปฏิบัติได้อย่างครบถ้วน จะส่งเสริมให้ภูมิรู้และความสามารถสูงขึ้น ให้ความคิดความอ่านกว้างขวาง ลึกซึ้ง ซึ่งจะใช้เป็นเครื่องตัดสินใจแก้ปัญหาต่างๆ ได้ ไม่จนปัญญา ทั้งสามารถเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่นได้ชัดเจน ทำให้ร่วมงานประสานประโยชน์ได้กับทุกคนทุกฝ่ายได้อย่างราบรื่น...
๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ผมรู้สึกภูมิใจและทึ่งในสายพระเนตรอันยาวไกล คลอบคลุม สอดคล้อง และทันสมัยถือเป็นหลักของทฤษฎีการศึกษาสมัยใหม่ทั้งหมด