ความสุข คือ ความพอใจ เกิดในใจเราเอง


ลองฝึกพูดคำว่า ดีจังเลย หรือ ดีจริงๆ

ความสุข คือ ความพอใจ เกิดในใจเราเอง

มีคนอยู่สองคน คนหนึ่งมองโลกในแง่ร้ายไม่เคยพอใจในสิ่งที่ตนพบที่เห็น ทุกอย่างขัดหูขวางตา คือมักพูดตลอดเวลาว่า นั่นก็ไม่ดีนี่ก็ไม่ถูก ได้ยินใครพูดอะไรก็ต้องต้องโต้แย้งให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำอยู่เสมอ และหากใครไม่เห็นด้วยไม่ทำตาม ก็จะอารมณ์เสียไปเป็นวันๆ

ส่วนอีกคนหนึ่งนั้น เป็นคนมองโลกในแง่ดีจริง ดีจนถึงขนาด ไม่เคยตำหินอะไรให้ใครได้ยิน พบเห็นอะไรก็มักจะพูดบ่อยๆจนติดปากว่า “ดีจังเลยๆ ” เป็นประจำใครพูดอะไร แนะนำอะไรหรือแม้แต่ว่ากล่าวอะไร ก็เห็นด้วยไปหมด

ทั้งสองคนนี้ไม่ได้ต่างกันแต่เพียงวิธีพูดเท่านั้น หากแต่หน้าตาและการใช้ชีวิตก็ต่างกันมากด้วย คนที่มีแต่ความไม่พอใจ หน้าตามักมองคล้ำบูดบึ้ง แสดงถึงความไม่สมหวังดังใจตลอดเวลา อารมณ์ขุ่นมัวอยู่ทุกนาที

ส่วนคนที่เห็นทุกอย่างดี มีแต่คำชมไปหมดนั้นหน้าตาจะยิ้มแย้ม สว่างสดใส ใจสบายอยู่เสมอ เมื่อไม่ตำหินหรือโต้เถียงใคร ก็มักจะมีเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้องมิตรมาสังสรรค์อยู่ทุกวันไม่เคยขาด

ที่เล่ามานี้เพื่อต้องการสรุปว่า ชีวิตที่มีแต่ความสุข ก็คือชีวิตที่มีแต่ความพอใจ หรือพูดให้สั้นลงก็คือว่าความสุข คือความพอใจ

ในชีวิตคนเรานั้น แต่ละวันก็มีทุกข์ทางกายมากพออยู่แล้ว ไม่ปวดหัวก็ปวดฟัน ไม่ปวดท้องก็เป็นไข้ โรคภัยจะมาเบียดเบียนวันไหน

ก็ยังไม่รู้ จะมัวมาสร้างทุกข์เพิ่มอีกทำไม กับความไม่พอใจในสิ่งแวดล้อม ลืมตาตื่นมาก็ไม่พอใจในสิ่งแรกที่พบ ฝนตกก็แช่ง ฝนแล้งก็ด่า ใบไม้ร่วงหล่นลงมาเกลื่อนบ้านก็ทนไม่ไหวกิ่งไม้ยาวเกินไปก็ทนไม่ได้ ใครจะพูดอะไร ทำอะไร ล้วนไม่ได้ไปเสียหมด ทั้งๆที่โลกนี้

ไม่ได้มีไว้เพื่อคนๆเดียว และคนทั้งหลายก็ไม่ได้เกิดมาเพื่อคนๆเดียว ตัวเองสร้างทุกข์ขึ้นมาเอง แล้วก็จมอยู่กับทุกข์คือความไม่พอใจหรือความไม่ยินดีที่ตัวสร้างขึ้นมาจนต้องกินยาระงับประสาท กินยาแก้เครียด กินยานอนหลับทุกวัน

พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต “ สังขารมันเกิดขึ้นที่ไหน มันอยู่ที่ไหน อะไรเป็นสังขาร สังขารมัน

เกิดขึ้นที่จิตของเราเอง เป็นอาการของจิตพาให้เกิดขึ้นซึ่งสมบัติทั้งหลาย สังขารนี้แลเป็นตัวการสมมุติ

บัญญัติทั้งหลายในโลก ความจริงของในโลกทั้งหลาย หรือ ธรรมธาตุทั้งหลายเขาเป็นอยู่อย่างนั้น

แผ่นดิน ต้นไม้ ภูเขา ฟ้า แดด เขาไม่ได้ว่าเป็นนั่นเป็นนี่เลย เจ้าสังขารตัวการนี้เข้าไปปรุงแต่ง

ว่าเขาเป็นนั่นเป็นนี้ จนหลงกันว่าเป็นจริง ถือเอาว่าเป็นเราเป็นของเราเสียสิ้น จึงมีราคะ โทสะ โมหะเกิดขึ้น ทำจิตตัวเดิมให้หลงไปตามเกิด แก่ เจ็บ ตาย เวียนว่ายไปไม่มีที่สิ้นสุดเป็นอเนกภพ อเนกชาติ เพราะเจ้าตัวสังขารนั้นแลเป็นเหตุ ”

เพียงรู้ธรรม คือ รู้เท่าทันธรรมชาติ ว่าธรรมชาติย่อมเป็นเช่นนี้ คนย่อมเป็นเช่นนี้ สิ่งแวดล้อมย่อมเป็นอย่างที่มันเป็นเช่นนี้

ถึงตัวเราจะไม่ได้อยู่ตรงนั้น ทุกอย่างมันก็เป็นของมันอย่างนั้นอยู่แล้ว ที่มันไม่ดี ที่มันไม่ถูก ก็เพราะจิตเราปรุงแต่งว่าไม่ดี ไม่ถูก ไม่ชอบ ไม่น่าพอใจขึ้นมาเอง จิตปรุงว่าไม่ดีมันก็เป็นทุกข์ จิตปรุงว่าดี มันก็เป็นสุขเลือกปรุงเอาเถิด ว่าจะปรุงอย่างไหน ถ้าปรุงว่าพอใจ ก็ไม่เปลืองค่ายานอนหลับ

หลวงปู่ขาว อนาลโย " ใจขุ่นมัว ใจเศร้าหมอง ลุอำนาจความโลภ ความโกรธ ความหลง ใจเหล่านั้น แม้บุคคลจะพูดอยู่ก็ตาม

จะทำการงานด้วยกายอยู่ก็ตาม เพราะจิตเศร้าหมอง จิตไม่ดีแล้ว ความทุกข์นั้นย่อมติดตามบุคคลผู้นั้นไป เหมือนกันกับล้ออันตรายรอยเท้าโคไป ครั้นจิตผ่องไม่เศร้าหมองแล้ว แม้จะพูดอยู่ก็ตาม จะทำการงานอยู่ก็ตาม จะไปไหนก็ตาม ความสุขย่อมติดตามเขาไป เหมือนเงาเทียมตนไปอย่างนั้น”

มีตัวอย่างหนึ่ง มีดาราอาวุโสท่านหนึ่งซึ่งผู้เขียนนับถือเสมือนพี่ชายเมื่อถูกถามว่าต้องการอาหารแบบใด ดาราท่านนั้นได้ตอบว่า “ผมกินได้ทุกอย่างครับ เพราะในชีวิตของผม ผมไม่เคยกินอะไรที่ไม่อร่อยเลย .”..คำตอบนี้สร้างความชื่นชมยินดีแก่เจ้าหน้าที่กองถ่ายเป็นอย่างยิ่ง และคำตอบนี้เอง ที่ทำให้ผมได้ความคิดติดใจตลอดมาว่า คนเช่นนั้นคือ คนที่มีความสุขกว่าใครๆเพราะเขาตัดความไม่พอใจออกไปจากตัวเองได้เป็นปริมาณมาก

คุณจะมีความทุกข์เพียงไหน ถ้าคุณใช้ชีวิตทุกวันอยู่กับวามไม่พอใจ ต่อคน สัตว์ หรือสิ่งที่ไม่เป็นดังใจคุณ คุณจะมีแต่ความทุกข์ถมทวีคูณ เพราะความไม่พอใจนั้นมันไม่เคยมีที่สิ้นสุด ถ้าคุณยังปฏิบัติกับทุกอย่างโดยใช้ตัวเองเป็นเกณฑ์ตัดสินแล้ว จะพบสิ่งที่พอใจจริงๆนั้นคงยาก ลองดูสิครับคุณๆผู้อ่านที่รัก ลองฝึกพอใจอะไรง่ายๆ โดยเริ่มจากอาหารที่คุณรับประทานในแต่ละมื้อก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ว่าจะเป็นอาหารอะไร ดีเลวถูกแพงแค่ไหนคุณสามารถปรับใจให้รู้สึกอร่อยกับอาหารนั้นๆได้หรือไม่ถ้าคุณที่จะฝึกพอใจสิ่งอื่นๆด้วย

ลองฝึกพูดคำว่า ดีจังเลยหรือดีจริงๆกับอาหารทุกมือ กับของทุกอย่าง กับคนทุกคน หรือกับเหตุการณ์ทุกเหตการณ์ดูซิครับแล้วคุณจะพบว่าคุณจะมีมิตรเพิ่มมากขึ้น อยู่ในบรรยากาศที่ดีมากขึ้น และมีความสุขมากขึ้น

" ความสุขที่คุณไม่ต้องซื้อหามาจากไหนแต่คุณสร้างมันขึ้นมาด้วยใจของคุณเอง”

 

บรรณานุกรม

สุดยอดธรรมะ ฉบับพินัยกรรม วรยุทธ พิชัยศรทัต พิมพ์ที่โรงพิมพ์ บริษัท ไทยยูเนี่ยนกราฟฟิกส์ จำกัด หน้า 109 - 113

หมายเลขบันทึก: 55585เขียนเมื่อ 24 ตุลาคม 2006 22:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 16:09 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)
เจ้แมวได้ร้อยรวงบันทึกเช่นนี้เท่ากับว่าได้เผยแพร่ความความสุข สงบ ปิติ แก่ผู้ที่เป็นเป็นเพื่อนร่วมเดินทางสู่ความ แก่ เจ็บ และ ตาย ทั้งหมดทั้งสิ้น ขออนุโมทนากับกุศลจิตของเจ้ สาธุ ผู้อ่านจะได้ประโยชน์มากเลย

ขอบคุณค่ะ 

  • ครูอ้อยก็หัดพูด  ดีมากเลย  น่ารักจัง   ขอบคุณค่ะ  เข้าท่าเนอะ 
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท