๕ ธันวาคม ของทุก ๆ ปี คนไทยทุกคนทราบว่า...
มีความสำคัญอย่างไร? แม้แต่เจ้าฟ้าครามยังตอบย่าว่า
เป็น "วันพ่อแห่งชาติ"...คริ ๆ ๆ ฉลาดจริงนะเรา
แม่สาวน้อยของย่า...ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยได้อยู่บ้าน
เพราะต้องไปอบรมที่เชียงใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑ - ๔
ธันวาคม ๒๕๕๖ สำหรับวันที่ ๕ ธันวาคม ของทุก ๆ ปี
เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็น "วันหยุด" ฉันได้กลับไปหาพ่อ
ที่บ้านที่พรหมพิรามตั้งแต่ฉันกลับมาจากเชียงใหม่...
เนื่องจากครอบครัวของฉันขาด "แม่" ไปตั้งแต่ปี ๒๕๔๒
แล้ว...เป็นเวลาเกือบ ๑๕ ปี เลยทีเดียว ที่ฉันไม่ได้เรียก
"แม่" มานานมากเลย...ตอนนี้ฉันมีแต่ "พ่อ" คนเดียว
ก็ได้ "พ่อเรของพี่ภัคร" ช่วยดูแลให้เพราะเกษียณแล้ว
...ยิ่งพ่อของฉันดูแลตัวเองไม่ค่อยได้ เพราะเป็นอัมพฤกษ์ +
โรคอัลไซเมอร์...จึงทำให้ทิ้งท่านไปไหนไม่ได้เลย
ต้องมีคนคอยดูแล...ลูกอย่างฉัน ก็ได้ทำหน้าที่ดูแล "พ่อ"
แทน "แม่" ด้วยการหาซื้อยามาเพื่อประคองให้ท่านมีชีวิต
ที่อยู่ได้ เรียกว่า...ประคองอาการให้ดี...
ทุก ๆ ปี ฉันก็จะได้เห็นโทรทัศน์ ถ่ายทอดวันพ่อแห่งชาติ
ของคนไทยทุก ๆ ปี มาปีนี้ ฉันได้ดูรายการพร้อมกับฟังเพลง
ซึ่งบรรยายคุณความดีของพระองค์ท่านให้ฟัง...ฉันฟังก็ได้แต่
"น้ำตาไหล" ไม่รู้เหมือนกันว่า "น้ำตาไหล" เพราะอะไร
อาจเป็นเพราะความสำนึกในบุญคุณของพระองค์ท่าน
ที่ฉันเคยเห็นมาตั้งแต่สมัยที่ฉันยังเป็นเด็ก ๆ ฉันจำและนึกถึง
พระองค์เสมอในอิริยาบถของพระองค์ท่านที่ได้ทำคุณประโยชน์
ต่อแผ่นดินไทยและคนไทยของพระองค์ ท่านทรงเหนื่อยมาก
ท่านทรงงานมาทั้งชีวิตของพระองค์...ยิ่งเห็นข่าวการแบ่งแยก
แตกต่างในความคิดแล้ว ยิ่งไม่ค่อยสบายใจเลย...แต่ก็ได้แต่
ภาวนาว่า "ขอให้เหตุการณ์ร้าย ๆ ผ่านไปด้วยดี"...
สำหรับ "วันพ่อ" ปีนี้ ฉันซื้อพวงมาลัย ให้กับพ่อ ๑ พวง
ส่วนน้องเพรียงก็ให้พ่อเร ๑ พวงเช่นกัน และแถมเจ้าฟ้าคราม
ก็ซื้อให้พ่อเพรียงด้วยเช่นกัน...พวกเราทำกันแบบนี้มาทุก ๆ ปี
ถือว่าวันนี้เป็นวันที่เป็น "วันแทนวันพ่อ" ของพวกเราก็แล้วกัน...
ถึงแม้ว่า...พวกเราจะช่วยประเทศชาติได้ไม่มากเท่าที่ควร
แต่พวกเราก็จะไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ประเทศชาติและคนไทย
นี่คือ...หน้าที่ของพวกเราที่ได้กระทำและอุทิศเพื่อตอบแทน
คุณของแผ่นดินไทย ที่ได้ให้เราได้อยู่ ได้อาศัยได้อย่างมีความสุข :):)
ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ
ขอบคุณทุกท่านที่ให้เกียรติเข้ามาอ่านบันทึกนี้ค่ะ
บุษยมาศ แสงเงิน
๕ ธันวาคม ๒๕๕๖
วันที่ข้าพเจ้าเข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร รัฐศาสตร์บัณฑิต
(เกียรตินิยมอันดับสอง) แห่งจุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย จากพระหัตถ์ของ
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ ๑๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๑ ซึ่งได้พระราชทานพระบรมราโชวาทว่า :
" ความเจริญของประเทศชาติ เป็นความเจริญส่วนรวม ซึ่ง
เกิดจากผลงานหรือผลของการกระทำของคนทั้งชาติ ถือได้ว่าทุก
คนแบ่งหน้าที่กันทำประโยชน์ให้แก่ชาติ ตามความถนัดและความ
สามารถและเกื้อกูลกันและกัน ไม่มีผู้ใดจะอยู่ได้และทำงานให้แก่
ประเทศชาติได้โดยลำพังตนเอง "