มหาวิทยาลัยชีวิต >>เราจะเป็นในสิ่งที่เราอ่าน (29)


 

หนังสือเล่มนี้...เขียนเล่าถึงประวัติชีวิตของผู้เขียนเอง...ได้อย่างงดงามและได้อรรถรสมากที่สุด...นับเป็นการเขียนสารคดีชีวิต ที่คนรุ่นใหม่และนักเขียนใหม่น่าศึกษาอย่างยิ่ง

 

จากเด็กชายชนบท ได้รับการขัดเกลาจากหลวงตาที่วัดข้างบ้าน ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยต้นๆ ของประเทศไทย ก่อนเหินฟ้าข้ามมหาสมุทรไปร่ำเรียนต่างแดน

 

จากนั้นจึงหวลคืนแผ่นดินแม่...พบความไม่ชอบมาพากล...จนกลายเป็นผู้นำขบวนการนักศึกษาประชาชนต่ออำนาจเผด็จการ และเหตุการณ์ครั้งนี้นี่เอง ที่ได้ขีดทางเดินชีวิตในเวลาต่อมาราวถูกคำสาป...

 

การเดินเรื่องน่าติดตาม...ภาษาบาดลึกทิ่มแทงใจทุกห้วงบทห้วงตอน...แง่งามแง่มุมที่หยิบมาเขียนได้อย่างชาญฉลาด...ทำให้เป็นสารคดีที่เป็นราวดั่งนวนิยาย...

 

ผมชอบตอนท้ายเรื่องครับ...โดนใจผมและพี่น้องของผมมาก...ถ้ารู้อย่างนี้...เตี่ยกับแม่ไม่ต้องส่งผมเรียนหรอก...ให้ผมเป็นชาวนาดีกว่า...

 

อาจารย์เสกสรรค์เขียนบททิ้งท้ายไว้ว่า...

 

...เหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 เป็นการหักมุมครั้งใหญ่ในชีวิตของประเทศชาติ แต่ในนั้นก็มีการหักมุมของชีวิตคนหลายๆ คน รวมถึงทั้งตัวผมด้วย อันที่จริงการต่อสู่ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นไม่ว่าผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่

 

ผมเพียงแค่บังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งส่งผลกำหนดชีวิตผมมากกว่าที่ผมมีส่วนกำหนดมัน...

 

เช่นเดียวกับพ่อซึ่งต้องทิ้งอนาคตเพราะการขบถในวัยเยาว์ ผมต้องทิ้งอะไรไปหลายอย่างในสิบกว่าปีที่ผ่านมา

 

“ถ้ากูได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันดีคืนดีพ่อเคยบ่นออกมา

 

“ถ้ากูไม่ได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันไหนหงุดหงิดมาก ๆ ผมอาจจะบ่นให้ลูกตัวเองฟัง

 

เสรีภาพไม่เคยเป็นของฟรี.

 

...อยากให้ทุกท่านได้อ่านจังครับ...สุขสันต์กับการอ่านนะครับ....

....................................

 

มหาวิทยาลัยชีวิต

ผู้เขียน : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล

สำนักพิมพ์ : สามัญชน

พิมพ์ครั้งที่ 11  ปีที่พิมพ์ : 2545 จำนวน 144 หน้า

หมายเลขบันทึก: 554652เขียนเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 23:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 26 พฤศจิกายน 2013 23:59 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เป็นหนังสือที่ชอบมาก

โดนใจ

อ่านตอนเป็นนิสิตที่ มศว

ชอบข้อความนี้ครับ

“ถ้ากูไม่ได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันไหนหงุดหงิดมาก ๆ ผมอาจจะบ่นให้ลูกตัวเองฟัง

....ขอบคุณค่ะ .... เด็กสมัยนี้...จะบ่นเขา.... ต้องดูอารมณ์ของเขาด้วย นะคะ ....(เวลา...เปลี๊ยนไป)...???

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท