หนังสือเล่มนี้...เขียนเล่าถึงประวัติชีวิตของผู้เขียนเอง...ได้อย่างงดงามและได้อรรถรสมากที่สุด...นับเป็นการเขียนสารคดีชีวิต ที่คนรุ่นใหม่และนักเขียนใหม่น่าศึกษาอย่างยิ่ง
จากเด็กชายชนบท ได้รับการขัดเกลาจากหลวงตาที่วัดข้างบ้าน ก้าวสู่รั้วมหาวิทยาลัยต้นๆ ของประเทศไทย ก่อนเหินฟ้าข้ามมหาสมุทรไปร่ำเรียนต่างแดน
จากนั้นจึงหวลคืนแผ่นดินแม่...พบความไม่ชอบมาพากล...จนกลายเป็นผู้นำขบวนการนักศึกษาประชาชนต่ออำนาจเผด็จการ และเหตุการณ์ครั้งนี้นี่เอง ที่ได้ขีดทางเดินชีวิตในเวลาต่อมาราวถูกคำสาป...
การเดินเรื่องน่าติดตาม...ภาษาบาดลึกทิ่มแทงใจทุกห้วงบทห้วงตอน...แง่งามแง่มุมที่หยิบมาเขียนได้อย่างชาญฉลาด...ทำให้เป็นสารคดีที่เป็นราวดั่งนวนิยาย...
ผมชอบตอนท้ายเรื่องครับ...โดนใจผมและพี่น้องของผมมาก...ถ้ารู้อย่างนี้...เตี่ยกับแม่ไม่ต้องส่งผมเรียนหรอก...ให้ผมเป็นชาวนาดีกว่า...
อาจารย์เสกสรรค์เขียนบททิ้งท้ายไว้ว่า...
...เหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 เป็นการหักมุมครั้งใหญ่ในชีวิตของประเทศชาติ แต่ในนั้นก็มีการหักมุมของชีวิตคนหลายๆ คน รวมถึงทั้งตัวผมด้วย อันที่จริงการต่อสู่ดังกล่าวเป็นสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นไม่ว่าผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่
ผมเพียงแค่บังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งส่งผลกำหนดชีวิตผมมากกว่าที่ผมมีส่วนกำหนดมัน...
เช่นเดียวกับพ่อซึ่งต้องทิ้งอนาคตเพราะการขบถในวัยเยาว์ ผมต้องทิ้งอะไรไปหลายอย่างในสิบกว่าปีที่ผ่านมา
“ถ้ากูได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันดีคืนดีพ่อเคยบ่นออกมา
“ถ้ากูไม่ได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันไหนหงุดหงิดมาก ๆ ผมอาจจะบ่นให้ลูกตัวเองฟัง
เสรีภาพไม่เคยเป็นของฟรี.
...อยากให้ทุกท่านได้อ่านจังครับ...สุขสันต์กับการอ่านนะครับ....
....................................
มหาวิทยาลัยชีวิต
ผู้เขียน : เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
สำนักพิมพ์ : สามัญชน
พิมพ์ครั้งที่ 11 ปีที่พิมพ์ : 2545 จำนวน 144 หน้า
เป็นหนังสือที่ชอบมาก
โดนใจ
อ่านตอนเป็นนิสิตที่ มศว
ชอบข้อความนี้ครับ
“ถ้ากูไม่ได้เรียนหนังสือ คงไม่ต้องลำบากอย่างนี้” วันไหนหงุดหงิดมาก ๆ ผมอาจจะบ่นให้ลูกตัวเองฟัง