อินเดีย__ กับความเป็นมหาอำนาจผู้ผลิตยา

 

สำนักข่าวรอยเตอร์ตีพิมพ์เรื่อง "ตรวจสอบเข้มอินเดียหลังส่งยาไปสหรัฐฯ เพียบ", ผู้เขียนขอนำมาเล่าสู่กันฟังครับ

.

คณะผู้ตรวจสอบจากคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (US FDA) เดินทางไปตรวจสอบบริษัทผลิตยาในอินเดีย (เป็นบริษัทลูกของ Wockhardt อีกต่อหนึ่ง) หลังมีรายงานว่า ห้องส้วม และกองขยะอยู่ใกล้พื้นที่สะอาด ปลอดเชื้อ ที่ใช้การผลิตยาฉีด และอินซูลิน (เป็นยาฉีด) เพียง 6 เมตร

.

อินเดียเป็นผู้ผลิตยาพื้นฐาน หรือยาที่ใช้ชื่อสามัญ (generic drugs) และยาที่ขายได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยาจากแพทย์ (over-the-counter products) เกือบ 40% ในสหรัฐฯ

แถมยังผลิตยาสำเร็จรูป พร้อมใช้ได้ทันที (finished dosages) อีก 10% ในสหรัฐฯ

.

ก่อนหน้านี้บริษัทยาไดอิชิ ซังเกียว จากญี่ปุ่น ซื้อกิจการบริษัทแรนแบกซี (Ranbaxy)... เจ้าพ่อแห่งการผลิตยาอินเดีย

มีการตรวจพบว่า ยาของแรนแบกซีที่ส่งไปขายในสหรัฐฯ ไม่ผ่านเกณฑ์ด้านความปลอดภัยในการผลิตยา

ทำให้บริษัทนี้ถูกปรับ 500 ล้านดอลลาร์ฯ = 15,000 ล้านบาท ทำให้หุ้นบริษัทตกลง 42% ภายในไม่กี่เดือน

หลังมีข่าว FDA เข้าไปตรวจสอบการผลิตยา, หุ้นบริษัทยาหลายแห่งในอินเดียตกลง 17-79% ภายในไม่กี่เดือน

.

สหรัฐฯ นำเ้ข้ายาจากอินเดียมากเป็นอันดับ 1 โดยนำเข้ายาจากบริษัทมากกว่า 150 แห่ง

ยอดนำเข้ายาจากอินเดียเพิ่มเกือบ 32% ในปี 2555, คิดเป็นมูลค่า 4.23 พันล้านดอลลาร์ฯ = ประมาณ 134,812 ล้านบาท

ยาที่สหรัฐฯ นำเข้ามาจากอินเดียมากกว่า 1/3 ของรายการยาทั้งหมด

ก่อนหน้านี้ผู้เชี่ยวชาญเตือนสหรัฐฯ ว่า บริษัทยาในสหรัฐฯ ไม่ค่อยผลิตยาพื้นฐานเองแล้ว

.

ใช้วิธีนำเข้าวัตถุดิบในรูปยาพื้นฐาน นำไปตอกเม็ดยา บรรจุแคปซูล หรือผสมเป็นยาฉีดสำเร็จรูป

การพึ่งพิงจีนและอินเดียแบบสุดๆ ทำให้สหรัฐฯ และยุโรปขาดความมั่นคงด้านยาหลายชนิด

เช่น ถ้าจีนหยุดส่งยาไปขายสหรัฐฯ, กว่าสหรัฐฯ จะผลิตยาหลายอย่าง เช่น เพนนิซิลลิน ฯลฯ ได้ใหม่ จะต้องใช้เวลา 1-2 ปี

เนื่องจากหยุดผลิตไปนาน

.

Thank Reuters > http://www.reuters.com/article/2013/09/12/us-india-drugs-analysis-idUSBRE98B17C20130912