593. นางฟ้าใน "White House Down"


เมื่อวานก่อนไปดูหนังเรื่อง White House Down .. เป็นอะไรที่นึกว่าไม่แปลกใหม่มากนัก  เพราะเคยดู The Olympus has fallen หนังประเภทเดียวกัน คือผู้ก่อการร้ายยึดทำเนียบขาวได้  ไล่จับประธานาธิบดี แล้วก่อภัยคุกคามปล่อยระเบิดนิวเคลียร์ แต่ระหว่างนั้นผู้ก่อการร้ายโชคไม่ดีนัก เพราะถูกพระเอกที่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า ประมาณมาจากไหนไม่รู้ แต่ก็เข้ามาแทรกแซงจนสามารถกู้วิกฤติได้ในที่สุด 

                                                 

 

 กลายกลับเป็นว่า The White House Down  ดูแล้วก็มันส์ไปอีกแบบครับ เรียกว่าตื่นเต้นมากเหมือนกัน แต่ที่หนังเรื่องล่าสุดมันส์จริงจัง ก็คือมีเด็กเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เด็กหญิงคนนี้อายุเพียง 11 ขวบเท่านั้น เมื่อผู้ก่อการร้ายยึดทำเนียบได้ โลกตื่นตะลึง งงมาก ต่างพากันวิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นฝีมือกลุ่มหัวรุนแรงจากตะวันออกกลาง  แต่ในขณะที่ในทำเนียบขาวกำลังสับสน คนถูกกวาดต้อนไปรวมตามห้องต่างๆ เด็กคนหนึ่งที่ลงไปเข้าห้องน้ำก่อนกองโจรจะบุกยึดเพียงไม่กี่วินาที  กลับขึ้นมาเห็นกองโจรกำลังฆ่าคน ถึงแม้ตกใจ แต่ก็คุมสติได้ และเมื่อมีโอกาส เธอจึงแอบถ่ายคลิ๊ป โดยพวกโจรไม่รู้ตัว และก็อัฟโหลดขึ้น Youtube  ต่อมาโจรจับได้ แต่ก่อนจะจับได้เธอก็อัฟโหลดไปเรียบร้อยแล้ว และในเวลาไม่นานก็มีคนเข้าชมกว่า 100 ล้านครั้ง และไม่กี่นาที CIA และทหารก็เห็น แล้วเริ่มตามรอยจนรู้ว่าบรรดาโจรเป็นใครบ้าง มีความเป็นมาอย่างไร และทำให้ฝ่ายยุทธการวางแผนได้ตรงจุด  จนเริ่มชิงความได้เปรียบกลับมาเรื่อยๆ   เด็กคนเดียวกันนี้ยังเป็นส่วนสำคัญในตอนท้ายที่ทำให้ทำเนียบขาวพ้นจากการโจมตีจากฝ่ายเดียวกัน จนที่สุดทั่วโลกยกย่องเธอเป็นนางฟ้า 

 แน่นอนนางฟ้าน้อยเป็นเพียงตัวละครหนึ่งที่โดดเด่น จริงๆ ในวันนั้นโลกรอดจากหายนะนิวเคลียร์ได้ ไม่ใช่เพราะเธอเพียงคนเดียว มีตั้งแต่พระเอก ประธานาธิบดี คนสำคัญ และคนไม่สำคัญ นับสิบๆ ที่ทำงานเรียงร้อย ส่งข้อมูล ประสานงาน จนยึดทำเนียบขาวคืนได้  

ในมุมมองของผม หนังเรื่องนี้  ผมเห็นประเด็นที่น่าสนใจมากๆ คือ

การมีส่วนร่วมของทุกคน แม้กระทั่งเด็กอายุ 11 ขวบ และเราจะเห็นว่าจากการที่เด็กคนหนึ่งที่ดูไร้เดียงสา มีโอกาสเปิดให้เธอได้ใช้ความสามารถ ในการถ่ายวิดีโอ และอัฟโหลดขึ้น  Youtube   ตรงนี้ครับ คำว่า “การมีส่วนร่วม (Participation)” เป็นหัวใจสำคัญ ของแนวคิด OD ไม่ว่าจะผ่านมาทางเครื่องมือใด เช่น Appreciative Inquiry ที่ผมทำอยู่.. มักมีคนถามผมว่า เวลาทำ AI นี่ เราจะสุ่มอย่างไร...  นี่ครับคำถามที่ฮิตมาก เวลาคนทำ OD/AI .. ผมขอตอบครับว่าเราขอเชิญทุกท่านมามีส่วนร่วมครับ บางครั้งเราจึงเรียกว่า Whole System Inquiry .. เราเชิญมาทั้งระบบเลย... ลองคิดดูครับถ้าวันนั้นถ้าประธานาธิบดีประกาศว่า  เฉพาะฮีโร่บึกบึนที่สุดเท่านั้น จึงช่วยท่านได้ และบอกจะไม่สนใจใครเลย งานนี้สำคัญผู้มีคุณสมบัติที่ถูกกำหนดมาแต่ต้นเท่านั้น   เด็กคนนั้นจะถูกกันออก.. เพราะเธอไม่มีรูปแบบของฮีโร่แม้เพียงแต่น้อย..ความสามารถเธอไม่มีวันจะทำให้เธอมีคุณสมบติกู้โลกได้แน่นอน... เธอจะถูกกีดกันออก  ป่านนี้เราคนเป็นเถ้าไปแล้ว..  

                                

 

การมีส่วนร่วมจึงเป็นหัวใจสำคัญมากๆ ของการทำ OD ครับ หากเราจะพัฒนาองค์กร และตรงนี้แหละที่แยก OD ออกจากวิชา MBA ส่วนใหญ่.. OD เราดึงมาทุกคนครับ ตั้งแต่คนขับรถแม่บ้าน ยังนักขาย ..

 ในการทำ OD อย่างที่บอก ผมเห็นความมหัศจรรย์มามากครับ มีครั้งหนึ่งเราทำ OD (ทำเรื่อง Appreciative Inquiry, the Tipping Point, และ Happy Workplace) ให้กับภาควิชาหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น..  วันนั้นเราไปวางแผนกลยุทธ์ครับ แต่เราทำแบบ Whole System Inquiry วันนั้นทั้งคุณหมอ พยาบาล เจ้าหน้าที่ และแม่บ้านไปกันหมดครับ ...... พอถึงขั้นตอนวางแผน น่าสนใจมากครับ มีแม่บ้านคนหนึ่งที่ทำหน้าที่ซื้อกับข้าวแล้วส่งให้คุณหมอกับพยาบาล เธอบอกว่า “... ทุกวันนี้เห็นหมอกับพยาบาลเข้าห้องผ่าตัด รู้สึกสงสาร เพราะเวลาผ่าตัดนานๆ ตอนพักทานข้าว ได้ทานแต่อาหารซ้ำๆ สิ่งที่ดิฉันอยากเสนอก็คือ ดิฉันจะไปหาแม่ครัวเก่งๆ ที่ตอนนี้ดิฉันรู้จักหลายคน จะไปขอให้เขาช่วยเตรียมกับข้างให้คุณหมอ ให้หลากลายเมนูมากขึ้นค่ะ...” 

 เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจ ระคนประทับใจ คุณหมอและพยาบาลถึงกับตบมือให้คุณแม่บ้านดังๆ และบอกว่าชอบมากๆ

 นี่ไงครับ วันนั้นถ้าแม่บ้าน ที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ไม่มีการศึกษาสูงส่งอะไร ไม่ถูกเชิญไปร่วมงานด้วย เราคงเห็นแผนกลยุทธ์แห้งๆ เช่นเป็นที่หนึ่งของภาคอิสานในเรื่องนี้ .. พอกลับมาหมอกับพยาบาลก็มุ่งมั่นทำงาน โดยไม่ได้มีคุณภาพชีวิตที่แตกต่างไปแต่อย่างไร พอดึงการมีส่วนร่วมจากแม่บ้าน ได้เรื่องเลยครับ ได้กระบวนการทำงาน ที่ส่งเสริมคุณภาพชีวิตขึ้นมา โดยใช้งบประมาณเท่าเดิมด้วย ซึ่งอาจารย์หมอที่ผมคุยด้วยก็ประทับใจเรื่องนี้ที่สุดเหมือนกัน... 

                                                                      

ไม่ว่าคุณจะจบมาสายไหน ในวันที่คุณให้โอกาสนางฟ้าน้อย หรือแม่บ้าน มามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนองค์กรที่ยิ่งใหญ่ของคุณ คุณกำลังทำ OD อยู่ ผมบอกได้เลยว่า "คุณจะเห็นความมหัศจรรย์" แน่นอนครับ

 

วันนี้เพียงเล่าให้ฟัง ลองเอาไปพิจารณาดูนะครับ

Reference: 

The first picture retreived Sept 7, 2013 from http://www.comingsoon.net/films.php?id=88691

The second picture retreived Sept 7, 2013 from http://blackfilm.com/web/blog/2013/03/26/white-house-down/

The third picture retreived Sept 7, 2013 from http://bangkok.olxthailand.com/iid-497834029

 

 

หมายเลขบันทึก: 547599เขียนเมื่อ 7 กันยายน 2013 08:21 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 กันยายน 2013 08:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

น่าดูมากเลยครับ

ขอบคุณครับที่แนะนำ

เคยเจอมหัศจรรย์แบบนี้มาแล้วจริงๆ

 

พี่ชมแล้วค่ะ ชอบแนวคิดการดำเนินเรื่อง

และมุมมองให้ความสำคัญกับทุกชีวิตค่ะ

ขอบคุณค่ะ

สวัสดีค่ะ  อาจารย์ภิญโญ

- ชีวิต ปกติ  ไม่ค่อย ได้ดู ภาพยนตร์  เลยค่ะ  (  ดูทีไร  หลับทุกคราว )

- ขอบคุณ  อาจารย์  ที่มาแนะนำ  /// จะลอง พยามยาม สักครั้ง นะคะ

ขอชื่นชมบทความในบันทึกของอาจารย์เสมอ ทำให้ผมอยากดูหนังแบบอาจารย์บ้างครับผม

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท