" รศ.นพ.สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ หน่วยโรคหัวใจ
ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
กล่าวว่า ปัญหาศีรษะล้านแบบผู้ชาย หรือที่เรียกว่า “เมล แพทเทิร์น บอลด์เนส”
(male pattern baldness) ลักษณะ คือ ศีรษะล้านเหมือนขุนช้าง ล้านตรงกลาง
แต่บริเวณขมับ 2 ข้างยังมีเส้นผมอยู่ คนกลุ่มนี้อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าคนปกติ
โดยเฉพาะคนศีรษะล้านและมีภาวะอ้วนร่วมด้วย ไม่ได้หมายความว่าศีรษะล้านอย่างเดียว
ในกรณีศีรษะล้านแล้วรูปร่างผอม ความเสี่ยงอาจน้อยลง
ผู้ชายศีรษะล้าน มักจะมีฮอร์โมนเพศชายมาก คือ
แอนโดรเจนและเทสโทสเตอโรน ผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากฮอร์โมนในเพศหญิงจะเป็นตัวป้องกันคอเลสเตอรอลไม่ให้ไปจับในหลอด
เลือดหัวใจ
การที่ผู้หญิงมีฮอร์โมน เอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน จะช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปสะสม
ทำให้ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ ยังไม่หมดระดูมีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจน้อยกว่าผู้ชาย
ปัจจุบันพบผู้เสียชีวิต
และผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยเฉพาะผู้ชาย
ดังนั้นผู้ชายที่มีภาวะอ้วน หัวล้าน ผมบาง สูบบุหรี่ เป็นโรคเบาหวาน
โรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง มีความเสี่ยงมากที่สุด ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายเป็นประจำทุกปี
ถ้ามีอาการเหนื่อย แน่นหน้าอกควรปรึกษาแพทย์เร็วขึ้น นอกจากนี้ควรควบคุมอาหาร รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย
ด้าน นพ.สุขุม
กาญจนพิมาย รองอธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข
กล่าวว่า ผู้ชายมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจมากกว่าผู้หญิง ซึ่งโรคนี้มีทั้งปัจจัยที่ป้องกันได้และป้องกันไม่ได้
อย่างไรก็ตามไม่ได้หมายความว่า ผู้ชายศีรษะล้านจะมีความเสี่ยงทุกราย ต้องมีปัจจัยอื่นร่วมด้วย
เช่น ภาวะอ้วน การสูบบุหรี่
ปัจจัยที่ไม่สามารถป้องกันได้คือ อายุ เพศ ผู้ชายมีความเสี่ยงมากกว่าผู้หญิง
คนที่มีอายุมากก็มีความเสี่ยงมากขึ้นเราจะไปแก้เรื่องเพศ และอายุคงไม่ได้ หรือบอกว่าศีรษะล้านเพราะฮอร์โมนเพศชายเยอะ
แล้วไปกินยาฮอร์โมนก็ต้องคำนึงถึงผลข้างเคียงอย่างอื่นที่จะตามมาด้วย
สิ่งที่อยากแนะนำ คือ
ปัจจัยเสี่ยงหลายอย่างสามารถป้องกันและแก้ไขได้ เช่น การสูบบุหรี่ ออกกำลังกาย
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ งดอาหารหวาน มัน เค็ม คนที่มีโรคประจำตัว
เป็นโรคความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ก็ต้องพยายามรักษา โอกาสเสี่ยงก็ลดลง
ที่บอกว่าคนศีรษะล้านมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจนั้น เป็นเพียงการ
ติดตามสังเกต ถามว่ามีประโยชน์หรือไม่ก็มีเพราะทำให้เรารู้ว่ามีปัจจัยเสี่ยงมีอะไรบ้าง
งานวิจัยฉบับนี้เป็นการเตือนว่ากลุ่มไหนควรใส่ใจดูแลสุขภาพตัวเองให้มาก สิ่งสำคัญที่สุด
คือ พวกเราทุกคนควรใส่ใจสุขภาพและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตัวเอง
อย่างสมัยก่อนบอกว่า
หูมีติ่ง อาจมีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจมากขึ้น ตรงนี้คือสิ่งที่เกิดจากการสังเกต ทำให้เรารับรู้ว่าลักษณะดังกล่าวอาจมีโอกาสเป็นโรคได้
ต้องมีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็น เพราะอย่างที่บอกปัจจัยที่เราสามารถป้องกันได้เยอะมาก
สรุป คือ
ไม่ใช่ว่าศีรษะล้านแล้วมีความเสี่ยงทุกคน
เพราะในปัจจุบันพบว่า คนที่ยังหนุ่มแน่น ผมดกเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเช่นกัน คนศีรษะล้านไม่จำเป็นต้องเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจทุกคน
หากมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ความเสี่ยงก็น้อยลง
ท้ายนี้แนะนำว่า ผู้ชายที่อายุเกิน 40-45 ปี
ผู้หญิงอายุเกิน 50 ปีขึ้นไป หรืออยู่ในวัยหมดประจำเดือนแล้ว
ควรไปตรวจร่างกายเป็นประจำ และกลุ่มที่ควรจะไปตรวจเช่นกัน คือ
ผู้ชายศีรษะล้านที่เป็นกรรมพันธุ์ มีภาวะอ้วน สูบบุหรี่ มีโรคประจำตัว
โดยหลัก คือ ทุกคนควรตรวจร่างกายทุกปีไม่เฉพาะคนศีรษะล้านเท่านั้น "
(ขอบคุณ ผู้ชายหัวล้านฯ เสี่ยงเป็นโรคหัวใจ จากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คอลัมน์ X-RAYสุขภาพ )
ไม่ว่าจะล้านหรือไม่ ก็ควรใส่ใจสุขภาพไว้เสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคในร่างกายนะคะ
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
วันจันทร์ที่ ๒๙ กรกฏาคม พ.ศ ๒๕๕๖
-สวัสดีครับพี่ดา...
-ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ..
-"สรุป คือ ไม่ใช่ว่าศีรษะล้านแล้วมีความเสี่ยงทุกคน เพราะในปัจจุบันพบว่า คนที่ยังหนุ่มแน่น ผมดกเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเช่นกัน คนศีรษะล้านไม่จำเป็นต้องเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจทุกคน หากมีพฤติกรรมที่เหมาะสม ใส่ใจดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง ความเสี่ยงก็น้อยลง"
-ขอนำไปบอกต่อนะคร้าบ...55