มะกรูด...กับแกงเขียวหวานไก่!!!


แกงเขียวหวานไก่ ขาดมะกรูดไปไม่ได้เลย...

แกงเขียวหวานไก่ ขาดมะกรูดไปไม่ได้เลย...
สิทธิการิยะ ท่านว่าไว้
ถ้าหามะกรูดไม่ได้ อย่าทำเลย
แกงเขียวหวานนั้นจะหมดความหอม หมดรสชาติไปในทันที!


 

วันนี้ทำแกงเขียวหวานไก่มาฝากคุณผู้ชม ภาพอาจจะไม่ค่อยครบทุกขั้นตอน เพราะทำไป ถ่ายรูปไป
มือเปื้อนรอยตำน้ำพริกแกงเขียวหวาน..เอ๊า!ไปล้างมือก่อน
หันมาคั้นกะทิ!...เอ๊าไม่ได้ถ่ายรูปไว้อีก...

สููตรนี้ได้ประมาณครึ่งหม้อใหญ่

เครื่องปรุงน้ำพริกแกงเขียวหวานก่อน
1.มะกรูดถ้าลูกใหญ่ 1 ลูก ลูกเล็ก 2ลูก(ที่นครศรีธรรมราชหายากมากเลย  บางทีทั้งตลาดไม่มีขายนะคุณผู้ชม!)
2.รากผักชี 4- 5ต้น
3. ตะไคร้ 2 ต้น
4.หัวกระเทียม 2 หัว(วันนี้รีบขออนุญาติใช้กระเทียมจีน) ถ้าเป้นกระเทียมไทยกลีบเล็ก โน่นเลย..2-3 ช้อนโต๊ะ!
5พริกขี้หนูสวนสัก 3 ช้อนโต๊ะ ถ้าชอบเผ็ดก็ใส่มากกว่่่านี้อาจจะ 4 ช้อนโต๊ะ ห้ามเด็ดก้านทิ้งนะจ๊ะ

*****พริกขี้หนูสวน เม็ดจะเล็ก ที่นครศรีฯตอนนี้กิโลละ 200 บาท****
6.ข่าสักครึ่งแง่ง(ถ้าหั่นแว่นๆก็ประมาณ 5 -6 แว่น)
7.กะปิอย่างดี  1 ช้อนโต๊ะครึ่ง

ส่วนผสม
1.ไก่ เลือกเอาเฉพาะน่องใหญ่ จำนวน 4 น่อง (เนื่องจากเนื้อจะเหนียวกว่าส่วนอื่น
เพราะไก่ฟาร์มสมัยนี้ 60 วันเขาก็จับขายแล้ว! เนื้อจะยุ่ยง่ายมาก!
2.เลือดไก่ 1 ก้อน
3.ตีนไก่(ถ้าชอบ) จำนวน 6 -10 ตีน
4.เครื่องในไก่ (กิโลละ 100 บาท!) ถ้าชอบก็ใส่ แต่อย่าใส่มาก (วันนี้ไม่ได้ใส่ให้นะคุณผู้ชม)
5.มะเขือเปราะ ครึ่งกิโลกรัม
6.มะเขือพวง 10 บาท(ประมาณ 1 ขีด!)
7.ใบโหระพา 5 บาทประมาณ 2 -3 ต้น
8.ใบมะกรูดฉีก 5-10 ใบ
9.พริกชี้ฟ้าแดง 2 ดอก หั่นแฉลบ(แต่วันนี้ไม่มี!)
10. มะพร้าวขูด ครึ่งกิโล ถ้าชอบข้นๆก็เกือบกิโล
****สำหรับคุณแม่บ้านที่ไม่สะดวกคั้นเองก็กะทิกล่อง 2 กล่องไปโลด******

เครื่องปรุงรส
1.เกลือป่น ครึ่งข้อนชา
2.น้ำปลาดี (ที่บ้านใช้เมกาเชฟ) 4 ช้อนโต๊ะ
3.น้ำตาลมะพร้าวอย่างดี!!!(สั่งตรงมาจากกระทุ่มแบน!) จำนวน 4 ช้อนโต๊ะ
แค่นี้ก็หวานพอแล้ว อย่ามากไปเดี๋ยวจะเลี่ยนซะเปล่าๆ!


วิธีตำน้ำพริกแกง  อย่างละเอียด
1.จัดแจงล้างพริกขี้หนูสวน ทั้งก้าน สังเกตดูว่าถ้าก้านไหนดำเด็ดทิ้ง ก้านที่สดๆคงไว้ ล้างแล้วผึ่งให้สะเด็ดน้ำ
2.ล้างส่วนผสม เช่น ข่า ตะไคร้ กระเทียม รากผักชีต้องล้างให้สะอาด เอาเศษดินออกให้หมด
3.ผึ่งให้แห้งสักประเดี๋ยว แล้วจัดแจงหั่นหยาบๆ โยนใส่ครกลงไป
****ถ้ามีแรงเยอะก็หั่นหยาบๆไปเลย  ถ้าไม่ค่อยมีแรงตำก็หั่นละเอียดหน่อยค่า***
4.ใส่กระเทียม(ปอกเปลือกด้วยนะจ๊ะ!) พริกขี้หนูทั้งก้าน รากผักชีนี่หั่นให้ติดล้ำต้นมาเกือบครึ่งต้น
หรือประมาณ 1-2 นิ้วจากส่วนโคนรากน่ะจ้ะ(ถ้าอยากให้น้ำแกงเป็นสีเขียวมากก็ใส่ทั้งต้นได้เลย)
5.โยนตะไคร้ที่หั่นแล้ว ตามด้วยข่าหั่นแว่นลงไป
6.เอาล่ะ! ลงมือตำ ตำ ตำ....ตำมันเข้าไปจนกว่าก้านพริกขี้หนูจะมองแทบไม่เห็นนั่นแหละ
ขั้นตอนนี้ใช้เวลาสำหรับเดี๊ยนประมาณ 8 -10 นาที!
7.จะเกิดอาการหน้ามืดเล็กน้อย  เหงื่อกาฬแตกพลั่ก! หิวน้ำด้วย จัดแจงลุกไปกินน้ำ  ล้างหน้าล้างตาตั้งน้ำพริกแกงไว้ในครกอย่างนั้นก่อน!
*****อ้อ! ก่อนจะล้างหน้านั้น กรุณาล้างมือก่อนนะ! แล้วค่อยเอามือไปรูปหน้า  ดูว่ามีเศษพริกกระเด็นติดมือมามั้ย***
เดี๋ยวจะลืมตาไม่ขึ้นกันพอดี!
วิธีคั้นกะทิ
1.ใช้น้ำอุ่นที่ต้มแล้วรินใส่ประมาณปริ่มๆมะพร้าวที่ขูด ทีนี้ก็ขยำ บีบ เค้น บีบๆๆๆในกาละมังหรือหม้อขนาดย่อม
2.หาหม้อมาอีก 1 ใบ วางกระชอนลงไปที่ปากหม้อ
เอากระชอนมากรองโดยบีบมะพร้าวที่ในมือเราลงไปที่กระชอน เพื่อให้น้ำที่บีบออกมาได้(เขาเรียกน้ำกะทิ) ทำเช่นนี้ไปจนกว่าจะบีบมะพร้าวหมด
3. สื่งที่ได้มาจากการบีบครั้งแรกเรียกว่า หัวกะทิ ได้แค่ไหนก็แค่นั้น ประมาณ 2ถ้วยกาแฟใบใหญ่(ถ้วยมัค)
4.กดน้ำอุ่นใส่ลงไปในกากมะพร้าวที่เหลือจากการบีบครั้งแรก ประมาณ 2 ถ้วยกาแฟอีก
5.ทีนี้ก็คั้น อ๊ะๆๆ!! แยกถ้วยหรือหาภาชนะอื่นมาใส่นะ อย่าไปปนกับหัวกะทิจ้ะ


ขั้นตอนต่อไป
1.สับไก่ค่ะ  ล้างทั้งน่องใหญ่ๆก่อนแล้วค่อยสับ หามีดที่คมกริบ เขียงขนาดกลาง จัดแจงสับไก่ชิ้นประมาณครึ่งนิ้ว ไม่ต้องใหญ่มาก แต่อย่าเล็กมากถ้าเล็กไปเดี๋ยวจะแหลก  สับเป็นชิ้นๆไว้แล้ว ไม่ต้องเอาไปล้างน้ำแล้วนะคะ
2.สับเลือดไก่ ขนาดชิ้นพอดีคำ พักไว้(อย่าหั่น! เลือดไก่มันจะเป็นผุยๆ ขึ้นมา)ออกแรงสับแค่เบาๆ
3.หั่นมะเขือเปราะ ถ้าลูกใหญ่หั่น 4 ซีก ลูกเล็กหั่นสองซีก แช่น้ำเกลือไว้มะเขือจะได้ไม่ดำค่ะคุณผู้ชมขา
4.มะเขือพวงเด็ดๆๆแช่น้ำไว้ ใบโหระด้วย ใบมะกรูกค่อยไปฉีกตอนจะยกแกงขึ้นจากเตาค่ะ
5.คั้นกะทิเแล้วตรียมตัวแกงได้

วิธีแกง
1.กะทะค่ะ เอาตั้งเตา  ไฟกลางๆไม่ต้องแรงมาก จัดแจงเอาหางกะทิสักครึ่งนึงเทลงไปในกะทะ

2.น้ำพริกแกงที่อยู่ในครกตักขึ้นมาใส่ให้หมด เสียดายอย่าให้ติดครกเป็นอันขาด อุตส่าห์ตำเกือบตาย!
3.ผัดน้ำพริกแกงให้หอมฟุ้งไปทั่วบ้าน ใส่กะปิลงไปด้วยเติมหัวกะทิลงไปหน่อยนึง ผัดอย่าให้แตกมัน
ขั้นตอนนี้ใช้เวลา  1-2  นาทีก็พอแล้ว



4.แค่สักประเดี๋ยวใจ ให้น้ำพริกแกงเริ่มเดือดปุดๆเล็กน้อย ก็เอาไก่ที่สับไว้ใส่ลงไปค่ะ



ตามด้วยเลือดไก่ค่ะคุณผู้ชม(ในภาพจะเห็นมะเขือก่อน เพราะผู้เขียนลืมอิอิ!)



5.สังเกตดูว่าถ้าน้ำเริ่มแห้งก็ค่อยๆเติมหางกะทิลงไปจนหมด

6..ใส่เกลือเท่าไหร่???   ครึ่งช้อนโต๊ะ!!!
7..ใส่น้ำตาลลงไป 3 ช้อนโต๊ะก่อน แล้วชิมดูว่ารสชาติเป็นไง จืดอยู่!!!ใช่มั้ย
8.ค่อยๆใส่น้ำปลาดีลงไป(กลัวจะกระเด็น) สัก 2 ช้อนโต๊ะก่อน ชิมใหม่ทีนี้!
9.อือม..รสชาติยังไม่เข้มข้นเท่าไหร่ใช่มั้ย ใส่น้ำปลาลงไปอีกหน่อยนึง ตามด้วยน้ำตาลปี๊บอีกสักหัวแม่มือจ้ะ
10เอาล่ะ...พอไก่ยังไม่สุกดีนัก เกือบๆสุก ก็ใส่มะเขือเปราะลงไปเลย

 


เร่งไฟกลางให้เป็นไฟแรงสุดๆๆจนร้อนจัดแกงเดือดพล่านแล้วรีบใส่มะเขือ
อย่าช้า เดี๋ยวมะเขือจะดำซะก่อน (ในรูปมีมะเขือยาวด้วยเพราะเกรงใจคนที่บ้านรักษารากฟันอยู่ อิอิ...)

11. พอมะเขือใกล้จะสุก ใส่มะเขือพวง ใบโหระพา ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบอยู่ไหน??
12.ใส่ปุ๊บ เอาตะหลิวกดๆๆให้น้ำท่วมข้อ 11 ปิดแก๊สทันที!!!


*สำคัญสุดๆ... ยกลงจากเตาแล้ว หัวกะทิที่เหลืออยู่ครึ่งถ้วยนั้น
ค่อยๆราดลงไปในหม้อ

อย่าปิดฝาหม้อก่อนนะจ๊ะ  (รอให้เย็นลงก่อน ค่อยปิดจ้ะ)


(ตักไก่มาแค่ 3 ชิ้น พอดีชอบกินเลือดดดดไก่!555)

จะได้แกงเขียวหวานไก่ที่ไก่ไม่เละ มะเขือที่เกือบสุกเมื่อกี๊ ไม่ต้องกลัว ประเดี๋ยวความร้อนจากหม้อ
จะทำให้มะเขือนิ่มปร๋อยเลย ยิ่งหม้อแสตนเลสไม่ต้องพูดถึง มะเขือเละง่ายมาก
ใครที่ชอบมะเขือนิ่มๆก็รอให้สุกเต็มที่ค่อยยกลงจากเตาค่ะ

รับประทานกับขนมจีนเท่านั้น ขอบอก!!!



(ใครมีปลาสลิดแดดเดียว รีบทอดส่งมาให้หน่อยเถิด
**)



 

หมายเลขบันทึก: 539999เขียนเมื่อ 20 มิถุนายน 2013 18:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 24 มิถุนายน 2013 14:02 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

อร่อยมากมายแน่ๆส่งมาทันอาหารค่ำไหมค่ะ ถ้าไม่ทันพรุ่งนี้ จะซื้อขนมจีนรอนะคะ ขอบคุณมากค่ะ

ครูนกไม่เคยทำแกงเขียวหวานมาเลยค่ะ......ได้ความรู้ "เขียวหวานต้องคู่กับมะกรูด"


วันนี้ทำเลี้ยงมิตรรักแฟนเพลงไป 2 คณะ กับ 1 ครอบครัว
ตำน้ำพริกเองไป 2 ครกใหญ่!
ถ้าสูตรหม่อมหลวงเนื่อง นิลรัตน์ แห่งชีวิตในวัง และชีวิตนอกวังที่ลงในพลอยแกมเพชร
ท่านจะใช้สากไม้ แต่ครกเป็นครกหิน!
(ของข้าพเจ้า ครกหิน สากหิน! เพราะทนรอสากไม้ไม่ไหว กว่าก้านพริกขี้หนูจะแหลก..).

สูตรนี้เห็นคุณยาย คุณย่า ป้า แม่ ทำมาตั้งแต่เด็กๆ(เป็นสูตรประจำตระกูล  อิอิ..)
ไม่อยากจะอวดเลยว่า แม่ยังชมว่าลูกสาวทำอร่อยกว่าแม่อีก...(โห.....แม่ยอลูกมากไปปล่าว!)
แต่มาอยู่จ.นครศรีธรรมราช ได้ทำเลี้ยงคนที่เรารักใคร่ชอบพอ ทั้งส่วนตัวและงานบุญกุศล
ได้รับคำชมว่า..........(ขอให้คุณผู้ชมไปทดลองทำดู แล้วชิมก่อนปรุง! ตามใจชอบ)

ขอบพระคุณทุกท่านที่ให้กำลังใจ

มือใหม่หัดโพสต์!

เห็นแล้วน้ำลายสอ อยากทานมาก...ของชอบครับ..

ดูภาพแล้วน่ากินมากเลยครับอาจารยฺแค่เห็นก็หิวข้าวแล้วครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท