โรคจิตของคนไทย


โรคจิตของพวกหมอจิต

นักจิตวิทยาไทยเรานั้นก็ไม่ต่างอะไรมากนักกับหมอไทย  หรือวิศวกรไทย หรือนักเศรษฐศาสตร์  รัฐศาสตร์ สังคมศาสตร์  คือ ลอกทฤษฎีฝรั่งมาใช้แบบทั้งดุ้น  โดยไม่คิดว่าคนไทยเราต่างจากฝรั่งมากหนักหนา แบบหน้ามือหลังเท้า

สำหรับนักจิตฯ ที่นิยมมากก็คือทฤษฎีของมาสโลว์ (Maslow)  ที่กำหนดว่ามนุษย์มีความต้องการแบบปิรามิด จากหยาบๆ ไปหาละเอียด  ซึ่งผมได้เขียนวิจารณ์มามากว่า มันเป็นเพียงแค่ systematic commonsense เท่านั้นเอง ไม่เห็นจะน่านิยมตรงไหน อีกทั้งผมว่ายังผิดอีกต่างหาก  เพราะให้ความสำคัญกับ “ความต้องการทางเพศ” น้อยมาก ซึ่งค้านกับทฤษฎีของ Sigmund Freud อย่างแรง 

สำหรับผมค่อนข้างจะเข้าข้าง Freud (มากกว่า) ..นี่ว่าตามหลักโลกีย์ นะ 

แต่ทั้งฟรอยด์ และมาสโลว์ ต่างก็ไม่มีทักษะด้านโลกุตระ  เขาทั้งสองก็เลยมองเห็นเพียงแค่นั้นแหละ  ...เขาคิดว่าสูงสุดของมนุษย์ก็คือความสุขด้านโลกีย์ 

ทั้งที่ความสุขด้านโลกุตระ นั้นแม้เพียงสมาธิขั้นต้นๆ  ก็เสวยสุข ดื่มด่ำ ได้เป็นวันๆ  คืนๆ แล้ว  ส่วนความสุขโลกีย์นั้นเพียงชั่วครู่ เพียงเสี้ยวนาที หรือวินาที เท่านั้นเอง 

อีกอย่าง...ระบบคิดฝรั่งต่างจากไทยเรามาก เพราะเขาคิดแบบ ปัจเจก  ส่วนไทยเราคิดแบบเชื่อมโยงกับญาติ  ดังนั้นความสุขใจของคนไทยต่างจากฝรั่งฟ้ากะเหว  ของเราเป็นความสุขร่วม แต่ฝรั่งเป็นความสุขเดี่ยว

แต่แล้วนักจิตไทยก็ไปสมาทานระบบจิตวิเคราะห์แบบฝรั่งมาใช้กับคนไทยเฉยเลย แบบว่าลอกมาทั้งดุ้น สอนกันต่อๆกันมาเรื่อยๆ  อย่างน่าหยะแหยง 

ไม่ต่างอะไรกับหมอไทยที่ไปสมาทานอาหารห้าหมู่ แคลอรี่ ๒๐๐๐ ต่อวัน น้ำ ๑๐ แก้วต่อวัน มายัดให้คนไทย  ส่วนวิศวกรไทยก็ไปสมาทานการตั้งความเย็นแอร์ที่ ๒๕ องศา ความชื้นสัมพัทธ์ ๕๐ ปซ. 

ซึ่งผมได้พยายามตามแก้มาตลอดยี่สิบปีที่ผ่านมา แต่ยังไร้ผล  เพราะเราเป็นคนตัวน้อย  เสียงค่อย  สู้พวกตัวใหญ่ เสียงดังเขาไม่ไหวหรอก

..คนถางทาง (๖ มิถุนายน ๒๕๕๖)


หมายเลขบันทึก: 538231เขียนเมื่อ 6 มิถุนายน 2013 05:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 มิถุนายน 2013 05:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)

เขาเรียกว่าเอาของเขามาโดยไม่วิเคราะห์ดูตนเองเลย..ว่าใช่กับวิถีชีวิตหรือวัฒนาธรรมของตนเองได้ไหม

เป็นแบบนี้ทั้งระบบแล้ว จะแก้ไขยังไงดีคับ 

พี่คนถางทางคะเราเป็นเด็กรุ่นเก่า อาหารการกินไม่หรูหราเหมือนเดี๋ยวนี้ เราจึงตัวเล็กค่ะพี่ ส่วนเด็กๆสมัยนี้ตัวใหญ่แต่ใจยังน้อยเหลือเกินความคิดอ่านยังไม่กว้างเท่าเด็กสมัยเราหรอกค่ะพี่ว่ามั๊ยคะ

เป็นบันทึกที่สะกิดใจนักกิจกรรมบำบัดจิตสังคมอย่างผมเช่นกัน ที่พยายามบูรณาการความรู้จากตะวันตกกับบริบทไทย ซึ่งแท้จริงแล้วใช้ได้บางส่วนหรือส่วนน้อยจริงๆ ขอบคุณมากครับผม

..เห็นนก..พี่..บอกว่า..ไม้...เห็น..ปู..น้องบอกว่าปลา..."นั่นแน่..รักกันจริงไงล่ะ..".รัก หลัก..โลกี..ยะ..อ้ะะๆ..(แอบคิด..ยายธี..)

มี หมอจิต (dr. pop) กล้าออกมาถูกสะกิดแบบนี้ คนถางทางดีจั๊ยๆ  และขออภัย ที่อาจสะกิดด้วยคำพูดแรงไปบ้าง ตามสไตล์คนถางทาง (ที่คงเป็นโรคจิตชนิดหนึ่งแน่ๆ อิอิ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท