ผมอ่านหนังสือชีวประวัติของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ที่เขียนโดย Walter Isaacson ที่โด่งดัง ผมเคยอ่านอัตชีวประวัติของ สตีฟ จอบส์ ที่เขียนโดยผู้แต่งท่านเดียวกันนี้ และเขียนบันทึกตีความไว้ที่นี่ครับ เล่มนั้นผมอ่านจบโดยใช้เวลาไม่นาน แต่เล่มนี้ผมใช้เวลาประมาณเกือบ 1 เดือน (เวลาคือปัญหาจริงๆ)
ผมอ่านหนังสือเล่มนี้ด้วยความสุขและความทุกข์ ความสุขเกิดขึ้นระหว่างที่ได้เรียนรู้ความจริงของธรรมชาติ และรู้ว่า ความจริงแล้ว แม้แต่อัจฉริยะบุคคลอย่างไอน์สไตน์ ก็มีลักษณะบางอย่างที่ผมเองก็คิดว่าเป็นข้อบกพร่องของตนเอง แต่ที่ทุกข์เพราะบางเผลอจมเข้าในเนื้อหาที่แสนเศร้าสลดที่ผู้เขียนถ่ายทอดออกมาได้อย่างเห็นภาพและระทึกอยู่ตลอดเล่มเทียว ผมอยากเก็บประเด็นหรือตีความเพื่อแลกเปลี่ยนกับทุกท่านที่ได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ในประเด็นต่อไปนี้ครับ
ให้ผมเขียนตีความ คงไม่จบง่ายๆ เพราะผมประทับหลายอย่างในหนังสือเล่มนี้จริงๆ อยากเชิญให้นิสิตทุกคนที่เรียนวิชาฟิสิกส์ 1 อ่านหนังสือเล่มนี้ให้จบ แล้วมาตีความกันดูจะสนุกกว่า
การได้อ่านหนังสือที่ดีมีคุณค่า...สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างยอดเยี่ยมนะคะ
สุดยอดเลยครับอาจารย์ ผมได้ความรู้ และconcept จากหนังสือเล่มนี้ที่ไม่เคยทราบมาก่อนเยอะเลยครับ ต้องติดตาม อ่านทุกเรื่องย้อนหลัง ที่อาจารย์ได้บันทึกไว้
เป็นหนังสือที่น่าสนใจมาก
คิดว่า เขาเป็นคนที่มีจินตนาการมาก แถมมีความเพียรสูงครับ
พลังสมาธิสำคัญจริงๆ นะครับ
อ่านจบแล้วรู้สึกว่าตอนเองกำลังจะเป็น Scientist
ขอบคุณท่านอาจารย์ที่แนะนำหนังสือดีดี ครับ
ผมขออนุญาตวิเคราะห์ต่อจากบทความของท่านอาจารย์น่ะครับ จากการที่ได้ศึกษาประวัติของไอสไตน์ ก็ทราบมาว่า เขาไม่ได้เข้าโรงเรียนเรียนเองที่บ้าน (non-formal education) เลยคิดว่า การที่เขามีทักษะการใช้จินตนาการในการสร้างทฤษฎี อาจเป็นเพราะประสบการณ์ที่ได้เห็น และได้เรียนรู้ในวัยเด็ก ประจวบกับการที่ได้เรียนรู้ตามความชอบของตนเองที่บ้าน จึงเป้นที่น่าสนใจ ว่าคนเก่ง ที่มาถูกทาง มีความสามารถหลายคน ไม่ได้สำเร็จการศึกษาในสถานศึกษา หรืออาจจะเป็นเพราะว่า เขาเหล่านั้นได้เรียนรู้แบบ Creative-based learning โดยไม่รู้ตัว กันแน่
ผมเคยอื่นหนังสือ ไอสไตน์ พบ พระพุทธเจ้าเห็น ของนักเขียนท่านหนึ่งขออภัยที่จำไม่ได้ ก็พบว่า บุคคลทั้ง 2 ท่านน่าจะมีการเกี่ยวโยงกัน