บ้านชานเมือง (๓๔) สามสีผจญภัย


การต่อสู้เพื่อลูกทั้งสองที่เหลืออยู่ อย่างกล้าหาญ อีกครั้งของเจ้าสามสี...

       ช่วง ๑ เดือนที่ผ่านมา บ้านชานเมืองได้มีโอกาส ต้อนรับสมาชิกใหม่ คือ เจ้าสามสี....เจ้าสามสีมาจากไหน ไม่ทราบแต่มันมาร้องขออาหารที่ข้างบ้าน....อาม่าออกไปดู เห็นมันมาพร้อมด้วยลูกอยู่ในท้อง....ก็เกิดความสงสาร เอาอาหารของคนที่พอมีเหลือออกไปให้มันกิน มันกินอย่างรวดเร็วจนหมด อาม่าต้องหาเพิ่มเติมให้.....และแล้วเจ้าสามสีก็มาร้องขออาหารจากอาม่าเป็นประจำ พร้อมเดินตามอาม่า ไม่ว่าอาม่าจะเดินไปบริเวณไหนของบริเวณรอบ ๆ บ้าน.....เจ้าสามสีมาร้องขออาหารบ่อยขึ้น คงเพราะต้องการอาหารไปเลี้ยงลูกที่อยู่ในท้องมากขึ้น...จนอาม่าต้องสั่งให้ซื้ออาหารเม็ดมาเลี้ยงเจ้าสามสี........

      หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป เจ้าสามสีท้องโตขึ้นเรื่อย ๆ และอาม่ามีโปรแกรมไปเที่ยวกับลูกศิษย์  หน้าที่ให้อาหารเลยต้องตกมาเป็นของอากง...ที่ต้องเฝ้าบ้าน.......อยู่ ๆ เจ้าสามสีก็หายไป ไม่มาขออาหารอีก......อากงเป็นห่วงเจ้าสามสีมาก แต่ก็ไม่รู้ว่าเจ้าสามสีไปไหน....คาดว่ามันคงออกลูกแล้ว......อีกสามสี่วันต่อมาเจ้าสามสีก็กลับมา....ท้องแฟบลงไปแล้ว แสดงว่าเจ้าสามสีคลอดลูกแล้วตามที่คาด....แต่ลูกของมันอยู่ที่ไหน? มีลูกกี่ตัว ? ไม่สามารถทราบได้.....

      เมื่ออาม่ากลับมา....เจ้าสามสีคงดีใจ....และมาขออาหารทุกวัน วันละหลายครั้ง.....และอีกสามสี่วันต่อมาปรากฏว่า เจ้าสามสีมาพร้อมกับการเดินสามขา....โดยขาหน้าข้างหนึ่งบาดเจ็บ....ด้วยสาเหตุใดไม่ทราบ....อาม่าคิดว่าอาจจะถูกคนใจร้ายตีเอาหรือเปล่า ?.....น่าสงสารเจ้าสามสี

      เช้าวันหนึ่ง ในอีกสองสามวันต่อมา....อาม่าได้ยินเสียงเจ้าสามสีมาร้องอยู่ที่กำแพงด้านหลังบ้าน พร้อมกับเสียงเห่าของหมาของบ้านที่อยู่ติดกัน  และต่อมาได้ยินเสียงการต่อสู่ระหว่างเจ้าสามสีกับหมาข้างบ้าน.....อาม่าจึงรีบออกมาดู.....ปรากฏว่า เจ้าสามสีเอาลูกจำนวน ๒ ตัว มาอยู่ที่บริเวณชั้นเก็บของในโรงรถของที่บ้านแล้ว  แต่ตัวมันไปยืนอยู่บนกำแพงรั้วระหว่างบ้านชานเมืองกับบ้านติดกัน ส่งเสียงขู่หมาข้างบ้านและร้องเรียกลูกของมัน.....อาม่าจึงไปชะโงกหน้า ดูจึงเห็นว่า ที่พื้นข้างกำแพง...มีลูกเจ้าสามสีอีกตัว นอนนิ่งอยู่.....จึงได้ทราบสาเหตุว่าทำไมเจ้าสามสีจึงต่อสู้กับหมาข้างบ้าน...เพราะสัญชาตญาณของแม่ที่ต้องปกป้องลูกอย่างสุดชีวิตนั่นเอง......

      อาม่าดูลักษณะของลูกเจ้าสามสีที่นอนนิ่งอยู่ข้างกำแพงบ้านติดกัน ก็คาดเดาได้ว่า ลูกเจ้าสามสีคงจะเสียชีวิตแล้ว  ประกอบกับได้ยินเสียงเพื่อนบ้านที่เป็นเจ้าของหมา (ตัวเล็กๆ) กำลังปลอบหมาของตนเอง ที่คาดว่า ถูกเจ้าสามสีข่วนเอา ในตอนที่มันเข้าใกล้ ลูกของเจ้าสามสี.....อาม่าจึงแจ้งให้เพื่อนบ้านทราบว่า มีลูกแมวเสียชีวิตอยู่ที่ข้างกำแพงบ้าน.....เจ้าของหมาก็มาดูและเข้าใจสาเหตุของการต่อสู้ระหว่างหมาของตัวเองกับเจ้าสามสี  ทีแรกอาม่าคิดจะให้เขาช่วยส่งลูกเจ้าสามสีที่ตายแล้วมาให้  เพื่อจะเอามาฝัง......แต่เพื่อนบ้านอาสานำลูกแมวที่เสียชีวิตไปฝังที่บริเวณสวนหน้าบ้านของเขาเอง......อาม่าก็ได้แต่โมทนาสาธุในความมีน้ำใจและมีใจบุญของเพื่อนบ้านคนนี้

      แม้ว่าลูกจะถูกนำไปฝังแล้ว...แต่เจ้าสามสีก็ยังคงไปยืนบนกำแพงร้องเรียกลูกขอลมันอยู่เป็นระยะ ๆ นานหลายวัน....อาม่าต้องบอกเจ้าสามสีว่า...ลูกเขาไปสบายแล้ว.....มาดูแลลูกอีกสองตัวที่เหลือให้ดี ๆ ดีกว่า.....อาม่าคุยกับเจ้าสามสีรู้เรื่อง.....อิอิ

       อีกหลายวันต่อมา ในเวลากลางดึก ได้ยินเสียงแมวต่อสู้กันอยู่นาน อาม่าเป็นห่วงเจ้าสามสี ลงมาดูพบว่าเจ้าสามสีหลบมุมอยู่ ไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้  อาม่าจัดการไล่เจ้าแมวสองตัวที่ต่อสู้กัน ให้ออกไปให้พ้นบริเวณบ้าน....ผู้สันทัดกรณีบอกว่า เป็นศึกชิงเจ้าสามสี....แต่ก็อาจจะไม่ใช่....เพราะเช้าวันต่อมา...เจ้าสามสีได้อพยบลูกของมันที่เหลืออยู่ ๒ ตัว (เป็นสามสี หนึ่ง และ สีทอง หนึ่ง) จากบริเวณโรงรถ ไปอยู่อีกด้านหนึ่งของบ้าน ที่มีกองกระเบื้องมุงหลังอยู่และมีซอกระหว่างกองกระเบื้องกับผนังกำแพงบ้านเป็นที่สำหรับลูกของมันได้เข้าไปหลบซ่อนตัวได้....แสดงว่าที่เดิม ลูกของมันและตัวมันเองอาจจะไม่ปลอดภัยแล้ว.....(คิดแทนเจ้าสามสี...อิอิ)  อาม่าตามไปดูที่อยู่ใหม่ พร้อมบันทึกภาพมาให้ชมและบรรยายภาพไปแล้ว  อากงขอเอามาให้ดูประกอบอีกทีครับ


     การให้อาหารและดูแลเจ้าสามสีพร้อมลูก ๆ ปกติก็เป็นอาม่านั่นเอง....แต่ในวันที่ ๑๖ อาม่ามีธุระที่จะต้องเดินทางไป กทม. หลายวัน  อากงจึงต้องรับหน้าที่ให้อาหาร (เม็ด) เจ้าสามสีแทน เย็นวันที่ ๑๖ ลมแรงและมีฝนตก  ฝนสาดถูกบริเวณที่เจ้าสามสีและลูก ๆ อยู่จนเปียก.....เจ้าสามสีจึงพาลูก ๆ อพยบกลับมาอยู่ยังบริเวณโรงรถเหมือนเดิม....นี่คือภาระกิจของแม่ ที่ไม่มีพ่อคอยช่วยเหลือเหมือนในมนุษย์เรา....

ประมาณเที่ยงกว่า ๆ ของวันที่ ๑๗ พฤษภาคม ๒๕๕๖ เป็นวันที่ ภาระกิจของแม่อันกล้าหาญของเจ้าสามสีก็เกิดขึ้นอีกครั้ง  ขณะที่อากงกำลังกินข้าว (ก๋วยเตี๋ยว) กลางวันอยู่.....ก็ได้ยินเสียงขู่ของเจ้าสามสี และ มีการต่อสู้กัน ทำให้ขวดน้ำสลัดเปล่าที่วางงเรียงกันไว้  บริเวณโรงรถล้มเสียงดัง.....อากงรีบออกไปดูว่า....มันเกิดอะไรขึ้น....

พระเจ้าช่วย กล้วยทอด....เจ้าสามสีกำลังยืนในท่าพร้อมต่อสู้...หันหน้าเข้ากำแพง....ที่มีขวดเปล่าล้มระเนระนาดอยู่หลายขวด...และที่แนวหลังขวดเปล่า ติดกำแพงนั่นเอง....สิ่งที่ปรากฏก็คือ....มีงูขนาดลำตัวเท่าแขน ความยาวประมาณ ๒ เมตร อยู่ในท่าชูหัว พร้อมที่จะต่อสู้กับเจ้าสามสีอยู่......อากงประมวลผลในสมองในนาทีนั้นว่า....จะเอายังไงดีวะ และ ได้รู้สาเหตุที่แท้จริงของการต่อสู้เพื่อลูกทั้งสองที่เหลืออยู่ อย่างกล้าหาญ อีกครั้งของเจ้าสามสี.....และในนาทีนั้น ก็ตัดสินใจว่า ต้องเลือกเข้าข้างเจ้าสามสี.....


      ถ้าเป็นกรณีปกติ เจองูตัวขนาดนี้อยู่อย่างนี้ ก็คงหาไม้ยาว ๆ พยายามทำเสียงดัง ให้มันเลื้อยหนีไป ซึ่งเคยทำมาแล้วก่อนหน้านี้.....แต่กรณีนี้...เป็นการเผชิญหน้ากันอยู่ระหว่างงูกับเจ้าสามสี ที่เข้าใจว่า พร้อมสู้เพื่อปกป้องลูก.....อากงจึงต้องเลือกข้าง...มองหาตัวช่วย....ไม้ยาว ๆ จอบ เสียม และ ในที่สุดก็ตัดสินใจใช้ กรรไกรด้ามยาว สำหรับตัดผลไม้ ที่อยู่ในบริเวณนั้นเป็นเครื่องช่วย.....ในใจคิดว่า.... ถ้างูมันเลื้อยหนีไปเมื่อเราเอากรรไกรด้ามยาวไปใกล้ ๆ บริเวณหัวของมันก็คงปล่อยให้มันหนีไป.....แต่ปรากฎว่า มันกลับอยู่ในท่าพร้อมสู้ (ฉก)......มันคงคิดว่า สู้ตายโว้ย....แม้จะเป็น สอง (แมวกันคน) ต่อหนึ่ง (งู) ก็ตาม......หลังจากเล็งอยู่ประมาณครึ่งนาที  อากงจึงตัดสินใจ ใช้กรรไกรคีบที่บริเวณคอของงู....มันดิ้นสุดฤทธิ์....หางสบัด ลำตัวขดม้วน พันกับไม้ถูกพื้น ที่อยู่ในที่นั้น...ทำให้อากงได้เห็นว่า...นี่มันงูตัวใหญ่มากกว่าที่คิด...

      อากงพยายามจะหาเครื่องมือช่วยเพิ่มเติม คือ เสียม ซึ่งเอามาวางรอไว้ใกล้มือแล้ว....แต่ใช้ไม่ได้เพราะ กรรไกรด้ามยาว ที่ใช่หนีบคองูอยู่นั้น ด้ามยาวประมาณ สอง เมตร ส่วนเสียมด้ามยาวเพียง หนึ่ง เมตร  การที่มือหนึ่งต้องบีบที่ด้ามกรรไกรยาวสองเมตร อีกมือที่จะถือเสียมยาวหนึ่งเมตรไปตีงู จึงเข้าไปไม่ถึงตัวงู.....ตัดสินใจใช้กรรไกรบีบคองูอยู่หลายนาที จนคาดว่างูน่าจะอ่อนแรงลง  ใช้ไม้เขี่ยสิ่งของที่ขวางทางออกได้บางส่วน เพื่อให้เห็นตัวงูชัดเจนขึ้น...พอตัดสินใจปล่อยกรรไกร เพื่อจะใช้เสียมตีงู ปรากฏว่า งูเอาหัวมุดเข้าใต้กระถางต้นไม้และถังทรายที่อยู่ใกล้ ๆ นั้น  ตัดสินใจใช้กรรไกรคีบบริเวณลำตัวงูที่เห็น บีบเต็มที่พร้อมสรวมวิญญาณโหด คือบิดด้ามกรรไกรไปมา เพื่อให้ตัดตัวงูให้ขาด แต่ก็ไม่สำเร็จ.....ทำอยู่หลายนาที จนเห็นว่า การเคลื่อนไหวของงูช้าลงมาก....ค่อย ๆ เอาอีกมือ เอาไม้เขี่ยสิ่งกีดขวางออกและค่อย ๆดึงไม้ถูพื้นที่งูรัดออกได้....แสดงว่างูอ่อนแรงลงมากแล้ว.....ค่อย ๆ หนีบเอางูออกมาจากข้างกำแพงและกระถางต้นไม้ ออกมาให้อยู่ในที่ลานโรงรถได้ในที่สุด....มันอ่อนแรง เคลื่อนไหวช้า....จึงตัดสินใจปล่อยกรรไกร....และใช้เสียมตีบริเวณหัวของงู.....มันดิ้นอย่างแรง ตัดสินใจตีที่หัวและที่ลำตัว เพื่อให้มันจบชีวิตโดยเร็ว.....

      ไปสู่ที่ชอบ ๆ นะ.....อย่าได้มีเวรต่อกันเลย....อากงจำเป็นต้องเลือกข้าง.....เพราะเจ้าจะมาเอาชีวิตของสามสี และลูกของสามสี.....


หมายเลขบันทึก: 536342เขียนเมื่อ 18 พฤษภาคม 2013 14:51 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 พฤษภาคม 2013 15:05 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (7)

   ไม่ว่าคนหรือสัตว์ ความเป็นแม่พร้อมที่จะปกป้องลูกน้อยเสมอ

งูทางมะพร้าว(งูจอง)....ไม่มีพิษ แต่ดุร้าย  ชอบกินสัตว์เล็กๆ 

แถวๆ บ้านผมนิยมนำมาทำเมนูต้มยำ  อร่อยแบบเดียวกับต้มยำงูสิงเลยครับ  555

มาอ่านเรื่องแมวค่ะ

ตามประสาคนชอบแมวค่ะ

สัตว์ทุกชนิดรักลูกของมัน

สงสารเจ้าสามสีมากค่ะ

ถ้าเป็นแมวที่บ้านคงต้องร้องเหมือนแม่แมวไปแล้วค่ะ


           อ่านบันทึกตอนท้ายจะคล้ายกับที่ดิฉันเคยฆ่าปลาช่อน...เมื่อนานมากแล้ว...เคยไปสอนหนังสือแถวหนองจอก ชาวบ้านเอาปลาช่อนมาให้ตัวใหญ่มากๆ ปฏิเสธว่าไม่เอาเพราะไม่เคยฆ่าปลา ชาวบ้านก็ไม่ยอมบอกว่ามันตายแล้วไม่ต้องกลัว พอมาถึงบ้านมันยังไม่ตาย ก็พยายามทำหลายวิธีจนมันตาย เรื่องนี้ติดอยู่ในใจมาตลอดว่าทำไมเราไม่ปล่อยมันไปกลับคิดแต่จะฆ่ามันให้ตาย... ทุกวันนี้ทำบุญจึงแผ่ส่วนกุศลอุทิศไปให้ อย่าได้มีจิตใจที่อาฆาตพยาบาทจองเวรจองกรรมต่อกันอีกขอให้หมดเวรหมดกรรมกันในชาตินี้ด้วย...

  • ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาร่วมแชร์ ครับ 
  • โดยเฉพาะ คุณ อักขณิช  ที่ให้ข้อมูลเรื่อง ของ ชื่องู ด้วย
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท