คน โนบอดี้ ทำไมไปยุ่งกับ ผอ.เขาทำไม ????



มีหลายคนมากเข้ามาถามว่า เข้ามาบอกว่า " ตนเป็นคน โนบอดี้ ทำไมไปยุ่งกับ ผอ.เขาทำไม ผอ.เขาคนใหญ่คนโต พรรคพวกเขามากมาย ทั้งผูบริหารเก่าและใหม่เอย นักการเมืองเอย รัฐมนตรีเอย เห็นไหม ในโรงเรียนใครกล้าหือกับเขาบ้าง " นี่คือ บทสนทนาบ้างตอนที่ผมจำได้ในครั้งนั้น

ถาม: คุณรู้จัก ผองคนนี้มาก่อนไหม ?
ตอบ: ผมก็บอกไปว่า ผมไม่รู้จักเขา ผมไม่มีมูลอะไรกับเขา แต่ผมกับช่วยเขาทางอ้อมด้วยซ้ำ เช่น 
ก่อนที่เขาจะมา มีจดหมายให้ร้ายเขา ผมก็ฉีกทิ้งไป

ถาม: มีคนชวนคุณต่อต้าน ผอ.ใช่ไหม
ตอบ: มีคนมาชวนแบบเลียบๆๆเคียงๆๆๆให้ต่อต้านเขา ใส่ร้ายเขา ผมก็บอกไปว่า การใส่ร้ายเป็นการ ฆ่าคนทางสังคม ทางอาชีพราชการ ไม่มีหลักฐาน ผมไม่เล่นด้วย ต้องให้โอกาสเขาทำงาน ทำไมผู้หญิงจะเป็น ผอ.ไม่ได้หรือ เป็นตั้งดอกเตอร์น้ะ

ถาม: ุคุณทำร้าย ผอ.น้ะ
ตอบ: ผมกลับคิดว่า ผมช่วย ผอ.น้ะ ไม่ให้ ผอ. ทำผิดมากๆน้ะ การที่ผมพยายามท้วงติงในที่ประชุมต่างๆนั้น ผมคิดว่าผมช่วย ผอ.เขาน้ะ เขาจะได้ไม่ถลำทำผิดไปมากๆ จนผมถูกกลุ่มคนบางกลุ่มต่อว่า ว่าผมทำให้ไก่ตื่น ควรจะปล่อยให้ ผอ. ทำผิดไปมากๆๆๆ ผมก็บอกเขาไปว่า ผมทำงานบนพื้นฐานว่า
๑. ไม่ต้องการฆ่าใครในทางราชการ 
๒. หากปล่อยไปเราอาจจะจับผิด ผอ.ได้จังหนับ แต่นักเรียนก็เสียหายไปแล้ว เรียกคืนไม่ได้
๓. ครั้งนั้นผมคิดเต็มร้อยน้ะว่า คนขนาด ผอ.โรงเรียน คนระดับดอกเตอร์ คนเป็นผู้หญิงน้ะ คงจะมี หิริ โอตตัปปะ เขาต้องเห็นแก่นักเรียน เขาอาจจะหลงผิดไปชั่ววูบ เมื่อได้กัลยาณมิตรชี้ผิดชี้ถูก เขาจะต้องได้คิด 

ถาม: ทำไมคุณต้องเอาเอกสารของ สตง. ไปแจกด้วย
ตอบ: เมื่อผมท้วงติง เสนอแนะ ด้วยวิธีการต่างๆแล้ว เราประชุมกันกี่ครั้ง ประชุมกันเองเอย ประชุมกับ ผอ.และทีมงานเอย ผอ.เขาก็ไม่ฟัง หรืออาจจะเป็นเพราะผมมัน คนโนบอดี้อย่างที่ว่าก็ได้ ผอ.เขาไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดกับนักเรียนเลย เวลาเมื่อผ่านไปแล้วก็คือผ่านไป จะเอาเงินมากมายแค่ไหนก็ไม่สามารถซื้อเวลาที่ผ่านไปให้กลับคืนมาได้ ทำไม ผอ. เขาไม่คิดบ้าง ทำไม ผอ.เขาไม่เป็นหวงเรื่องนี้เลย ทั้งๆที่เขาเป็นถึง ผอ. โรงเรียนน้ะ ไม่ใช่ ผอ.โรงงานอุตสาหกรรม ที่จะค่อยสั่งเพิ่มเครื่องจักรทำการเร่งผลิตทดแทนได้ 

เมื่อผมได้เอกสารมา ผมก็ยังไม่เชื่อน้ะ ผมได้ตรวจสอบจนแน่ใจ จึงได้นำออกแจก ผมก็ไปยื่นแจก ไม่ได้คิดจะทำแบบหลบๆซ่อนๆ ผมจะแอบเอาไปวางๆก็ได้ แต่ผมคิดว่า ไม่เป็นธรรม เราแจก เราก็แสดงตัวสิหากเป็นของจริง ไม่ได้ใส่ร้าย ผมแจกเพื่อให้สังคมได้รับทราบว่า ผอ.เขาเป็นคนอย่างไร ? มีพยานเอกสารอย่างไร ? ก็แค่นั้น ทำไมการให้ความจริงกับสังคมผิดด้วยหรือ ? เราต้องการแต่ความเท็จกันหรืออย่างไร ?

ถาม: คุณมีัอคติ หรือ รับงานใครมาหรือเปล่า ?
ตอบ: คุณไม่รู้จักผมหรือ ? คุณรู้จักผมดีแค่ไหน ? ผมทำอะไรตรงไปตรงมา ชีวิตผมไม่เคยเป็นสุนัขรับใช้ใคร ชีวิตผมไม่เคยทำอะไรผิดๆๆต่อส่วนรวมเพื่อแลกกับผลประโยชน์ส่วนตัว ชีวิตผมไม่เคยเป็นขี้ข้าใครเพื่อทำร้ายสังคม แต่ผมเคยเป็นยิ่งกว่าขี้ข้าน้ะ เพราะ ไม่ได้อะไรเลยจากการทำเพื่อทำประโยชน์ให้กับสังคม

ผมกับ ผอ. เป็นเหมือนคู่สัญญาในการสร้างตึก คือ นักเรียนน้ะ ผมจ่ายเงิน ผอ.รับจ้างสร้างตึก คือ นักเรียน โดย ผอ. สัญญาว่าจะสร้างตึก คือ นักเรียน ด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่มีคุณภาพอย่างนั้น อย่างนั้น ผมพอใจ ผมจึงตกลงจ่ายเงิน แต่เมื่อ ผอ.ได้เงินไปแล้ว ผอ. ก็เปลี่ยนคุณภาพของวัสดุอุปกรณ์ที่จะใช้ในการสร้าง โดยใช้วัสดุอุปกรณ์เกรตต่ำกว่าที่แสดงให้ผมดูตอนที่ตกลงทำสัญญากัน ผมก็ต้องทักท้วง เสนอแนะ แต่ ผอ. ไม่ฟัง ดันทุลังจะทำตามใจ ผอ. โดยไม่สนใจในข้อตกลงพันธะสัญญาที่มีต่อผม......มันเป็นธรรมต่อผมไหม ? มันเป็นธรรมต่อผมแล้วหรือ ? 

ถาม: ก็เห็นคนอื่นๆอีกตั้งเยอะแยะไม่เห็นเขาเดือดร้อนกัน บ้างก็เป็นดอกเตอร์ในมหาวิทยาลัยของรัฐเอย ดอกเตอร์ในมหาวิทยาลัยของเอกชนเอย เจ้าของบริษัทใหญ่โตเอย ประธานบริษัทข้ามชาติเอย นักสื่อสารมวลชนเอย ฯลฯ
ตอบ: ผมไม่ทราบ ผมตอบแทนพวกเขาไม่ได้ แต่ผมรู้ว่า ผมมีเงินอยู่ก้อนเดียวจากการอดมื้อกินมื้อ ผมขูดเลือดขูดเนื้อเพื่อเอามาให้ลูกเรียน ลูกเรียนมา ๒ คนแล้วก็ได้คุณภาพตามที่โรงเรียนสัญญาไว้ตลอด ไม่มีใครทำตามความพอใจของตนเอง ทุกคนยึดถือพันธะสัญญาที่ให้ไว้ต่อกัน โรงเรียนเอาวัสดุอุปรณ์คุณภาพตามที่ตกลงกันไว้มาสร้างตึก คือ นักเรียน ผมมีหน้าที่จ่ายเงิน ผมก็ไม่คยผิดนัดผิดสัญญาการจ่ายเงิน ผมก็ยินดีขูดเลือดขูดเนื้อมาจ่ายให้ เพราะผมต้องการตึก คือ นักเรียนคุณภาพดีตามที่ตกลงกันไว้

เห็นไหมสิ่งที่ผมทำไป ผมไม่ได้ทำด้วยอคติส่วนตัว ผมไม่ได้ทำด้วยความแค้นส่วนตัว ส่วนใครจะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ผมไม่สนใจ เพราะ คนเราไม่เหมือนกัน เราทุกๆคนมีพื้นฐานความรู้ ความเข้าใจในการศึกษาต่างกัน ก็ย่อมเห็นถึงความเดือดร้อนต่างๆในอนาคตได้ต่างกัน......สิ่งหนึ่งที่ผมมอง คือ ผมต้องการของสิ่งหนึ่ง สิ่งเดียว คือ การศึกษาของลูก ในอดีตผมก็จ่ายเท่านี้ แต่มาในยุค ผอ.คนนี้ ทำไมผมต้องจ่ายเงินมากๆๆๆขึ้นอีกมากๆๆๆ เพื่อให้ลูกได้รับความรู้เท่าเดิม คือ ต้องไปเรียนพิเศษ ต้องเรียนพิเศษ และต้องเรียนพิเศษ ทำไม ทำไม ส่วนใครจะยินดีจ่าย ก็ยินดีกับเขาเหล่านั้นด้วย แต่่ไม่ใช่ผมแน่ๆ ทำไมผมต้องจ่ายทั้งเงินและเวลาของลูกผม ทั้งๆที่ผมสามารถเอาทั้งเงินและเวลาเหล่านั้นไปให้ลูกผมไปสร้างทักษะอื่นๆของชีวิตเพิ่มขึ้นได้ 

คุณรู้ไหมนักเรียนบางคนต้องเรียนพิเศษถึง ๓ - ๘ วิชา คุณว่าบ้าไหม คุณคิดว่าใครบ้า ผอ. หรือ ผู้ปกครอง หรือ นักเรียน ไม่ใช่สินักเรียนเขารู้สึกว่าเขาไม่ได้อะไรจากการเรียนเมื่อเปรียบเทียบกับในอดีต เขาจึงร้องขอพ่อแม่ไปเรียนพิเศษ.......เป็นธรรมชาติที่ไม่มีใครยอมตกต่ำ ไม่มีใครยอมไม่มีความรู้ แต่ทำไมผู้ใหญ่ถึงทำให้นักเรียนเขารู้สึกอย่างนั้น ทั้งๆที่ในอดีตไม่เป็นอย่างนี้เลย หนึี่งปีเต็มๆๆๆๆแล้วน้ะที่นักเรียนและพ่อแม่ถูกปล้นไปซึ่งหน้า

ถาม: แล้วเรื่องที่ร้องเรียนไปถึงไหนแล้ว
ตอบ: เมื่อก่อนผมก็พอจะมีความหวังน้ะ 

ถาม: แล้ววันนี้ 
ตอบ: เป็นศูนย์ หรือ อาจจะติดลบไปแล้ว

ถาม: ทำไม ?
ตอบ: อย่าให้พูดเลย หากคุณเป็นประชาชนที่ถูกระบบราชการรังแกอย่างซึ่งๆหน้า หากคุณถูกปล้นกลางแดดซึ่งๆหน้า คุณก็จะรู้เองว่ามันเป็นอย่างไร หรือ หากคุณมีลูกเรียนอยู่เหมือนผม และคุณต้องเป็นคนอย่างผมด้วยน้ะ คุณถึงจะรู้ได้ว่าเป็นอย่างไร

คุณไม่มีลูกเรียนอยู่ EP ........ลูกคุณไม่ได้ถูกระทำอย่างลูกผม คุณไม่รู้สึกหรอกครับว่ามันเผ็ดร้อน วิเวกวังเวก สนุก มันส์ สิ้นหวัง อย่างไร ????

https://www.facebook.com/photo.php?fbid=614316971914163&set=a.563501753662352.133466.100000075981768&type=1&theater

หมายเลขบันทึก: 535811เขียนเมื่อ 13 พฤษภาคม 2013 19:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 13 พฤษภาคม 2013 19:10 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท