ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ไม่ใช่คณิตศาสตร์
วันนี้ได้นั่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่มาหา เพื่อระบายความรู้สึกทุกข์ใจในการทำงาน ดูจะไม่มีทางแก้ไขอะไรเอาเสียเลย น่าเห็นใจ แต่จะปรับอย่างอื่นให้นั้นคงยาก เป็นข้อจำกัดของคน และการอยู่ร่วมกัน จึงทำให้ได้ประเด็นมาเขียนในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการทำงานเป็นทีม กับ อ.จัน
ปัญหาในการทำงานนั้นเกิดขึ้นไม่น้อยเลยคิดว่าทุกคนก็คงประสบกับปัญหานี้กันทั้งนั้น อยู่ที่กระบวนการปรับตัวกับปัญหาที่เกิดมากกว่า สำหรับฉันแล้วเพื่อนมักถามว่า
“มีสมองหรือเปล่าคนอื่นเขาว่า มายังมานั่งยิ้มอยู่ได้ โกรธเขามั๊ยน่ะ”
เมื่อมีคนถามแบบนี้ ชลัญก็มักมานั่งทบทวนเสมอว่า โกรธ ? จริงเวลาที่มีคนมาเล่า เราว่า คนนั้นว่าอย่างนั้น คนนี้ว่าอย่างนี้ ถามว่าโกรธมั๊ย ก็โกรธนะ
อารมณ์ประมาณ “อะไรว่ะไม่รู้จริงพูดไปมั่วๆ”
แต่คิดอีกทีก็จะโกรธทำไมก็มันไม่จริง หรืออีกตรงข้าม จะโกรธทำไมก็มันจริง การทำความเข้าใจกับความรู้สึกนั้นเราต้องแยกให้ออกว่าอันไหนอารมณ์ อันไหนเหตุผล อันไหนคือการพยายามหาเหตุผลมาคิดเพื่อให้ตัวเองไม่ใช่คนที่ผิด จริงเวลามีคนมาว่าอะไรเราในเรื่องที่มันไม่จริงนี่ ดีนะ มันจะทำให้เรารู้ว่า อ้อ! ไอ้สิ่งที่เราทำนี่มันไปทับขาเขาอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัว เราต้องมานั่งทบทวนว่าสิ่งนี้มันกระทบคนอื่นอย่างไร มีใช่เหวี่ยงแล้วพยามหาเหตุผลมาเข้าข้างตัวเองต่างๆนานา ซึ่งหากทบทวนให้ดีเรานั่นแหล่ะอาจเป็นคนที่ผิดก็ได้ ผิดแบบไม่รู้ตัวว่าผิดน่ะ นี่แหล่ะตัวการใหญ่ของการไม่เขาใจกัน และคุยกันไม่รู้เรื่อง เพราะไม่พยายามหาเหตุผลกลางของการไม่เข้าใจ ต่างคนต่างเอาเหตุผลของตนเป็นใหญ่ อยากให้เหตุผลของตนเป็นเหตุผลที่ถูกที่ทุกคนยอมรับ โธ่!!! คิดมากทำไมเรายังไม่ยอมรับเขา มีรึเขาจะยอมรับเรา ลองหารความคิดของเราดู ต่างคนต่างหารผลลัพธ์อาจไม่เท่ากัน แต่อย่างน้อยผลต่างก็ไม่มากนักแม้ตัวหารคนละตัวแต่อย่างน้อยความหนักเบาก็ลดลงกึ่งหนึ่งแหล่ะไป๊
แล้วอย่าคิดว่าจะมีใครที่มีเหตุผลที่เป็นกลาง เพราะความรู้สึกความคิด นั้นไม่ใช่มาตรวัดทางคณิตศาสตร์ที่คำนวณออกมาแล้วตรงเป๊ะ อย่าว่าตรงเป๊ะเลย เพราะแม้แต่คณิตศาสตร์ ก็ยังมีเลขเศษส่วนมีจุดทศนิยม นี่ขนาดไม่มีอารมณ์และความรู้สึกนะตัวเลขล้วนเลย บางอย่างคำนวณออกอยากให้เป็นศูนย์ ยังได้แค่เข้าใกล้ศูนย์ เลย แล้วนับประสาอะไรกับความรู้สึก เหตุผลของคนที่แตกต่างกันนั้นจะมีใครที่คิดได้ถูกต้องเป๊ะพอดี ยากกกกกส์
การที่เราต้องทำงานกับคนหมู่มาก หรือที่เรียกว่าการทำงานเป็นทีมนั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเรานี่แหล่ะ ไม่ต้องอ้างคนอื่น หรือทฤษฎีไหนๆ หรือโทษใครว่าเพราะ คนนั้นนะ คนนี้นะ เราควรเข้าใจในความต่างและความถนัด ของแต่ละคน เมื่อถูกบังคับให้ทำงานชิ้นเดียวกันให้สำเร็จนั้น ไม่ใช่เพียงตั้งเป้าหมายว่าต้องสำเร็จ เพราะภาพชิ้นงานที่สำเร็จในหัวแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนภาพความสำเร็จ อาจมีสีสันสวยงาม บางคนอาจบอกว่าต้องแข็งแรง บางคนอาจบอกว่าต้องรูปทรงแปลกตา ฯลฯ หากเรารู้จักยอมรับภาพในหัวของแต่ละคนแล้วดึงออกมาเป็นจุดแข็งในการทำงาน ยอมรับในความคิดของกันและกัน ไม่มีใครผิดไม่มีใครถูก นั้นรับรองได้เลยว่าไม่มีปัญหาในการทำงานแน่
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของแต่ละคนนั้น มีค่าคนละฐาน จะนำมาบวกลบคูณหารกันไม่ได้ เพราะไม่ใช่คณิตศาสตร์ แต่เป็นศิลปะศาสตร์ที่จะให้มันหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันอย่างกลมกลืน มีความสวยงามมีพลัง แม้มันจะแตกต่าง
เมื่อพูดให้เพื่อฟังถึงตรงนี้ เพื่อนถึงกับยิ้มออกบอกว่า เราเข้าใจล่ะว่า ทำไมเวลาเพื่อนมีปัญหาแล้วชอบมาหาชลัญ เพราะมันได้อะไรคิดที่คนอื่นเขาคิดไม่ถึง หรือมองไม่เห็นนี่แหล่ะ
ชลัญบอก โอ๊ย เกินไปล่ะ
เพื่อนบอกจริง เพราะตั้งแต่เรียนด้วยกันมาสมัยมัธยมนั้น เพื่อนเลิกคบกันไปหลายคนแต่ไม่มีใครเลิกคบชลัญ กับคนที่เพื่อนทั้งห้องเกลียดมันก็ยังมีชลัญที่คุยกับมันได้ มาวันนี้เราเข้าใจล่ะ เพื่อนบอกว่าอย่างนั้น
ชลัญนั่งยิ้มน้อยๆ ดีใจที่เพื่อนเริ่มเข้าใจบทบาทและการปรับตัวในการอยู่ร่วมกันมากขึ้น
ชลัญธร
อรุณสวัสดิ์ค่ะ
ใครจะโกรธคนที่จริงใจได้ล่ะ จริงไหมค่ะน้องชลัญ
วันนี้คุณ พบ. สอนว่า 1+1 ไม่เท่ากับ 2 ครับ......55555
1.0000000000000000000001 +1.0000000000000000000001 = 2.0000000000000000000002
เย้้้ ............เป๊ะ
แต่ทำให้ผมไม่กล้าปรึกษาอะไร กับคุณ พบ. 101 เลย......... เดี๋ยวจะถูกเป็น Case Study แน่ๆ 555
แต่ได้ข้อคิดอีกเรื่องนะครับว่า ความโกรธ มันมาเร็วจนเราควบคุมมันยากถ้าวิทยายุทธไม่แก่กล้าพอ............(เพิ่งเป็นเมื่อวานนี้เอง.....ทำเอา "มือใหม่" อย่างเรา "มือเน่า" ไปได้ 5555) :)
ยินดีด้วยสำหรับความสุขทางใจเช่นนี้ค่ะ...
เห็นด้วยกับอาจารย์ วิชญธรรม ครับ
เดี๋ยวเป็นประเด็น 555
ยกนิ้วให้..กับ..ความคิดนี้..เจ้าค่ะ..สวยงามมั๊กกๆๆ...ยายธี
ความคิด อารมณ์ ความรู้สึก ของแต่ละคนนั้น มีค่าคนละฐาน ...คิดเช่นนี้ได้ก็จะให้อภัยกันได้ง่ายขึ้นจริงๆค่ะ
ช่างคิดให้มีความสุข ดีมากเลยค่ะ
น้องโจ้แยกแยะความคิดได้ชัดเจนเห็นภาพดีมากเลยค่ะ พี่โอ๋แนะนำให้น้องโจ้เขียนเล่าเรื่องตัวเองและมุมมองต่างๆ (อาจจะรวบรวมจากใน Gotoknow ที่เขียนไว้แล้วก็ได้ค่ะ จัดหมวดหมู่ให้ดีๆหน่อย เอาไปนำเสนอสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือแนวคติชีวิต รับรองว่าน่าจะเป็นหนังสือติดอันดับนะคะ
ว้าว ! มุมมองสร้างสรรค์ เห็นด้วยกับพี่โอ๋ค่ะ...จะรอซื้อ ๑๐ เล่มโลด
เชียร์เรื่องหนังสือครับ
จะได้เผยแพร่ในอีกมิติหนึ่ง