ลูกพาเที่ยว…(ตอนที่ 1)


ก่อนลงเรือ พนักงานบอกว่า ผู้ที่มีสุนัขให้ขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าไม่ให้นั่งห้องแอร์ แบบนี้ก็เข้าทางผู้เขียนสิ เพราะชอบที่ที่มีลมธรรมชาติพัดผ่าน และการนั่งที่ดาดฟ้าก็เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมากกว่า ...

         ตลอดเดือนเมษายน ผู้เขียนมีความสุขใจบนความเหน็ดเหนื่อย เพราะต้องรับผิดชอบงานบ้านทุกอย่าง และดูแลงานฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้แบบเต็มๆ แทนผู้จัดการฟาร์มที่ยังอยู่ในช่วงพักฟื้นหลังการผ่าตัด นอกจากนั้นยังต้องช่วยงานในหมู่บ้านและงานในวัด สำหรับงานในวัดนั้น ผู้เขียนต้องทำต่อเนื่องตั้งแต่วันแรกของเดือน ไปจนถึงวันที่ 29 เมษายน ที่ได้นำไม้กระถาง (ว่านแสงอาทิตย์ที่กำลังออกดอก) ไปจัดตกแต่งหน้ากุฏิพระ นำขนมตาลไปถวายให้พระ/เณรรวม 20 รูปฉันเพล และนำอัลบั้มภาพกิจกรรมของวัดและหมู่บ้าน 3 อัลบั้ม 3 กิจกรรมไปถวายวัด ก่อนที่จะเดินทางเข้าเมืองในวันรุ่งขึ้น เพื่อไปขึ้นเครื่องเดินทางไปยังกทม.

         ที่ผู้เขียนต้องเดินทางไปกทม. เพราะลูกชายบอกว่า จะพาแม่ไปเที่ยวเกาะกูดในช่วงวันที่ 1-3 พฤษภาคม ก่อนที่สายการบินในประเทศจะย้ายไปให้บริการที่ดอนเมือง เวลาผู้เขียนขึ้นเครื่องไปกทม. ลูกชายจะขับรถไปรับทุกครั้ง เพราะที่พักของเขาอยู่ไม่ไกลจากสนามบินสุวรรณภูมิ ครั้งนี้ผู้เขียนบอกลูกชายว่าไม่ต้องขับรถไปรับ เพราะที่พักของเขาห่างจากดอนเมืองมาก การขับรถไปรับจะเสียเวลาทั้งคนไปรับและคนรอให้ไปรับ ผู้เขียนได้นั่งแท็กซี่ไปยังที่พักของลูกซึ่งอยู่ในบ้านสวนซอยศรีนครินทร์ 22 และนัดลูกสาวที่พักอยู่ในซอยสุขุมวิท 50 ไปพักด้วย เพราะลูกชายบอกว่า วันที่ 1 พฤษภาคมจะออกเดินทางเวลา 06.00 น. ผู้เขียนนึกในใจว่า "เจ็ดโมงก็ขอให้ได้ออกเถอะ"

        และแล้วก็ไม่ผิดไปจากที่คิด เพราะผู้เขียนนั่งรอคนอื่นๆ ตั้งแต่ 06.00 น. จน 07.30 น. ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะได้ลงจากที่พักกัน พวกที่ช้ามากก็ช้ามากตามเคย พอลูกสาวพร้อมก็เลยชวนนำสัมภาระไปขึ้นรถก่อน จากนั้นได้ถ่ายรูปอาคารที่พักของลูกชายแล้วก็บอกให้ลูกสาวรอที่รถ ตนเองออกไปกด ATM ที่หน้าทางเข้าหมู่บ้าน เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายในการไปเที่ยวครั้งนี้ (ลูกชายจ่ายล่วงหน้าไปแล้วเป็นค่าเครื่องบินไป/กลับของผู้เขียนซึ่งยังไม่ได้เช็คยอดแน่นอน ค่าที่พัก 2 คืน 12,000 บาท และค่าโดยสารเรือไปกลับ 2,800 บาท) แล้วเข้าร้านสะดวกซื้อ ซื้อหนังสือพิมพ์ฉบับวันที่ 2 เมษายน 1 ฉบับ และหนังสือเล่มเล็กที่ลดราคาจากร้อยกว่าเป็น 50 บาท และ 69 บาทอีก 6 เล่ม (ตามประสาคนที่ชอบอ่านหนังสือขณะเดินทาง แม้จะรู้ว่าไม่ดีต่อสุขภาพตาแต่ก็ทำมานานจนติดเป็นนิสัยแล้ว) สิ่งที่เกิดขึ้นคือ บนรถไม่มีใครสนใจหยิบอ่านเลย ผู้เขียนเลยจูงใจให้อยากอ่าน โดยอ่านแบบทดสอบให้ตอบเพื่อวิเคราะห์ว่า ตนถึงเวลาที่ต้องล้างพิษในตัวแล้วหรือยัง และตนมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในงานแค่ไหน ลูกทั้งสองคนยอมร่วมทำแบบทดสอบ ขณะเดียวกัน ลูกสาวก็เข้ามาอิงแอบแม่แล้วถ่ายรูปไปโพสต์ใน Facebook ผ่านมือถือ ...เขียนบรรยายภาพว่า อยู่กับแม่และแม่อ่านหนังสือให้ฟัง ซึ่งเพื่อนบางคนก็แสดงความเห็นว่าแม่น่ารัก (การกระทำ) บางคนก็บอกว่า เอ๋ใช้แรงงานผู้ใหญ่ (เพราะเป็นวันแรงงาน คงเกรงใจจึงเลี่ยงที่จะใช้คำว่า "ใช้แรงงานคนแก่") 

          (จะลองทายดูไหมคะว่า 2 เล่มไหนที่ผู้เขียนซื้อให้ลูกสาว 1 เล่มไหนที่ซื้อให้ลูกชาย และ 3 เล่มไหนที่ผู้เขียนจะนำไปใช้กับคนเกี่ยวข้อง...อย่างไรก็ตาม ผู้เขียนจะอ่านทุกเล่มก๋อนที่จะให้ลูกๆ ไป) 

         

          การเดินทางท่องเที่ยวครั้งนี้ ไปกันทั้งหมด 4 คน 3 ตัว เพราะลูกชายและนุกนิกกับเจ้า 4 ขา เป็นประเภทที่ว่า "เราจะไม่พรากจากกัน" ไปไหนไม่วายที่จะหอบหิ้วไปด้วยทุกตัว

        (ในภาพใช้คำผิด ต้องลงเรือ ไม่ใช่ขึ้นเรือ เพราะต้องปีนขึ้นดาดฟ้าเลยเผลอใช้คำว่าขึ้นค่ะ)

       "เกาะกูด" ที่ลูกชายจะพาแม่ไปเที่ยว เป็นเกาะในจังหวัดที่มีคำขวัญว่า “เมืองเกาะครึ่งร้อย พลอยแดงค่าล้ำ ระกำแสนหวาน หลังอานหมาดี ยุทธนาวีเกาะช้าง สุดทางบูรพา” ซึ่งก็คือจังหวัดตราดนั่นเอง

        ข้อมูลจาก ททท.ระบุว่า "ตราด" เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศ เพราะเป็นที่ตั้งของเกาะที่สวยงามจำนวนมาก โดยมีเกาะที่สำคัญที่สุด คือ เกาะช้างซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศรองจากเกาะภูเก็ต (กลางเดือน พ.ค. ปี 2554 ลูกชายพาแม่และพี่สาวไปเที่ยวที่เกาะช้าง) ชื่อเมืองตราดสันนิษฐานว่า เพี้ยนมาจากคำว่า “กราด” ซึ่งเป็นชื่อของต้นไม้ชนิดหนึ่งใช้ทำไม้กวาด ปัจจุบันจังหวัดตราดแบ่งเขตการปกครองออกเป็น 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองตราด อำเภอคลองใหญ่ อำเภอแหลมงอบ อำเภอเกาะกูด และอำเภอเกาะช้าง เป็นต้น

       "เกาะกูด"  เป็นเกาะสุดท้ายปลายทะเลตะวันออกในจังหวัดตราดของไทย ติดชายแดนทางทะเลของกัมพูชา เป็นดินแดนที่มากด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์และสวยงามอยู่มากมาย
จึงเหมาะแก่การท่องเที่ยวและการพักผ่อน ด้วยพื้นที่ที่เป็นภูเขาและที่ราบสันเขา จึงเป็นต้นกำเนิดลำห้วยต่างๆ ซึ่งก็ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกหลายแห่ง และบนเกาะยังมีชายหาดเนียนละเอียด เคียงข้างน้ำทะเลใสแจ๋ว อีกทั้งยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังนานาชนิด จนได้รับสมญานามว่า
อันดามันแห่งทะเลตะวันออก” ชนพื้นถิ่นดั้งเดิมของเกาะกูด ส่วนใหญ่เป็นคนไทยและคนเขมรในเกาะกง ที่อพยพเข้ามาเมื่อสมัยเมืองปัจจันตคีรีเขตร์ ตกเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส ปัจจุบันชาวเกาะยังดำรงชีพด้วยการทำเกษตรกรรม ได้แก่ทำสวนยางพารา สวนมะพร้าว มีสวนผลไม้เพียงเล็กน้อย และทำประมงชายฝั่ง

         เดิมทีลูกชายโทรฯ บอกผู้เขียนว่า จะเดินทางไปยังเกาะโดยเรือ Speed Boat ของรีสอร์ต ซึ่งคิดค่าบริการคนละ 1,200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที ผู้เขียนจินตนาการถึงการเดินทางด้วยเรือดังกล่าวกลางทะเลเวิ้งว้าง เลยบอกลูกว่า "ถึงแม่จะแคล่วคล่องว่องไว ทนลมทนแดด แต่แม่ก็เป็นผู้สูงอายุนะ อีกอย่างเรือเล็กก็ไม่ปลอดภัย ไปเรือใหญ่แบบตอนไปเกาะช้างดีกว่า"  

           สุดท้ายลูกชายเลยเปลี่ยนการเดินทางจากฝั่งไปที่เกาะ และจากเกาะกลับมาที่ฝั่งด้วยเรือใหญ่ที่ให้บริการคนทั่วไป โดยจ่ายค่าโดยสารเรือไปกลับคนละ 700 บาท (แถมฟรีรถรับส่ง) การเดินทางครั้งนี้ ทุลักทุเลและอีรุงตุงนังด้วยสัมภาระทั้งของคนและของเจ้า 4 ขา รวมทั้งตัวสุนัขเองที่ดูแลตนเองไม่ได้ สัมภาระของผู้เขียนคือกระเป๋าเดินทางใบเล็ก (ที่บรรทุกหนังสือที่ซื้อทั้งหมด และมะม่วงจากสวนและยังไม่วายพก Notebook ไปด้วย...นี่ก็เราจะไม่พรากจากกัน แต่ไม่เป็นภาระของใคร) จึงเป็นแรงงานสำคัญที่ต้องช่วยยกสัมภาระของสุนัข รวมทั้งด้วยความที่เป็นคนแคล่วคล่องว่องไวที่สุดในกรุ๊ปทัวร์อลเวง จึงรับผิดชอบจัดการเรื่องรับตั๋ว/ให้ตรวจตั๋ว และรับ/เก็บรักษาบัตรจอดรถที่ถ้าทำหายจะถูกปรับ 100 บาท (ตอนไปเที่ยวเกาะช้างนำรถลงเรือไปที่เกาะด้วย แต่ครั้งนี้เรือบริการเล็กกว่า บรรทุกรถไม่ได้จึงต้องจอดรถในที่ๆ บริษัทให้บริการเรือจัดไว้ให้ โดยจ่ายค่าจอดรถคืนละ 50 บาท)   

             (เฉพาะภาพนี้ ที่ผู้เขียนรวบรวมมาจากภาพในเว็บของบริษัทที่ให้บริการเรือรับส่ง)

         ก่อนลงเรือ พนักงานบอกว่า ผู้ที่มีสุนัขให้ขึ้นไปนั่งบนดาดฟ้าไม่ให้นั่งห้องแอร์ แบบนี้ก็เข้าทางผู้เขียนสิ เพราะชอบที่ที่มีลมธรรมชาติพัดผ่าน และการนั่งที่ดาดฟ้าก็เหมาะสำหรับการถ่ายรูปมากกว่า ...แต่ก็เจออุปสรรคจนได้ เพราะเพิ่งก้าวขาจะไปยืนที่ขอบเรือเพื่อถ่ายรูปก็ต้องถอยออกมา เพราะมีคนมาใช้ข้างเรือเป็นที่นอนเสียนี่ ...หนักกว่านั้น ผู้เขียนกับลูกสาวไม่มีที่นั่ง ก็เลยต้องนั่งท้ายสุดของดาดฟ้าเรือบนท่อนเหล็กกลมๆ ที่จัดไว้สำหรับวางเสื้อชูชีพ (ต้องให้ที่นั่งกับลูกชายและนุกนิกก่อน เพราะทั้งสองคนต้องดูแลตัวป่วนทั้งสาม แต่เวลาที่ตัวป่วนตัวใดก่อเรื่องทะเลาะวิวาท แม่ก็ต้องช่วยกันบี.เอ็ม.ตัวป่วนที่สุดออกมาดูแล เพื่อไม่ให้ส่งเสียงรบกวนผู้โดยสารอื่น ...แค่มีสุนัข 3 ตัวอยู่บนเรือด้วย ผู้เขียนก็เกรงใจผู้โดยสารคนอื่นๆ จะแย่อยู่แล้ว แต่เจ้าของสุนัขทั้งสองคนเขากลับไม่คิดในจุดนี้) 

         มองมุมบวกของการได้อยู่ท้ายสุดของเรือ...นั่นก็คือการได้เห็นและได้ถ่ายภาพทิวทัศน์ของทะเลในมุมกว้าง โดยไม่มีส่วนใดของเรือและของผู้โดยสารอื่นมาบดบัง...

            ผู้โดยสารส่วนใหญ่บนดาดฟ้าเรือเป็นชาวตะวันตก (The Westerners) ผู้เขียนเห็นลูกชายคุยกับหนุ่มใหญ่หุ่นเจ้าเนื้ออยู่นานสองนาน หลงดีใจว่าลูกได้รับโอกาสในการพัฒนาทักษะการพูดภาษาอังกฤษ (ลูกชายและลูกสาวใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้ทั้งการพูดและการเขียน ทั้งที่ไม่ได้เรียนในสายภาษาและแม่ก็ไม่ได้ฝึกให้ เพราะเคยซื้อ Whiteboard มาสอนลูกตอนที่พี่เอ๋เรียนป.5 น้องตั้มเรียนป.4 แต่สอนได้ครั้งเดียวก็เลิก เพราะทนพฤติกรรมยุกยิกๆ ของเด็กทั้งสองไม่ไหว ถามว่าทำไมถึงไม่ใส่ใจ พวกเขาก็หัวเราะ บอกว่าที่แม่สอนน่ะ มันง่ายมาก ทุกเรื่องเรารู้มาหมดแล้ว) ที่ไหนได้ พอเข้าไปฟังใกล้ๆ ถึงได้รู้ว่าทั้งสองฝ่ายสื่อสารกันด้วยภาษาไทย (ชาวตะวันตกที่ลูกคุยด้วยมาทำทัวร์ที่เมืองไทย 8 ปีแล้ว) ผู้เขียนเลยพูดเป็นภาษาอังกฤษ ขอให้เขาพูดภาษาอังกฤษกับลูก เพื่อให้ลูกชายได้ฝึกภาษา แต่เขาไม่ยอม พูดเสียงดังปนเสียงหัวเราะ บอกว่าไม่ชอบพูดภาษาอังกฤษ ชอบพูดไทยมากกว่า และบอกว่าภาษาอังกฤษของยูดีมากอยู่แล้วให้ฝึกลูกเอง (...ช่างไม่ให้ความร่วมมือเอาเสียเลย)

          เรือออกเวลา 12.30 น. ถึงเกาะประมาณ 14.00 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงครึ่ง เมื่อขึ้นฝั่ง ก็มีรถสองแถวจอดรอเพื่อพานักท่องเที่ยวไปส่งยังรีสอร์ตที่พัก (มีรถหลายคัน คนขับจะตะโกนบอกว่าคันของตนจะไปส่งที่รีสอร์ตใด) พอถึงที่รีสอร์ตที่จะพัก ผู้เขียนได้เดินสำรวจและมีความพึงพอใจ ที่พบว่า ด้านหน้ารีสอร์ตเป็นทะเลใสหาดทรายขาวสะอาดยาวเหยียด และด้านหลังยังมีคลองที่ให้ความรู้สึกสงบเย็นอีกด้วย

          และที่ชอบมากอีกอย่าง ก็คือ ที่พักและบริเวณโดยรอบแวดล้อมด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด ส่วนใหญ่เป็นไม้ใบประดับสีเขียวทำให้ดูร่มรื่นสบายตา ผู้เขียนจึงเดินซอกแซกถ่ายภาพในมุมต่างๆ เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการจัดสวนที่ฟาร์มไอดิน-กลิ่นไม้...ขอบใจน้องตั้มที่พาแม่เที่ยว โดยเลือกแหล่งท่องเที่ยวที่ตรงกับรสนิยมของแม่

              ขอบคุณกัลยาณมิตรทุกท่าน ที่กรุณาเข้ามาอ่าน/แสดงความเห็น หวังว่าจะติดตามในตอนที่ 2 ตอนจบ (เหมือนละครเรื่อง "ท่านชายปวรรุจเลย") นะคะ ตอนนี้ผู้เขียนขอกล่าวคำว่า "ราตรีสวัสดิ์" เพราะเกือบตีสามครึ่งแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าๆ เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับกทม.ค่ะ (การลงบันทึกตอนท้ายมีปัญหา เลยต้องลุกขึ้นมาแก้ไขตีห้าเศษ...แล้วของีบต่ออีกหน่อยนะคะ...แต่นอนไม่หลับเพราะจวนได้เวลาตื่น คืนวันที่ 2 พ.ค.เลยได้นอนไม่ถึงสองชั่วโมง) 

หมายเลขบันทึก: 534634เขียนเมื่อ 3 พฤษภาคม 2013 01:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 สิงหาคม 2013 10:21 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (34)


สวัสดีค่ะพี่ผศ.วิไล...ครอบครัวน่ารัก...บรรยากาศอบอุ่น...สถานที่สวยงาม...perfect ค่ะ ฝากนกนางนวลจากCalgary ให้หลานเอ๋ ดูเล่นนะคะ ชื่อ ring-billed gull ค่ะ

                                 

บรรยากาศอบอุ่น ผ่อนคลายจังคะอาจารย์


ได้ไปหลายที่เลยนะครับ

ผมชอบตอนนั่งเรือได้ชมบรรยากาศ มองได้ไกลมาก 

อาจารย์แม่นอนดึกจัง ขอให้มีความสุขกับการเดินทาง

ขอบคุณมากๆครับที่เขียนให้อ่าน..

ลุงสอไม่ได้ไปด้วยเหรอครับ ป้าวิ?

ได้พักผ่อนหลาย ๆ ที่ ดีจังจ้ะ

พี่รู้สึกซาบซึ้งใจมากค่ะ ที่ "น้องดร.นัยนา" กลับมาติดตามให้กำลังใจพี่อีก หลังจากที่เราไม่ได้พบกันมาพักใหญ่ๆ

พ่อจากไปตอนที่พี่เอ๋อายุ 5 ขวบ 3 เดือน น้องตั้มยังไม่ครบ 4 ขวบดีค่ะ และช่วงที่ลูกยังเรียน พี่ก็บ้างานจนให้เวลาในการดูแลลูกไม่เพียงพอ ตอนหลังก็เลยต้องการชดเชยหาเวลาอยู่ใกล้ชิดให้ความอบอุ่นกับลูกๆ เป็นระยะๆ ค่ะ

พี่ดีใจนะคะ ที่น้องนัยนาบอกว่าสถานที่ท่องเที่ยวที่นำชมสวยงาม  

นกนางนวล ring-billed gull จาก Calgary ที่น้องนำมาฝากลูกเอ๋ ขาวสวยมากนะคะ แถมยังมีหางสีดำประขาวน่าชมมากค่ะ ลูกเอ๋ซึ่งชอบสีขาวชื่นชอบมากและฝากขอบคุณน้องมาด้วยนะคะ (ให้เธอมาตอบขอบคณเอง เธอก็ยังเขินๆ ไม่กล้าค่ะ เลยฝากแม่ขอบคุณแทน พี่เองก็ขอขอบคุณน้องด้วยเช่นกันค่ะ ที่เมตตาหลาน) 

 

ลูกพาเที่ยว    ลูกน่ารักทุกคนค่ะ   

เกาะกูดน่าเที่ยวมากนะคะ  ได้นั่งเรือชมทะเลไกลๆถึงตราด ครูดาหลาเคยไปเกาะล้านเมืองชลค่ะ

                     

ปลื้มใจจริงๆ ค่ะ ที่ "หนูกระติก" แวะมาเยี่ยม หลังจากไมได้เห็นหน้ากันนานมากแล้ว ขอบคุณมากนะคะที่แวะมา

เมื่อกี๊แวะไปเยี่ยมบันทึกล่าสุดของหนู ...ดีจังค่ะ ที่หนูบอกว่า "...การพัฒนาคุณภาพการดูแล เป็นกิจกรรมที่พวกเราที่อยู่ในสาขาวิชาชีพนี้ ต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ" ...บอกว่า "...ปกติแล้ว พวกเราไม่มีวันเสาร์ อาทิตย์ หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์เหมือนชาวบ้านเขา..." นับว่าพยาบาลเป็นวิชาชีพที่เสียสละจริงๆ นะคะ ดูภาพประกอบบันทึกแล้วรู้สึกชื่นชมบรรยากาศการทำงานขององค์กรของหนู ที่แสดงถึงความร่วมมือของทีมงาน และการทำงานด้วยความสุขค่ะ


 

เออ! อาจารย์แม่ยังสงสัยอยู่เลยว่า ก่อนที่จะลงบันทึกนี้ "ลูกขจิต" รู้ได้ยังไงว่าอาจารย์แม่อยู่ที่ตราด ที่เกริ่นไว้ในอนุทินก็ไม่เห็นลูกขจิตเข้าไป ไม่ใช่เหรอคะ

ตอนนี้อาจารย์แม่อยู่กทม.แล้ว จะบินกลับอุบลฯ เย็นนี้ค่ะ

ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาเยี่ยมให้กำลังใจอาจารย์แม่

อาจารย์แม่มีเรื่องรบกวนถามค่ะ คือ อาจารย์แม่เข้าใจว่า ถ้าพิมพ์คำสำคัญของบันทึกว่า happy ba ชื่อบันทึกจะไปปรากฏในกรอบดังกล่าวในหน้าแรก GotoKnow แต่พิมพ์แล้วก็ไม่เห็นไปปรากฏ หรือต้องทำยังไงคะ

และอาจารย์แม่ได้ถามเกี่ยวกับกิจกรรมการขยับนิ้ว ที่ลูกขจิตกล่าวไว้ในบันทึกล่าสุดค่ะ

ขอบคุณ "คุณอักขณิช" มากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังใจ

พ่อใหญ่สอไม่ได้ไปด้วยค่ะ เพราะทิ้งฟาร์มไปไหนพร้อมกันทั้งสองคนไม่ได้ ช่วงนี้มีลูกไก่งวงที่ต้องดูแล ต้องผลัดเปลี่ยนกันไป อีกอย่างพ่อใหญ่สอบอกว่า ตอนนี้เดินทางท่องเที่ยวไม่ไหวแล้ว แกยังมีปัญหาการเดินค่ะ ยิ่งถ้าต้องลงเรือข้ามทะเล แกก็ยิ่งไม่เอาใหญ่ แกขี้กลัวค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยนะคะ

ก่อนออกจากบ้าน ป้าวิก็เตรียมอำนวยความสะดวกเรื่องความเป็นอยู่ไว้ให้แกหมด ที่ผ่านมาแกมีหน้าที่เพียงสองอย่าง คือ ให้อาหารไก่เช้า/เย็น และสั่งงานคนงานเท่านั้นค่ะ นอกนั้นเป็นหน้าที่ป้าวิหมด

อ้อ! ป้าวิถาม ดร.ขจิต ถึงวิธีที่จะทำให้ชื่อบันทึกไปปรากฏที่กรอบ  happy ba เห็นชื่อบันทึกของคุณอักขณิชไปปรากฏที่นั่นบ่อยๆ จะกรุณาบอกวิธีอีกแรงหนึ่งก็จะขอบคุณมากค่ะ

กัลยาณมิตร GotoKnow ที่เชียงใหม่เข้มแข็งคึกคักกันจังนะคะ ได้รับรางวัลสุดคะนึงกันหลายคนแล้ว ล่าสุดก็น้องครตูมที่คุณอักขณิตเพิ่งไปมอบดอกไม้มา 

-สวัสดีครับอาจารยย์แม่ไอดิน

-ตามมาอ่านบันทึกการท่องเที่ยวแบบฮาๆ

-อ่านไปก็ขำๆน่ะครับฮ่าๆ

-จะรอติดตามตอน๒นะครับ

-งานนี้มีของฝากพ่อใหญ่สอหรือเปล่าหนอ?

-เต็มอิ่มกับเรื่องเล่าในบันทึกนี้ครับ

-เย็นนี้เข้าฟาร์มเลยหรือเปล่าครับ?ต้นไม้คงคึดฮอดหลายเด้อ

-เดินทางกลับด้วยความปลอดภัยนะคร๊าบ!!!#


ขอบคุณมากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังใจจาก "คุณมะเดื่อ" คนเมืองสามอ่าว ที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลายชนิด และมีสถานีรถไฟที่สวยที่สุดในประเทศไทย

"ไอดิน-กลิ่นไม้" เคยไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวบ้านคุณมะเดื่อหลายแห่ง หลายครั้ง เริ่มจาก ยี่สิบกว่าปีมาแล้วไปที่สวนสน ประมาณยี่สิบปีมาแล้วเที่ยวที่หัวหินและได้ไปที่หัวหินอีกหลายครั้งค่ะ ประมาณ 5 ปีที่ผ่านมาเที่ยวที่หาดชมวาฬ บ่อนอกและอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด ประทับใจทุกแห่งเลยค่ะ

และชอบมากกับภาพแหล่งท่องเที่ยวเมืองสามอ่าว 2 ภาพ จากบันทึกของคุณมะเดื่อ ขออนุญาตนำมาแสดงไว้ในบันทึกนี้ด้วยนะคะ เผื่อจะมีโอกาสได้ไปค่ะ



ขอบคุณมากนะคะสำหรับดอกไม้กำลังใจจาก "CRUDALA" และขอบคุณที่เมตตาลูกกำพร้าของ "ไอดิน-กลิ่นไม้" ค่ะ

"ไอดิน-กลิ่นไม้" ไม่เคยไปเกาะล้านค่ะ แต่พ่อใหญ่สอเคยไป

ชอบงานวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียนของคุณครูมากค่ะ ที่ได้ใช้วิธีปราบเซียนด้วยการเต้นบีบอย จนมีผลทำให้นักเรียนชายชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดขี้เหล็ก สพป.ลำพูน เขต 1  ไม่มีพฤติกรรมหนีเรียนคิดเป็นร้อยละ 100 ดรงเรียนอื่นๆ น่าจะนำไปลองใช้ดูบ้างนะคะ


อาจารย์แม่ไอดินได้เวลาเตรียมตัวไปดอนเมืองแล้วค่ะ "คุณเพชรน้ำหนึ่ง"

ลูกชายจะไปส่ง วันนี้เครื่อง Delay จะถึงอุบลฯเกือบสองทุ่ม ทานข้าวในเมืองแล้วก็จะกลับเข้าฟาร์มเลยค่ะ แล้วจะเข้ามาตอบอีกครั้งนะคะ

ดิฉันได้(แอบ)ตามมาเที่ยวด้วย  ท่านอาจารย์ไอดิน-กลิ่นไม้ เล่าได้ละเอียดมาก ได้ดูรูปด้วย เหมือนได้ไปเองเลย ขอบคุณค่ะ

ท่านอาจารย์ไอดิน-กลิ่นไม้   คะ  ใส่คำสำคัญที่ไม่มีติด ไม้โท มานะคะ  จะได้ไปเข้าหมวดคำสำคัญ happy ba ค่ะ (ขออนุญาตตอบแทนท่านอาจารย์ ขจิตค่ะ)


" />



สวัสดียายไอดิน ป๋าเดไม่ได้เข้าอ่านบล๊อกของเพื่อนๆเสียนานเพราะมีหลายเหตุ

-ดีใจด้วยที่ได้ไปเที่ยวกับลูกๆ....บันทึกได้ละเอียดมากรวมทั้งมีภาพสวยๆให้ชม....แต่ชอบนอนดึกระวังสุขภาพบ้างกลับถึงบ้านค่อยเขียนบันทึกก็ได้

-ขอบคุณยายไอดินที่เป็นห่วง เรื่องหัวไหล่ป๋าเดที่เจ็บหายแล้ว 90 % ด้วยการกินยา ถ้าอยากหายขาดคงต้องเลิกเล่นวู้ดบอล.......กลางเดือนนี้ต้องไปช่วยเพื่อนๆ(น้อง)ที่จังหวัดพะเยาจัดการแข่งขันกีฬาไทยภูเขาระดับประเทศ (วู้ดบอลถูกบรรจุด้วย) ทั้งประเทศไทยมีชาวไทยภูเขาอยู่ 20 จังหวัด...แล้วจะเขียนในบล๊อกต่อไป

-สุดท้ายขอทาย (คงไม่ถูก) เรื่องหนังสือที่ยายไอดินซื้อให้ลูกๆว่า ๑)แผนที่ชีวิตกับยี่สบ ซื้อให้ลูกสาว ๒)เป็นเจ้าของกิจการต้องรู้เท่าทัน ซื้อให้ลูกชาย ส่วนที่เหลือ ๓ เล่มยายไอดินเก็บไว้อ่านเอง ถ้าทายถูกต้องตบรางวัล 555


ขอบคุณ "คุณ on time" มากนะคะ สำหรับคำแนะนำพร้อมภาพประกอบอย่างละเอียดชัดเจน

เช้านี้ ก่อนที่จะเลื่อนลงมาดูความเห็นของกัลยาณมิตร ดิฉันได้ตรวจดูคำสำคัญอีกครั้งหนึ่ง และเพิ่งจะเห็นว่า มีไม้โทติดอยู่ในคำว่า happy ba คิดว่า ไม้โทน่าจะเป็นสาเหตุของปัญหา จึงได้เข้าไปแก้ไขโดยลบคำในกรอบและพิมพ์ใหม่ แต่ระบบกลับไม่เปลี่ยนคำสำคัญให้ตามที่แก้ ยังเป็นคำเดิมค่ะ

พอเลื่อนลงไปดูความเห็นของผู้อ่าน จึงได้พบกับคำแนะนำของ "คุณ on time" ทำให้ทราบว่า ไม้โทที่ติดมาเป็นสาเหตุของปัญหาจริงๆ คราวนี้จึงได้กลับเข้าไปแก้คำสำคัญใหม่ โดยลบคำเดิมออกทั้งหมดและพิมพ์ใหม่ทุกคำ พอแก้แล้ว คลิกที่คำว่า "แสดงเพจ" ท้ายบันทึก ก็พบว่า มีคำสำคัญตรงกับที่พิมพ์ใหม่ทั้งหมดค่ะ แต่เมื่อเปิดดูจากบันทึกตรงๆ คำสำคัญทั้งหมดกลับยังเป็นแบบเดิมที่ใส่ไว้แรกสุด รวมทั้งคำว่า happy ba ติดไม้โทด้วย หรือว่าเป็นเพราะระบบจะไม่เปลี่ยนให้ทันที ต้องรอเวลาสักระยะ เหมือนเวลาแสดงความเห็นคะ

ขอบคุณ "ดร.โอ๋-อโณ" มากนะคะสำหรับดอกไม้กำลังใจ

ย้อนไปอ่านบันทึกของน้องเกี่ยวกับลูกๆ พี่ได้พบว่า ในการติดต่อสื่อสารกับลูกๆ ผ่าน Social Network สิ่งที่เราคล้ายกันก็คือ ที่น้องบอกว่า "เราจะรู้ว่าลูกทำอะไรที่ไหน เพื่อนๆ ลูกเป็นใคร วงจรของลูกเป็นอย่างไรได้จากการอ่านใน Facebook"...พี่เคยเขียนในบันทึก "การใช้สื่อออนไลน์ เพื่อส่งเสริมสุขภาพกาย จิตใจ และสังคม" ความตอนหนึ่งว่า พี่ใช้ Facebook น้อยมาก ที่ใช้อยู่ก็เพื่อติดตามลูกสาวในแนวเดียวกันกับที่น้องกล่าวถึงนั่นแหละค่ะ




ขอคุยกับ "คุณเพชรน้ำหนึ่ง" ต่อนะคะ คราวก่อนคุยไม่จบเพราะได้เวลาเตรียมตัวไปสนามบินค่ะ คุยกับคุณเพชรทีไร ยาวทุกที

อาจารย์แม่ไอดินดีใจนะคะ ที่คุณเพชรอ่านบันทึกไปขำไป "...อ่านไปก็ขำๆ น่ะครับฮ่าๆ..." ทำให้นึกถึงเสียงหัวเราะของหนุ่มเจ้าเนื้อที่อาจารย์แม่เข้าไปขอให้คุยกับลูกตั้มเป็นภาษาอังกฤษ...ไม่รู้ว่าเสียงหัวเราะของใครจะดังกว่ากัน

ขอบคุณมากนะคะที่บอกว่าจะรอติดตามตอนที่ 2

งานนี้มีของฝากพ่อใหญ่สอหรือเปล่าหนอ : มีสิคะ จะพลาดได้อย่างไร ซื้อฝากทุกครั้ง อิอิ...ครั้งนี้ขากลับลูกพาแวะซื้ออาหารเย็นที่ตลาดนัดสนามบินสุวรรณภูมิ นึกได้ว่า ก่อนออกจากฟาร์ม 1 วันเห็นพ่อใหญ่สอบ่นว่า ไม้ตีแมลงวันของแกหายหาที่ไหนก็ไม่เจอ ช่วยหาก็ไม่เจอ อันที่มีอยู่ก่อนแกซื้อเอง แกชอบนอนกลางวันแล้วมันก็ไปตอมใบหน้าแก อาจารย์แม่ทำที่ไล่แมลงวันให้แกหลายอัน (ใช้วัสดุธรรมชาติคือก้านปาล์มแดงที่ริดใบจากส่วนโคนออก เหลือไว้เฉพาะส่วนปลาย) ก็ไม่เป็นที่นิยมของผู้อุปโภคค่ะ เลยซื้อฝากแก 2 อัน ๆ ละ 10 บาทค่ะ

ต้นไม้คงคึดฮอดหลายเด๊อ : ต้องใช้ไม้ตรีแทนไม้โทนะคะถึงจะออกเสียงตรงกับสำเนียงจริง อาจารย์แม่ไอดินก็คิดถึงพวกเขาหลาย โทรฯ ถามพ่อใหญ่สอว่า รดน้ำต้นไม้ที่ปลูกใหม่หรือเปล่า ลีลาวดีที่ชำไว้รดแล้วยัง อย่าลืมให้อาหารเฉาก๊วยนะ (สุนัข) พ่อใหญ่สอบ่นว่า ไม่ถามเหรอว่าคนกินข้าวแล้วหรือยัง 

เดินทางกลับด้วยความปลอดภัยนะคร๊าบ!!!# : ขอบคุณค่ะ อ.แม่ไอดินกลับถึงฟาร์มโดยสวัสดิภาพแล้ว คราวนี้กังวลอยู่บ้างตอนที่พนักงานบนเครื่องประกาศว่า ที่สนามบินดอนเมืองมีเมฆมาก สนามบินนานาชาติอุบลฯก็มีเมฆมากเช่นกัน และช่วงหนึ่งประกาศว่า ขณะนี้เรากำลังบินผ่านบริเวณที่มีลมแปรปรวน แต่ก็ผ่านได้โดยราบรื่นค่ะ (คำว่า คร้าบ ต้องใช้ไม้โทนะคะถึงจะถูก อาจารย์แม่ว่าจะบอกมานานแล้วแต่ยังไม่กล้า ตอนนี้กล้าแล้วค่ะ)

อ.แม่ไอดินถามเรื่องส่วนผสมทำไข่เค็มไว้ ยังไม่ได้เข้าไปดูว่าคุณเพชรตอบแล้วยัง...ดอกไม้ที่นำมาฝาก คือดอกอะไรคะ ตอนเรียนป.3-4 เวลาไปแห่ผะเหวดในป่า จะเก็บดอกแบบนี้แหละค่ะ เวลาเด็ดจะมียางเหนียวๆ จำชื่อไม่ได้ค่ะ

แล้วพบกันตอนที่ 2 นะคะ ฝากคิดถึงคนน่ารัก "หนูมดตะนอยต่อยต้นพริก" ด้วยค่ะ

 


ขอบคุณ "ป๋าเด" นะคะที่แวะเยี่ยม ยายไอดินไม่ได้ชอบนอนดึกนะคะ แต่ไม่ได้ลงบันทึกมาเกือบเดือนแล้ว บอกใครๆ ว่าจะลง (เรื่องอื่น) ตั้งแต่วันที่ 30 เม.ย. แต่ยังไม่ได้ลง เลยต้องรีบลงในวันที่ 2 พ.ค. ค่ะ 

ดีใจด้วยนะคะที่อาการเจ็บหัวไหล่หายแล้ว 90 % ถ้าต้องเลิกเล่นวู้ดบอลเพื่อให้หายขาด ป๋าเดคงเสียดายนะคะ แต่ก็คงต้องตัดสินใจเลือกแหละนะคะ

ป๋าเดบอกว่า "กลางเดือนนี้ต้องไปช่วยเพื่อนๆ (น้อง) ที่จังหวัดพะเยาจัดการแข่งขันกีฬาไทยภูเขาระดับประเทศ (วู้ดบอลถูกบรรจุด้วย) ทั้งประเทศไทยมีชาวไทยภูเขาอยู่ 20 จังหวัด...แล้วจะเขียนในบล๊อกต่อไป" ยายไอดินเคยดูกีฬาไทยภูเขาในทีวี สนุกมากค่ะ ...แล้วจะติดตามอ่านนะคะ

สุดท้ายขอทาย (คงไม่ถูก) เรื่องหนังสือที่ยายไอดินซื้อให้ลูกๆว่า ๑)แผนที่ชีวิตกับยี่สบ ซื้อให้ลูกสาว ๒)เป็นเจ้าของกิจการต้องรู้เท่าทัน ซื้อให้ลูกชาย ส่วนที่เหลือ ๓ เล่มยายไอดินเก็บไว้อ่านเอง ถ้าทายถูกต้องตบรางวัล 555

ยอมรับเลยค่ะ ว่า ป๋าเดเก่งการวิเคราะห์ เคยตอบคำถามเชิงวิเคราะห์ของยายไอดินถูกเจ๋งๆ มาแล้ว น่าจะอุปมาน (Induce) ได้ว่า ป๋าเดเป็นคนสมองสองซีก (Whole Brain) นะคะ คือ ถนัดทั้งการใช้สมองซีกซ้าย (เก่งการวิเคราะห์) และสมองซีกขวา (เก่งการใช้ทักษะกล้ามเนื้อ-เล่นวู้ดบอล)

ที่ป๋าเดทาย ตรงกับความตั้งใจของยายไอดินในครั้งแรก 5 เล่ม พลาดเล่มเดียวค่ะ อิอิ...อะไรคะ ยี่สบ จริงๆ แล้วคือนิทานอีสปค่ะ แต่ยังไงก็จะให้รางวัลนะคะ อยากได้รางวัลอะไรน้อ...แต่จะยังไม่เฉลย เอาไว้เฉลยในบันทึกตอนที่สองค่ะ 


 

ผมเคยพิมพ์ว่า happy ba แล้ว ทำไมมันเป็น Happy ba มีไม้โท แบบอาจารย์แม่เหมือนกัน เลยแก้ไขหลายครั้ง

เคยแจ้งอาจารย์จันแล้วครับ

ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร

ตอนนี้บันทึกอาจารย์แม่ไปรวมใน happy ba แล้วนี่ครับ  กิจกรรมขยับนิ้ว ต้องอธิบายยาวเลยครับ

เป็นเรื่องของกล้ามเนื้อนิ้วครับ ...ขอบคุณอาจารย์แม่มากครับ

ก็แสดงว่า การพิมพ์คำว่า happy ba แล้วมีไม้โทติดมาก่อนหน้าคำที่พิมพ์ เกิดจากปัญหาของระบบนะคะ เพราะ "ลูกขจิต" กูรูด้าน IT คนหนึ่งใน GotoKnow ยังเจอปัญหานี้เลย ก่อนนี้อาจารย์แม่งงว่ามันติดมาได้ยังไง

อ้อ! ตอนนี้บันทึกของอาจารย์แม่ไปรวมใน happy ba แล้วเหรอคะ อาจารย์แม่เช็คไม่ได้เลยค่ะ รู้แต่ว่า คำสำคัญที่ลบพิมพ์ใหม่ทุกคำ ตอนนี้เป็นไปตามที่แก้ไขแล้ว ขอบคุณมากนะคะ ที่แจ้งให้ทราบ 

สวัสดีค่ะอาจารย์

  • ชอบจัง ธรรมชาติสวยงามมากค่ะ อยากไปมั่ง

ขอบคุณดอกไม้กำลังใจจาก "คุณมนัสดา" นะคะ

คุณมนัสดาจะไปเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้วค่ะ และเชื่อว่าหาดทรายขาวสะอาดและธรรมชาติอันสวยงามที่เกาะกูด จะยินดีต้อนรับคนงามนอกงามใน ยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างคุณมนัสดาอย่างแน่นอน

อย่าลืมติดตามตอนที่ 2 ตอนจบนะคะ เพราะมีภาพที่สวยกว่าตอนที่ 1 (ภาพจากกล้อง/ฝีมือการถ่ายภาพของลูกชายค่ะ)


 

ยินดีมากค่ะ ที่ได้ต้อนรับกัลยาณมิตรคนใหม่ ของ "ไอดิน-กลิ่นไม้" ..."คุณ Vittaya Low"

ขอบคุณมากนะคะ ที่เข้ามามอบดอกไม้เป็นกำลังใจ หวังว่าจะตามไปท่องเที่ยวเกาะกูดในตอนที่ 2 (ตอนจบ) นะคะ ...ตั้งใจจะลงประมาณ 3 วันข้างหน้านี้ค่ะ

และหวังว่า "คุณ Vittaya Low" จะเขียนบันทึกหรืออนุทินให้อ่านบ้างนะคะ

 

 

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังใจจาก "น้องอิน" น้องสาวผู้อ่อนโยน และอบบอุ่น

ดูเหมือนพี่จะไม่ได้เห็นงานเขียนของน้องมานานแล้วนะคะ

  • สวัสดีครับอาจารย์
  • ชอบภาพนกนางนวลบินที่ท้ายเรือครับ
  • ดูแล้วเพลินดีครับ
  • อาจารย์สบายดีนะครับ?

ขอบคุณมากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังใจจาก "คุณวศิน"

แหม! ชอบตอนเดียวกันกับลูกพี่เลยนะคะ ลูกพี่ (ดร.ขจิต) บอกว่า "...ชอบตอนนั่งเรือ ได้ชมบรรยากาศ มองได้ไกลมาก" ลูกน้องบอกว่า ชอบนกนางนวลที่บินท้ายเรือ ดูแล้วเพลินดี 

อาจารย์แม่ได้เข้าไปดูบันทึกล่าสุดของคุณวศิน เลยทราบว่า คุณวศินกำลังออกฝึกประสบการณ์ 1 ปี และสร้าง Blog ใหม่เพื่อเขียนบันทึกในเรื่องดังกล่าว คุณวศินมีประสบการณ์ในการพัฒนาโรงเรียนมามาก และเป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์อันดี คงจะใช้ทั้งประสบการณ์และนิสัยส่วนตัวที่ดี ในการฝึกประสบการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ/ประสิทธิผล อาจารย์แม่ขอเป็นกำลังใจและจะติดตามอ่านบันทึกใน Blog นี้ไปเรื่อยๆ นะคะ

พรุ่งนี้ อาจารย์แม่จะลงตอนที่ 2 (ตอนจบของบันทึก "ลูกพาเที่ยว...") มีภาพป้ายภาษาอังกฤษที่ชายหาดด้วย หวังว่าจะติดตามนะคะ (ป้ายภาษาอังกฤษ ใช้เป็นสื่อจัดการเรียนรู้ให้กับนักเรียนได้ด้วยนะคะ)  

 


แวะมาอ่านบันทึกแห่งความสุขดีๆเช่นนี้ค่ะ...


ขอบพระคุณมากนะคะ สำหรับดอกไม้กำลังจาก "พี่ใหญ่" ...ดอกหางนกยูงไทยสีเหลือง

ในบันทึกก่อนๆ น้องเห็นดอกหางนกยูงไทยใกล้รั้วบ้านพี่ใหญ่ ดูไม่ชัดว่าเป็นสีส้มหรือชมพู ที่ฟาร์มน้องปลูกทั้ง 3 สีค่ะ สีชมพูนำเมล็ดมาจากต้นข้างทางรู้สึกจะเป็นที่ จ.สุรินทร์ พอออกดอกและมีฝักแห้ง ก็นำเมล็ดไปเพาะต่อ เพราะที่อุบลฯ ไม่เคยเห็นสีชมพูค่ะ และต้นที่เพาะไว้ก็ออกดอกมาเป็นรุ่นที่ 2 แล้วนะคะ

  • ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ เคยใฝ่ฝันว่าจะไปค่ะ ยังไม่ได้หาข้อมูลเลยค่ะ ได้ข้อมูลของอาจารย์อย่างละเอียดเลย ที่พักที่ไหนหรือคะ ร่มรื่นมากค่ะ 
  • อยากเรียนเชิญอาจารย์คัดเลือกบันทึกมาห้าบันทึกร่วมกิจกรรม Happy Ba ด้วยนะคะ แวะไปอ่านรายละเอียดในข่าวประสัมพันธ์ได้เลยค่ะ
  • เพราะบันทึกของอาจารย์ทรงคุณค่ามาก เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งของกันและกันค่ะ

ขอบคุณ "คุณ Sila Phu-Chaya" มากนะคะ ที่กรุณาแวะมาอ่าน มอบดอกไม้เป็นกำลังใจและมีปิยวาจาเสริมสร้างพลังใจ "ไอดิน-กลิ่นไม้" ไว้ว่า "...บันทึกของอาจารย์ทรงคุณค่ามาก เราจึงอยากเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน..."  

นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งค่ะ ที่ "ไอดิน-กลิ่นไม้" ได้รับเชิญให้เข้าร่วมกิจกรรม Happy Ba แล้วจะร่วมกิจกรรมตามคำเชิญนะคะ

สำหรับที่พัก คือ "Peter Pan Resort" ค่ะ (ในบันทึกตอนที่ 1 ไม่ได้ระบุชื่อตรงๆ เพราเกรงว่าผู้ดูแลระบบจะมองว่าเป็นการโฆษณาให้กับรีสอร์ต แต่ก็มีชื่อที่พักติดอยู่ที่ชิงช้าในภาพที่ 2 และชื่อที่ระบุในบัตรโดยสารเรือค่ะ) ที่พักมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะคะ ได้กล่าวถึงในบันทึกตอนที่ 2 ซึ่งตั้งใจจะลงภายในวันนี้ค่ะ ถ้าการใช้ Internet ที่ฟาร์มราบรื่น 

สงสัยต้องตามไปเที่ยวเกาะกูดมั่งแล้วค่ะ 

ชอบพาแม่เที่ยวค่ะ สมัยก่อนแม่ลำบากมาก เลยต้องชดเชยให้ซะหน่อย

ขอบคุณอาจารย์มากนะคะ

ขอบคุณ "kunrapee" มากนะคะ ที่แวะมามอบดอกไม้ให้กำลังใจให้ "ไอดิน-กลิ่นไม้"

"ไอดิน-กลิ่นไม้" ชื่นชมในความกตัญญูของ "kunrapee" มากค่ะ หลายๆ คนที่พ่อแม่เลี้ยงดูด้วยความยากลำบาก แต่พอตนเองสร้างฐานะจนมีชีวิตที่สะดวกสบายแล้ว ก็หาความสนุก สะดวกสบายให้แต่กับตน สามี/ภรรยาและลูก ไม่ได้กลับไปดูแลมอบสิ่งเหล่านั้นให้เป็นการชดเชยกับบุพการี

"ไอดิน-กลิ่นไม้" เติบโตมาจากครอบครัวที่มีลูก 5 คน พ่อซึ่งเป็นครูใหญ่เสียชีวิตตอนที่ตนเองอายุ 4 ปีมีน้องที่อายุ 2 ปี และอีกคนอายุ 20 วัน กับพี่อีก 2 คน แม่ซึ่งอายุแค่สามสิบกว่าปีแม้จะเป็นครูแต่ต้องทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำยิ่งกว่าญาติๆ ทางพ่อที่เป็นชาวนา เพื่อหาอยู่หากินเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ พวกเราลำบากมากบางมื้อต้องกินข้าวกับหัวหอมต้มจิ้มแจ่วเพราะไม่มีอะไรจะกิน จนปีแรกที่ไปเรียนครูหมอวินิจฉัยว่า "ไอดิน-กลิ่นไม้" ขาดโปรตีน เมื่อแม่เกษียณอายุราชการ ตั้งใจจะพาแม่มาอยู่ด้วยเพื่อมอบชีวิตที่สุขสบายให้กับท่านชดเชยความยากลำบากที่ท่านมีในหนหลัง แต่กลับไม่มีโอกาส เพราะท่านเจ็บป่วยและเสียชีวิตไม่กี่เดือนหลังเกษียณค่ะ  

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท