น้ำท่วมใจคนถางทาง....ระหว่างขับรถไปเผชิญหน้านักปราชญ์โลก แบบส่วนตัว


น้ำท่วมใจคนถางทาง....ระหว่างขับรถไปเผชิญหน้านักปราชญ์โลก แบบส่วนตัว


เมื่อสัปดาห์ก่อนผมขับรถไปเยี่ยม ครูท่าน ดร.ปราโมทย์ นาครทรรพ  ที่นนทบุรี  ต้องขับเลียบผ่านริมคลองประปาด้วย    เห็นกำแพงปูนสร้างใหม่สูงประมาณ ๒ เมตร ยาวประมาณ ๒ กม. กั้นไว้ระหว่างถนนและริมคลอง    สงสัยว่าคงเป็นการกั้นเพื่อกันน้ำท่วม  

มันรำคาญสายตามาก เพราะบังวิวการขับรถ ทำให้สติการขับบกพร่องไป    ขับไปก็คิดไปพลาง อย่างกะลิงเกาคาง  ได้ความสรุปดังนี้

ผมว่ากำแพงนี้ควรทุบทิ้ง  เพราะไม่มีเสียเลยก็มีค่าเท่ากัน  แล้วจะมีไปทำไมให้บังวิว ความสวยงามของคลองประปา และทิวทัศน์โดยรอบ  อีกทั้งยังทำให้แสงไฟหน้ารถสะท้อนแยงตา  ซึ่งเป็นอันตรายในยามค่ำคืน  ...ควรทุบทิ้งและยอมรับค่าโง่ทางวิศวกรรมศาสตร์โดยดุษฎี 

ถาม....มีใครทราบไหมว่า ในระยะ ๒ กม. ยาวเหยียดของกำแพงนี้ ระดับความสูง (head) เชิงภูมิศาสตร์ ระหว่างพื้นดินที่หัวกำแพงกับพื้นดินที่ท้ายกำแพงต่างกันเท่าใด ???

ตอบ....ผมได้คำนวณมานานตั้งแต่พศ. ๒๕๕๓ คราน้ำท่วมใหญ่โคราช แล้วว่า  ประมาณ  2 เซนติเมตร     (ความจริงเป็นหน้าที่ของวิศกรน้ำ ซึ่งเป็นส่วนย่อยของวิศวกรรมโยธาอีกต่อ  แต่ผมวิศวกรเครื่องกล ก็แส่ไปทุกเรื่องแหละครับ  อิอิ)  

ที่นี้สมมติว่า ถ้าน้ำหลากมาเอ่อกว่าระดับผิวดินปานกลางสัก ๓๐ ซม. (อย่าว่าแต่ ๑๐๐ ซม.เลย)  ถามต่อว่ากำแพงสูง ๒๐๐ ซม. ในลักษณะนี้จะป้องกันน้ำท่วมได้ไหม  

โอย...วิศวกรไทย คิดกันได้ไง  ไปละ ที่เหลือคิดต่อกันเอาเอง เดี๋ยวหมดหนุก 

ความทุกข์จากการเห็นกำแพงอัปลักษณ์ปลาศไปพลันเมื่อไปพบครูท่าน  ที่บ้านกลางป่าคอนกรีตติดถนนใหญ่เนื้อที่ ๖ ไร่ ร่มรื่นไปด้วยแมกไม้ ซึ่งถ้าท่านขายทำศูนย์การค้าหรือคอนโด ราคาคงไม่ต่ำกว่าร้อยล้านเป็นแน่  แต่ครูท่านก็อยู่อย่างสมถะสมฐานะของท่านไม่มีแววส่อว่ายุบย่นเหมือนมวยไทยยกห้าแต่ประการใด  ทั้งที่วันนี้ท่าน ๘๐ แล้ว 

การได้สนทนากับนักปราชญ์อย่างครูท่านถือเป็นบุญกุศลยิ่ง  ได้รับรู้เรื่องราว แนวคิดอันฉีกๆ ของท่านอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะเรื่องการศึกษาของไทยเรา  ทำให้ระลึกว่า คนเก่งคนดีในเมืองไทยเรานี้ ที่จะเป็นแสงสว่างทางปัญญาของชาติยังพอมีอยู่  ....แต่อนิจจาท่านเหล่านี้มักไมได้มีเวทีใหญ่ๆให้ฉายแสงมากนัก เพราะรักสันโดษ ปิดทองหลังพระเงียบๆ ไปตามครรลอง  

ส่วนพวกนักปราชญ์ “กรรมมารอ”  กลับเดินปร๋อกันเต็มเมือง   ฟุ้งเฟื่องเรื่องเดินตามก้นฝรั่งให้ คลุ้มคลั่งกันต่อไป  แทนที่จะเรียนรู้จากฝรั่งในสิ่งทีดีงาม แล้วตามให้ถูก เพื่อนำฝรั่งสักวันตามแนวทางของครูทั่น  

แม้จะไม่โด่งดังแบบกรรมมารอบางคน   แต่ครูท่านก็ทำหน้าที่ส่งต่อภาระงานเพื่อชาติอย่างเงียบๆ นะ  เป็นสายสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณที่จะได้รับการสืบทอด รอวันฉายแสงจ้าต่อไป ตามโอกาสอำนวย 

สนทนากันในห้องรับแขก ประมาณ ๑ ชม.  จากนั้นไปสนทนากันต่อ ที่ร้านอาหารริมบ้านท่าน  

ยอมรับว่าเป็นร้านอาหารที่ดีที่สุดในชีวิตเท่าที่เคยกินมา in terms of  performance to price ratio .....มีอาหารหลากหลาย รสชาติ บรรยากาศดี ราคาถูก (จานละเฉลี่ย ๑๐๐ บาทเท่านั้น..ถูกมากๆ !!)  ซึ่งอาหารแบบนี้ถ้าเป็นในร้านอื่นรับรองว่าจานละ ๒๕๐ up 

ผมสั่ง salmon salad จานละ ๙๐  นึกว่าคงจานเล็ก เลยสั่ง fish fillet สมทบอีกจานด้วยความตะกละ  ราคา (ตั้ง)  ๖๐ บาท (ก็นึกว่าเล็กอีก)  ........แต่พอมาเสริฟ  กลายเป็นจานเบ้อเร่อทั้งคู่  

สลัดมากลายเป็นปลาแซลม่อนดิบ โรยหน้ามาหลายชิ้นมาก  (ปริมาณปลานี้อย่างเดียวถ้าไปกินในร้านเทรนด์ญี่ปุ่นอาจตก ๑๕๐ เข้าไปแล้ว)  ....... แถมน้ำสลัดประหลาดมาก แปลก อร่อย ไม่หวานเหมือนร้านไทยทั่วไป ประมาณว่า อิตาเลี่ยนผสมบาหลี   (แต่น่าจะถามสักหน่อยว่าจะเอาน้ำอะไร)  

 สรุปคือกินสลัดอย่างเดียวก็อิ่มแล้ว  แต่ดันสั่ง fish มาอีก  ๖๐ จานเบ้อเร่อ ก็ต้องกินต่อจนพุงกางเพราะเสียดาย  จะห่อกลับรถก็กระไรอยู่      (แถมอร่อยมากอีกต่างหาก) 

ระหว่างกินก็สนทนากันไปพลาง  กับครูท่าน  ได้ทั้งอาหารท้องและอาหารสมอง  กักตุนไว้เป็นพลังงานภายใน.....เพื่อช่วยสังคมชาติต่อไป เมื่อจำเป็น 

น้ำใจที่ครูทั่นให้ในสองชั่วโมง แบบตัวต่อตัว ใจต่อใจ    คงท่วมท้นคนถางทางไปอีกนานแสนนาน

สวัสดี

...คนถางทาง (๒ พค. ๒๕๕๕) 


หมายเลขบันทึก: 534628เขียนเมื่อ 2 พฤษภาคม 2013 22:08 น. ()แก้ไขเมื่อ 2 พฤษภาคม 2013 22:08 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลงจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

เห็นอาหารมีความสุขกับการสนทนา

และที่สำคัญอาหารถูกและอร่อย....ร้านอาหารอยู่แถวไหนครับ

เผื่อมีเวลาเข้ากรุงจะแถวไปทานครับ

มาจากอีสาน ทางด่วนอุดรรัฐญา (ขั้นสอง)   เลี้ยวซ้ายเข้าแจ้งฯ  ขวาเข้าเลียบคลองประปาประมาณ ๓ โล  ขวาเข้าถนนสามัคคี ประมาณ ๖๐๐ เมตร ถ้าเลยซอย ๕๘ ก็เลยแล้วแหละ เป็นร้านริมถนน ชื่อร้าน (ดันจำไม่ได้)  ประมาณว่า "เสต็ก ๆ" อะไรนี่แหละครับ  มีสวนด้านหน้า มีบ้าน ห้องแอร์ เหมือนกับว่าเป็นบ้านคนมีตังค์เก่าแล้วปรับมาเป็นร้านอาหาร  จอดรถต้องริมถนนครับ แต่พอมีอยู่ ไม่แน่นเหมือนสีลม  บางลำภูหรอกครับ   ค้นหาแผนที่กูเกิ้ลก็เจอครับ 

อิ่มท้อง  อิ่มใจ  อ่านแล้วก็เป็นปลื้มไปกับท่านอาจารย์ คนถางทาง ไปด้วย  จริงๆ น้า..   

ปล.  เสียดายเงินค่าทำ ประติมากรรม กำแพงกันน้ำ จุงเบย  ถ้าทุบทิ้งด้วย เท่ากับเสียหายไปทวีคูณ  3 เท่า ของเงินลงทุนที่ทำชิ้นงาน เพราะมีค่าใช้จ่ายในการทุบทิ้งอีก..

...กำแพงปูนสร้างใหม่สูงประมาณ ๒ เมตร ยาวประมาณ ๒ กม. กั้นไว้ระหว่างถนนและริมคลอง    สงสัยว่าคงเป็นการกั้นเพื่อกันน้ำท่วม...  

I think it may there to stop "rubbish dumping" into the water supply canal -- people can be so vile ;-(

เรามาดูวัตถุประสงค์ของการสร้างกำแพงคอนกรีตกันค่ะ  (ขออนุญาตแสดงหลักฐาน ฮิ ฮิ )

ยกคอนกรีตกั้นคลองประปา แ้ก้น้ำท่วมถาวร


อ่านข่าวนี้ได้ตามลิ้งก์ นสพ. ไทยรัฐที่ยกมาประกอบบันทึกค่ะ

 เอาอยู่คร้า..  ยังไม่ทันได้ใช้จริงๆ เลย  จะให้รื้อทิ้งแล้วหรือคร้า..  (ทีมข่าวลอยter แว่วๆ มาแบบนี้)


กำแพงเดิมกันขยะ ส่วนมากเดิมหน้าตาแบบนี้ค่ะ



 

อ้าว...แล้วกัน   ขี่ช้างจับตั๊กแตนว่าแย่แล้ว  วันนี้มันสร้างกำแพงกันทิ้งขยะกันแล้วหรือ  ตั้งเสาติดกล้อง cctv จะถูกว่าล้านเท่าไหม (ถ้าไม่โกงกิน อิอิ)  


ขอบคุณสำนักข่าว sr และ ลอยเถอะ   อิอิ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท