สร้างจุดแข็งงานวิจัยด้านสมุนไพรไทยอย่างต่อเนื่อง
กับผลงานของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.)
เปิดตัวต้นแบบผลิตภัณฑ์ จากสมุนไพรไทย ใหม่ล่าสุด
เพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคคนไทย ไม่ต้องเสียเงินให้กับของนำเข้าราคาแพง นายยงวุฒิ
เสาวพฤกษ์ ผู้ว่าการ วว. บอกว่า วว. ตระหนักถึงความสำคัญของภูมิปัญญาไทย
จึงนำสมุนไพรไทยเข้าสู่กระบวนการวิจัยและพัฒนา เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสุขภาพ
เพิ่มมูลค่าให้สมุนไพรไทย และสร้างทางเลือกให้แก่ผู้บริโภคและที่สำคัญลดการนำเข้าเวชภัณฑ์จากต่างประเทศ
ล่าสุดฝ่ายเภสัชและผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ วว. ซึ่งมี ดร.ชุลีรัตน์
บรรจงลิขิตกุล เป็นผู้อำนวยการ
ประสบผลสำเร็จในการวิจัย 5 ผลิตภัณฑ์ใหม่จากสมุนไพร ที่มีบทบาทครอบคลุมการดำเนินชีวิตของผู้บริโภคอย่างเป็นรูปธรรมโดยผลงานแรก
เป็นเรื่องของการบำรุงสมอง สร้างความจำ เรียกว่า “เบรนนี่-แท็บ”
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดผักใบเขียว ดร.กฤติยา ทิสยากร หัวหน้าโครงการวิจัยนี้
บอกว่า ได้คัดเลือกผักใบเขียว เช่น ปวยเล้ง บัวบกและบร็อกโคลี มาศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาในสัตว์ทดลองที่เหนี่ยวนำให้เกิดภาวะความจำเสื่อม
ชั่วคราว แล้วนำมาพัฒนาเป็นยาเม็ดชนิดเคลือบฟิล์มแบบธรรมดา ผ่านการทดสอบกลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาแล้วพบว่า สามารถลดระดับของเอนไซม์ที่ทำลายสารสื่อประสาทในสมองได้เช่นเดียวกับยาที่
ใช้รักษาอาการโรคอัลไซเมอร์ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ยังผ่านการประเมินความปลอดภัยทั้งต่อสัตว์ทดลองและเซลล์เนื้อ เยื่อ เมื่อศึกษาประสิทธิผลของผลิตภัณฑ์ต่อความจำในอาสาสมัครเปรียบเทียบกับยาหลอก พบว่า “เบรนนี่-แท็บ” มีแนวโน้มในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของสมองโดยไม่มีผลข้างเคียงต่อร่าง กายเมื่อรับประทานทุกวันเป็นเวลา 3 เดือน
สำหรับผลงานชิ้นต่อมาตอบโจทย์คนที่มีปัญหาเรื่องรังแค โดยนำสารสกัดตะไคร้ต้นและขิงมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์เวชสำอางป้องกันรังแคชื่อ ว่า “ลิทเซียรา” นางรัตนศิริ จิวานนท์ หัวหน้าโครงการฯ บอกว่า ผลิตภัณฑ์อยู่ในรูปแบบแฮร์โทนิค มีประสิทธิภาพต้านเชื้อที่เป็นสาเหตุการเกิดรังแค และมีฤทธิ์ต้านอักเสบ ผลิตภัณฑ์ผ่านการประเมินความปลอดภัยเบื้องต้นในสัตว์ทดลอง และผ่านการทดสอบความปลอดภัย และการสำรวจความพึงพอใจในอาสาสมัครจากการทดลองใช้ผลิตภัณฑ์เป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ พบว่า ผู้บริโภคที่มีปัญหารังแคพึงพอใจในการใช้ผลิตภัณฑ์ อยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างมาก
นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์เวชสำอางป้องกันแผลเป็นนูน “ลิโค-สการ์ครีม” จากสารสกัดชะเอมเทศ
ซึ่งมีสรรพคุณลดการเกิดแผลเป็นนูน ไม่ก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ใช้ง่าย
เหมาะกับผิวหนังของคนไทย
และผลิตภัณฑ์เวชสำอางลดฝ้าลดริ้วรอย และผลิตภัณฑ์กันแดด “นิมฟ์ เดอ เมลา” ซึ่งพัฒนาจากสารสกัดดอกบัวสาย ผ่านการทดสอบฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและความปลอดภัยระดับพันธุพิษจากอนุมูล อิสระ รวมทั้งมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างเม็ดสีผิวเมลานิน และมีฤทธิ์ในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ นอกจากนี้ยังผ่านการทดสอบฤทธิ์ลดอาการอักเสบจากแสง ซึ่งพบว่าสามารถป้องกันการอักเสบที่ผิวหนังจากรังสี ยูวีเอและยูวีบี
สมุนไพรไทยเป็นมรดกทางภูมิปัญญา
ซึ่งบรรพบุรุษของเราได้สั่งสมความรู้ ประสบการณ์สืบต่อกันมาช้านาน แม้ว่าความเจริญรุดหน้าทางเทคโนโลยีการแพทย์ในปัจจุบันจะก้าวล้ำเพียงใด
แต่สมุนไพรไทยยังคงมีบทบาทสำคัญต่อการแพทย์แผนโบราณและการแพทย์แผนปัจจุบัน อย่างต่อเนื่อง
ด้วยสรรพคุณทางยาและคุณประโยชน์ที่หลากหลายของสมุนไพรไทยนั่นเอง ผู้ว่าการ วว. กล่าว ซึ่ง วว. มีความพร้อมในการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตผลิตภัณฑ์สู่เชิงพาณิชย์
เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้แก่อุตสาหกรรมเอสเอ็มอีของประเทศ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจของประเทศโดยรวมต่อไป
( ขอบคุณผลงานวิจัยจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ )
สมุนไพรไทยเราเยี่ยมนะคะ ผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างจะได้ใช้บ้างเมื่อไหร่นั้นคงต้องสอบถามที่วว.นะคะ
ด้วยความปรารถนาดี กานดา แสนมณี
สมุนไพรมีคุณค่ามากค่ะพี่กานดา
ต่อไปยิ่งวิจัย เราก็น่าจะยิ่งมีสมุนไพรที่ใช้แทนยาเคมี ซึ่งปลอดภัยกว่ามากค่ะ :)
-สวัสดีครับ
-สมุนไพรไทยเป็นมรดกทางปัญญา ซึ่งได้สั่งสมและสืบทอดมาจากบรรพบุุรุษ .
-ขอบคุณบทความดี ๆนี้ครับ
ขอบคุณสมุนไพรไทยค่ะ