ประวัติศาสตร์เรือกลไฟสมัยร ๓. ที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่(สนใจจะ)รู้
จุดพลิกผันทางประวัติศาสตร์แห่งชาติไทยอีกประการที่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ (สนใจจะ) รู้ คือ การสร้างเรือกลไฟ ขับเคลื่อนด้วยไอน้ำ ของเจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์ ( ต่อมาคือ สมเด็จพระปิ่นเกล้า) เมือประมาณ พศ. ๒๓๘๖
ท่านเป็นคนแรก และคนเดียวจนถึงบัดนี้ (พศ. ๒๕๕๖ หรือ ๑๗๐ ปีมาแล้ว) ที่ได้ขึ้นหน้าปกวารสาร Scientific American ในฐานะที่สร้างเรือกลไฟสำเร็จได้ในแผ่นดินสยาม (อุปมากับการสร้างยานอวกาศไปดวงจันทร์ในวันนี้) โดยที่ชิ้นส่วนทุกชิ้น รวมทั้งเครื่องยนต์ สร้างขึ้นเองทั้งหมด ไม่ได้มีการนำเข้าจากต่างประเทศเลย
แล้วจู่ๆ ทำไมในสมัยรัชกาลที่ ๔ จึงมีการตีข่าวว่า เรือกลไฟลำแรก สร้างโดยจมื่นไวยวรนาถ (ซึ่งต่อมาคือ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ผู้สำเร็จราชการแทน ร ๕ ครั้งยังทรงพระเยาว์) ทั้งที่เรือกลไฟลำนี้ แม้ตัวเรือต่อเองก็จริง จากอู่เรืออีกแห่งหนึ่ง แต่หัวใจของเรือ คือ เครื่องยนต์ไอน้ำนั้น สั่งซื้อจากต่างประเทศ
หรือว่านี่เป็นการเมืองที่จะ discredit สมเด็จพระปิ่นเกล้า หรือเปล่า ผู้ซึ่งผมว่า น่าจะยกย่องให้เป็น พระบิดาแห่งวิศวกรไทย เพราะทรงอุตสาหะเหลือล้นในการต่อเรือเองโดยฝีมือคนไทย แม้จะมีนาย chandler มิชชันนารีคริสต์จาก usa เป็นผู้ช่วยก็ตามที
เจ้าฟ้ากรมขุนอิศเรศรังสรรค์นั้น เมื่อตอนที่ ร ๓ สวรรคต ท่านกุมอำนาจเต็ม ทั้งด้านทหารและการเมือง ทรงพระหล่อ และฉลาดมากๆ เป็นวิศวกรต่อเรือทีทำได้อย่างเหลือเชื่อ น่าจะเป็น ร ๔ องค์ต่อมา แบบว่านอนมา
แต่ด้วยจริยธรรมส่วนตัว ท่านกลับไม่รับตำแหน่งพระราชา กลับไปเชิญ พระสงฆ์ ที่บวชมานาน ไม่มีอำนาจทางการเมืองใดๆ แต่เป็นผู้พี่ มาเป็น ร ๔ แทนพระองค์เอง
พอสมเด็จพระจอมเกล้าได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ ก็เลยเกรงบารมีกรมขุนฯ ก็เลยยกย่องให้กรมขุนฯ เป็นกษัตริย์คู่ มีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เราก็เลยจารึกกันว่า สยามเรามีกษัตริย์สองพระองค์ในครานั้น นี่ว่าไปแล้วเป็นพระปรีชาญานทางการเมืองของพระจอมเกล้าฯ อย่างล้นเหลือ เป็นการลดแรงกดดันทางการเมืองแบบพลิกฝ่ามือก็ว่าได้ เพราะอำนาจทางการทั้งหมดอยู่ในมือของพระปิ่นเกล้า
เรื่องนี้ยังไม่เห็นมีนักวิชาการประวัติศาสตร์ท่านใดศึกษา ว่าที่มาเป็นอย่างไรแน่ นี่ถ้าท่านทำเป็นทองไม่รู้ร้อน เป็น ร ๔ ไปตามกบิลเมือง ป่านนี้ประเทศไทยจะไปถึงไหน หนอ เพราะทรงพระปรีชาสามารถมากในวิศวกรรมศาสตร์ต่อเรือกลไฟ (ซึ่งมันเชื่อมโยงไปสู่เรื่องอื่นๆ อีกมาก)
เรื่องเรือกลไฟ ที่ต่อสู้กัน ก็อาจเป็นพระปรีชาญาณอีกประการของสมเด็จพระจอมเกล้าก็เป็นได้
จบแค่นี้ก่อน เรื่องนี้ เขียนได้ ๕๐๐ หน้าสบายๆ แถมอาจได้ติดคุกอีกต่างหาก อิอิ
.....คนถางทาง (๑๖ เมษายน ๒๕๕๖)
ขอบคุณสำหรับเกร็ดความรู้เรื่องนี้ เขียนต่อเถอะครับ
เห็นใจครับเรื่องเอาความจริงมาตีแผ่ เสี่ยงคุกเสี่ยงตราง
พยายามเลี่ยงๆสิครับยังมีคนอยากรู้เยอะครับ